Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์ – ตอนที่ 124

ตอนที่ 124

“เฟลมมี่นายต้องการจะมาเป็นพรรคพวกของฉันมั้ย” เกาเผิงเปิดปากเอ่ยถามไปยังเฟลมมี่

 

เฟลมมี่ไม่ตอบ มันเงียบไม่พูดอะไรเลยเป็นเวลานาน

 

เกาเผิงคิดว่าเขาคงทำพันธะสัญญาเลือดไม่สำเร็จแน่ๆ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมา

 

“คุณจะช่วยให้ฉันได้แก้แค้นมั้ย” เสียงของเฟลมมี่ที่กล่าวออกด้วยความเกลียดชัง

 

“ก็ถ้าหากแกทำพันธะสัญญากับฉัน ปัญหาของแกก็จะกลายมาเป็นปัญหาของฉัน ฉันสัญญาว่าแกจะได้แก้แค้นอย่างแน่นอน” เกาเผิงตอบกลับอย่างเคร่งขรึม

 

จากนั้นเฟลมมี่ก็เงียบไม่พูดอะไรอีกครั้ง เกาเผิงเลยตัดสินที่จะออกจากจิตใต้สำนึกของเฟลมมี่

แต่ก่อนที่เขาออกไป เฟลมมี่ตัดสินใจประทับตราลงในสัญญา ใบสัญญาได้แผดเผาเหลือแต่ขี้เถ้า

เกาเผิงรู้สึกถึงกาเชื่อมต่อทาจิตวิญญาณระหว่างเขากับเฟลมมี่

 

เกาเผิงลืมขึ้น เขามองไปที่เฟลมมี่อย่างสงสัย แต่เฟลมมี่ไม่พูดอะไรกับเขา มันเดินไปที่ใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้าน มันงอขาและนั่งลงนอนหลับที่ใต้ต้นไม้

เกาเผิงแปลกใจที่เฟลมมี่มันนอนแบบนี้

 

‘ปกตินกกระเรียนจะนอนโดยการยืนบนขาข้างเดียวไม่ใช่เหรอ ช่างเป็นนกกระเรียนที่แปลกจริงๆ’

 

เกาเผิงสงสัยเลยถามเฟลมมี่ผ่านกระแสจิต

 

เฟลมมี่หันมาและบอกว่า “ก็ฉันมีขาแค่ข้างเดียวนี่นา”

 

“นอนแบบนี้มันดูไม่ค่อยสะดวกสบายนะ ทำไมไม่พิงต้นไม้และนอบลงไปล่ะ” เกาเผิงถาม

 

เฟลมมี่ถอนหายใจเบาๆ มันเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้า ก่อนจะพูดว่า

 

“ไม่ล่ะ ฉันชอบนอนแบบนี้มากกว่า”

……

 

“สวัสดีครับ มีใครอยู่มั้ยครับ” มีเสียงจอดรถจากด้านนอกของคฤหาสน์

 

เกาเผิงได้ยินเสียงคนตะโกนเข้ามา

เขาเดินออกไปที่หน้าบ้านเพื่อไปเปิดประตู เกาเผิงเห็นคนขับที่มีหนวดเคราใส่ชุดสีเหลือง อายุประมาณ30ปี

 

“เฟอร์