“งั้นงานนี้เธอจะทำเป็นการกุศลอย่างนั้นใช่มั้ย” ผู้อำนวยการเฉินหัวเราะอย่างขบขัน
เกาเผิงส่งสายตาเย็นชาทันที เขาไม่ตลกด้วยนะ
“ฮะๆ ฉันล้อเล่นๆ เธอเนี่ยมักจะได้ลาภลอยมาช่วงนี้เสมอเลยนะ ครั้งก่อนก็เหมือนกันที่มีงานมาให้หลังจากที่การฝึกสนามจบลงแล้ว แบบตอนนี้เลย” ผู้อำนวยการเฉินถาม
‘ผู้อำนวยการเฉินนี่ทำเหมือนจะรู้เรื่องของเขาไปทุกเรื่องเลยนะ’ เกาเผิงคิด
หลังจากที่การฝึกภาคสนามจบลงก่อนกำหนดแบบนี้ เขาไม่รู้จะทำอะไรคงจะใช้เวลาพักทั้งหมดขลุกตัวอยู่แต่ในบ้าน ‘ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ไปทำงานที่สถาบันเพาะพันธ์สัตว์อสูรก็ดีเหมือนกัน แถงได้ตังค์ใช้ด้วย’
“งั้นเจอกันที่สถาบันเพาะพันธ์สัตว์อสูรนะครับผู้อำนวยการเฉิน” หลังจากคุยเสร็จเกาเผิงก็วางสาย
เกาเผิงนำสตีปี้ลงบันได เพื่อสับเปลี่ยนกับดัมมี่ หลังจากที่ได้ซื้อโรงรถมาเขาก็พบว่ามันไม่ได้กว้างมากพอให้สัตว์อสูรสองตัวอยู่ด้วยกันได้ดังนั้นเกาเผิงจึงจำเป็นต้องให้ทั้งสองตัวหมุนเวียนกันนอนในโรงรถ
หลังจากสับเปลี่ยนสตีปี้ ดัมมี่เสร็จแล้ว เกาเผิงก็โบกรถแท็กซี่ไปสถาบันเพาะพันธ์สัตว์อสูร
เมื่อเขามาถึงพนักงานตอนรับหญิงจึงยิ้มรับเกาเผิงในทันที เนื่องจากเกาเผิงมาบ่อยเธอจึงจำได้
เธอได้นำทางพาเกาเผิงมายังห้องวิจัย
ผู้อำนวยการเฉินเห็นเกาเผิงเดินเข้ามาจึงเดินไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว “โอ้มาถึงแล้วหรือ เธอมาเร็วกว่าที่ฉันคิดซะอีก มาดูนี่หน่อยสิ”
ภายในกรงกระจกขนาดใหญ่มีมีไส้เดือนอยู่ข้างใน พวกมันเป็น ไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนที่เขาเพิ่งได้เจอที่หุบเขา
มันเคลื่อนที่อย่างช้าๆอยู่ข้างใน ทำให้รู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่
เกาเผิงเริ่มคิดว่าเหตุการณ์ที่สัตว์อสูรบุกมาแบบนี้จะเกิดขึ้นถี่เกินไปแล้ว
‘แมงมุมปีศาจสีเทา ตั๊กแตนปาทังก้าใบไม้แห้ง และยังจะมีไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนอีก’
“หนึ่งในงานของพวกเราสถาบันเพาะพันธุ์สัตว์อสูรก็คือวิจัยและค้นหาจุดอ่อนของพวกมัน เวลาที่เกิดการบุกของสัตว์อสูรแบบนี้ทางรัฐบาลจึงขอให้เราช่วยเหลือในเรื่องนี้” ผู้อำนวยการเฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เกาเผิงมองไปที่เหล่านักวิจัยที่ทำหนักกันอย่างนัก “งานยุ่งแบบนี้เสมอเลยเหรอครับ”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนช่วงนี้สัตว์อสูรจะบุกเมืองมาถี่กว่าปกตินะ” ผู้อำนวยเฉินรู้ว่าเกาเผิงกำลังคิดอะไรอยู่ จึงอดไม่ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ปัญหาพวกนี้มันมีมาเรื่อยๆน่ะ พวกสัตว์อสูรมันไม่เหมือนในเกมนะ ที่จะอยู่เป็นที่ๆไม่ออกจากถิ่นไปไหน แม้บางตัวจะมีอาณาเขตที่แน่นอนแต่ก็มีบางตัวที่ย้ายถิ่นไปเรื่อยๆ บางตัวก็เสียอาณาเขตของมันต้องออกไปหาที่อยู่ใหม่ ทำให้เริ่มมีสัตว์อสูรบางตัว เริ่มที่จะสนในอาณาเขตของมนุษย์อย่างไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนแบบนี้” ผู้อำนวยการเฉินมองไปยังไส้เดือนที่อยู่ในกรงกระจก
เมื่อไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนเห็นมนุษย์ มันเปิดปากกว้างที่มีรูปร่างคล้ายดอกเบญจมาศ พุ่งไปที่ผนังกระจกเข้าเต็มแรง มันร่วงไปข้างล่างพร้อมกับทิ้งของเหลวสีเหลืองไว้ที่กระจก
“เดิมทีพวกอาศัยอยู่ที่ทะเลทรายต้าหลี่ ห่างจากเมืองฉางอานราว 100กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จริงๆต้อง 200กิโลเมตรสิ เพราะเปลือกโลกได้ขยายใหญ่ขึ้น ไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนนี้ปกติพวกมันอยู่แต่ในอาณาเขตของมันเท่านั้นไม่ออกมาข้างนอกนะ” ผู้อำนวยการเฉินกล่าวพร้อมถอนหายใจ
“ดูเหมือนที่ทะเลทรายต้าหลี่อาจจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังกำเนิดเกิดขึ้นก็เป็น ไม่งั้นไส้เดือนพวกนี้คงไม่ออกมาหรอก”
หลังจากหล่าวจบผู้อำนวยการเฉินก็เดินไปหานักวิจัยอีกคนหนึ่ง “หวังน้อยผลการทดสอบด้วยเกลือเป็ยอย่างไรบ้าง”
“ท่านครับผลออกมาจากพวกมันต้านทางเกลือสูงมากครับ คงจะเป็นไปได้ยากที่ใช้เกลือมาทำให้พวกมันอยู่ในภาวะขาดน้ำได้น่ะครับ” นักวิจัยหวังตอบ
เกาเผิงมองไปที่ห้องวิจัยที่วุ่ยวายอย่างเงียบๆ
ปีนี้มีเหตุร้ายรุนแรงเกิดขึ้นมากมาย มีผู้คนต้องทำงานหนักเพื่อดูแลความสงบสุขของโลก
คนทั่วไปมักจะคิดว่าโลกได้สงบสุขแล้วแต่มันก็แค่เพียงภาพลวงหลอกตา
แม้เกาเผิงก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้เขาต้องทำหน้าที่เบื้องหลังคอยดูแลความสงบสุขของโลกแล้ว
“ห้องวิจัยแห่งนี้มีเครื่องมือครบครัน หากขาดเหลืออะไรบอกฉันได้ และพวกเราก็มีไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนที่ใช้ทดลองอยู่มากมายตรงโน้น เธอสามารถเลือกมันมาใช้ได้เลยนะ” ผู้อำนวยการเฉินบอกกับเกาเผิง
เกาเผิงพยักหน้า เขาหยิบเครื่องมือที่ต้องการใช้ออกมา ขณะที่เขาถุงมือเขาก็ถามกับผู้อำนวยการเฉินว่า
“ทำไมคุณต้องดูแลผมดีขนาดนี้” นี่เป็นสิ่งที่เกาเผิงสงสัยมาเป็นเวลานาน
เขาไม่คิดว่าเป็นเพราะเรื่องเสน่ห์หาอย่างแน่นอน เขาดูออกว่ามันต้องมีเรื่องอะไรมากกว่านั้น
“ที่ฉันดูแลเธอดีขนาดนี้ก็เพราะว่าสามารถอันเก่งกาจของเธอยังไงล่ะ ที่นี่สถาบันเพาะพันธุ์สัตว์อสูรแห่งให้ความสำคัญกับผู้ที่เก่งกาจเป็นอัจฉริยะแบบเธอยังไงล่ะ” ผู้อำนวยการเฉินกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
“ฉันรู้ว่าเธอจินตนาการไปเรื่อย ฮะๆ แต่อาชีพผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรนี้เป็นอาชีพที่ทรงเกียรติจริงๆ ไม่ใช่ใครจะเป็นได้ เพราะฉะนั้นใครๆต่างก็เคารพผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรไงล่ะ เพราะคนทั่วไปต่างพึ่งพาผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรกันทั้ง..”
ขณะที่ผู้อำนวยการเฉินพูดอยู่ เสียงลิฟต์ก็ดังขึ้น
*ติ้ง*
ประตูได้เปิดออก มีชายคนหจึ่งออกมาจากข้างในลิฟต์
เกาเผิงตกใจที่เจอเขาที่นี่ ‘นั่นคือหัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินนี่’
ผู้ฝึกสอนเฉินเดินไปข้างหน้าและยื่น USB ให้กับผู้อำนวยการเฉิน เขามีท่าทีลังเลก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา “รีบเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด สถานการณ์ที่ทะเลทรายต้าหลี่ไม่ค่อยสู้ดีนัก”
‘ผู้ฝึกสอนเฉินกับผู้อำนวยการเฉิน..’
เกาเผิงจ้องไปมาระหว่างสองคนนี้แล้วพบว่า ทั้งสองดูคล้ายกันมาก เพียงแต่ผู้ฝึกสอนเฉินดูอ่อนกว่าเท่านั้น
หัวหน้าผู้ฝึกสอนเฉินก็หันเจอเกาเผิง เขาชะงักอยู่แปปนึงราวกับจำเกาเผิงไดทันที
เขาพยักหน้าให้เกาเผิงและพูดว่า “ทำต่อไป” จากนั้นเขาก็เดินออกจากห้องวิจัยไป
ถึงแม้ว่าเกาเผิงจะรู้จุดอ่อนของไส้เดือนเผ่ามนุษย์กินคนแล้ว แต่เขาไม่อาจพูดออกมาโดยที่ไม่มีอะไรมายืนยันได้
ระหว่างที่เกาเผิงกำลังทำการทดลองอยู่ เขาก็ถามผู้อำนวยการเฉินว่า
“ผู้อำนวยการครับ คือผมสงสัยว่า ทำไมโลกที่ขยายตัวออกแบบนี้แต่ทำไมพวกสิ่งก่อสร้างอย่างถนนถึงไม่ได้รับความเสียหายเลยล่ะครับ นอกนี้โลกนี้โลกที่ขยายใหญ่ขึ้นแรงโน้มถ่วงก็ควรจะเพิ่มตามใช่มั้ยครับ แต่ผมไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเลย นี่มันไม่ปกติใช่มั้ยครับ”
ข้อมูลในเรื่องนี้ไม่มีอยู่ในตำราใดๆ ดูเหมือนเรื่องนี้จะเป็นเรื่องต้องห้าม
“ฮะๆ เธอถามได้อย่างตรงจุดมาก” ผู้อำนวยการเฉินหัวเราะ
“จะบอกให้นะความจริงฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็มีการถกเถียงมากมายในเรื่องนี้ แต่คำถามแรกของเธอมีทฤษฎีที่น่าสนใจกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”