เกาเผิงวางซุปปลาไว้บนโต๊ะอาหารจากนั้นหันหลังไปหยิบช้อนออกมา
เมื่อเขาหันกลับมาเขาก็เห็นเฟลมยืนอยู่ใกล้ๆพร้อมชามซุปปลาและมันรู้ตัวว่าเกาเผิงเห็นมัน มันจึงกึ่งเดินกึ่งบินหนีไป
เขาอึ้งถึงกับพูดไม่ออกเลย ‘ไม่ใช่ว่ามันยังไม่อยากกินไม่ใช่เหรอ’
เกาเผิงเดินมาที่ชามของเขากับพบว่า ปลาในชามหายไปหมดไม่เหลือแม้แต่ชิ้น
“หนอย! เฟลมมี่!!”
สุดท้ายมื้อของเขาก็จบด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
หลังจากทานเสร็จ เขาทำความสะอาดจานชามและเครื่องครัว จนเสร็จ แล้วเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูข่าวสารต่างๆในช่วงนี้
เกาเผิงเปิดไปเจอฟอรั่มอันหนึ่งที่ทำให้เขารู้โกรธมาก แบบที่ไม่เคยโกรธใครมาก่อน
เนื้อหาของในกล่าวชายคนหนึ่งที่ขี่แมงมุมและบังคับให้คนอื่นสวมหมวกสีเขียวที่แสบตา มีคนจำคนๆนี้ได้และบอกว่าเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในการสอบรอบแรกของเมืองฉางอาน นั่นยิ่งทำให้ฟอรั่มนี้ร้อนแรงขึ้นไปอีก
เรื่องนี้เป็นที่ดังและพูดถึงเยอะมากในเมืองฉางอาน ดังจนเมืองข้างๆก็สนใจเรื่องนี้ด้วย
“ฉันงงมาก ทำไมนักข่าวสาวนั่นถึงต้องใส่หมวกงี่เง่านั่นบนกลางท้องถนนด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“พี่ชายที่ขี่แมงมุมช่างดูน่าสนใจมาก”
เกาเผิงไล่ดูหัวข้อต่างๆในบอร์ดสนทนาพบว่าแทบทุกหัวข้อพูดถึงเรื่องนี้ทั้งหมด
เขารู้สึกไม่โอเคกับเรื่องนี้ ครั้นจะไปเถียงพวกเขาก็ไม่มีทางชนะอีก โชคดีที่เรื่องนี้อยู่แค่ในบอร์ดเท่านั้น คงจะไม่เป็นไรมั้ง
แต่เดี๋ยวก่อนนะ ฟอรั่มนี้มีวิดีโอแนบมาด้วย
เกาเผิงเปิดวิดีโอทันที เป็นภาพที่ถ่ายไว้โดยสถานีฉางอาน ที่มีนักข่าวสาวคอยรายงานบรรยากาศภายนอกของสนามสอบ เนื้อหาก็รราบรื่นดีไม่มีอะไรสุดขัด
จนเกาเผิงที่นั่งบนหลังสตีปี้เดินเข้ามา
ถึงเกาเผิงจะรู้สึกไม่ค่อยดีแต่ก็ต้องชมเชยตากล้องที่ถ่ายเขาออกมาได้มุมที่โอเคมากจนต้องยกนิ้วให้เขา
ท่าทีที่ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ของเขาก็ดูดีมาก จนกระทั่งหลังจากที่เขาเดินออกไป เรื่องถึงเกิดขึ้น แมงกะพรุนสีเขียวได้ลอยไปที่ศีรษะของนักข่าวสาวแสนสวย
ในวิดีโอท่าทีนักข่าวสาวเปลี่ยนไปทันที มือของเธอสั่นเทา เธอไม่รู้ว่าอะไรอยู่บนศีรษะของเธอ เธอมองกล้องและถามว่า
“ที่หัวของมีอะไรอยู่งั้นเหรอ”
“นั่นคือมงกุฎ”
ด้วยประโยคเหล่านี้ทำให้เกิดไวรัลขึ้นมานับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างเช่น
“กวนอูที่หัวของฉันมีอะไรอยู่”
“ที่อยู่บนหัวของพี่นั่นคือพลังอำนาจไงล่ะ”
สีหน้าของนักข่าวสาวเปลี่ยนไปมาแต่เธอต้องรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ เธอฉีกยิ้มเดินไปหาเกาเผิงเพื่อไปคือหมวกให้กับเขา
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้เธอได้รับฉายา ควีนออฟคราวน์ ราชินีแห่งมงกุฎ
เกาเผิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดไปขนาดนี้ เขารู้สึกเสียใจและอยากจะขอโทษเธอเป็นอย่างมาก เขาปิดคอมทันที เขาไม่อยากจะรับรู้เรื่องพวกนี้อีกแล้ว
…….
หลังจากที่ดัมมี่ได้ขึ้นสู่ชนชั้นนักรบแล้ว เกาเผิงก็รู้สึกว่าร่างกายของเขามีอะไรบางอย่างที่เพิ่มมากขึ้น เขาไม่รู้มันคืออะไรแต่มันให้ความรู้สึกที่คล้ายกับ ทักษะลับ เคลื่อนดารา ของเขา
เกาเผิงเลยหลับตาและเรียกพันธะสัญญาเลือดของเขาภายในจิตใต้สำนึกของออกมา
มีเงา 5เงาที่รูปร่างคล้ายกับสัตว์อสูรทั้ง 5ของเขา หลังจากเสร็จสอบบางอย่างเสร็จเขาก็ลืมตาขึ้นมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
จากการตรวจสอบมา หากสัตว์อสูรบางตัวสามารถเลเวลอัพและเลื่อนขั้นชนชั้น ในทุกๆครั้งที่เลื่อนชนชั้น ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจะได้รับทักษะช่วยชีวิตจากสัตว์อสูรที่เลื่อนชนชั้นมา 1อย่าง
มีข้อความบางอย่างได้ปรากฏขึ้นมาในพันธะสัญญาเลือด
“การต่อสู่ระหว่างสัตว์อสูร ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรควรอยู่ด้านหลังและเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ”
ข้อความนี้ ทำให้เกาเผิงรู้แปลกๆขึ้นมา
ทักษะเอาตัวรอดอันใหม่ที่เกาเผิงได้รับคือ “บาเรียธาตุ” ทักษะนี้จะใช้พลังงานจากสัตว์อสูร มาสร้างบาเรียมาป้องกันผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร ทักษะนี้ไม่ใช่ของหายาก ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรหลายคนก็มีทักษะนี้ใช้กัน เกาเผิงจำได้ว่าเขาเคยเห็นทักษะนี้ในการสอบรอบแรกด้วย
แต่ทักษะพวกนี้ถูกผูกติดกับวิญญาณไม่สามารถนำมาสอนใช้คนอื่นรู้ได้ และของพวกนี้ใครหลายๆคนก็เก็บไว้เป็นความลับบอกต่อแค่ในครอบครัวเท่านั้น
ทำให้เขานึกถึงลุงหลิวที่ตอนนั้นเขาดูซีเรียสมากในตอนที่มอบทักษะ เคลื่อนดารา ให้แก่เขา มันจะต้องวุ่นวายแน่ๆหากเรื่องนี้หลุดออกไป
ไม่ว่าใครก็อยากมีสิ่งที่ทำให้สามารถเอาชีวิตรอดในโลกที่มีแต่อันตรายในทุกๆอย่างก้าวแบบนี้
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงการสอบเข้าวิทยาลัยสัตว์อสูร จึงทำให้เนื้อหาบนโลกออนไลน์แทบทุกคนพูดถึงเรื่องนี้กันแทบทุกคน
มีการต่อสู่ของสัตว์อสูรมากมายที่ถูกบันทึกไว้และอัปโหลดลงอินเทอร์เน็ต เกาเผิงดูวิดีโอพวกนั้นด้วยความเพลิดเพลิน
หลังจากดูวิดีโอได้สักพักเขาก็ปิดคอม
เกาเผิงลูกขึ้นและเรียกสัตว์อสูรของเขาที่นอนพักอยู่ในห้องนั่งเล่น
“พวกแกพักมามากพอแล้ว หลังจากกินเสร็จต้องออกกำลังกายกัน ไม่อย่างนั้นจะอ้วนแบบสตีปี้เข้าใจมั้ย?”
“เอ๋??” สตีปี้ตกใจ
เกาเผิงนำพวกเด็กๆ มาฝึกที่สวนหลังบ้าน จากนั้นเขาก็นั่งตรงม้านั่งเปิดแล็ปท็อปและจิบชา เขาพลางมองพวกสัตว์อสูรที่กำลังฝึกฝนอย่างขะมักเขม้น
ต้าซื่อกับสตีปี้ทั้งสองจับคู่กันเพื่อต่อสู้กับดัมมี่ พวกมันต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ภาพที่ออกมาดุเดือดมากแต่ความเป็นจริง ดัมมี่ได้ออกมือไว้เพื่อทั้งสองสามารถสู้กับดัมมี่ได้
นอกจากการฝึกทางกายแล้วยังมีการทางจิตใจด้วย
ซิลลี่ที่ขี้ขลาดขี้กลัวขนาดนี้ เขาจับมันมัดกับต้นไม้เพื่อไม่หนีไปไหนได้ เกาเผิงไม่ได้ลงโทษอะไรมันนะแค่ฝึกให้มันจิตใจกล้าแกร่งเฉยๆ
ในต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากซิลลี่ เฟลมมี่ได้ตีปีกระดมจิกต้นไม้อย่างต่อเนื่อง มันโจมตีอย่างหนักและรุนแรง ที่จงอยปากของันเริ่มมีเลือดไหลออกมา
เกาเผิงได้แต่ถอนหายใจ เฟลมมี่ในตอนนี้มีแต่ความโกรธความเกลียดชังเขาไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี
ที่มันฝึกหนักแบบนี้เพื่อในสักวันหนึ่งมันจะไปแก้แค้นให้แม่ของมัน
ด้วยการฝึกที่รุนแรงของเฟลมมี่ทำให้ซิลลี่หลบอยู่หลังต้นไม้และตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว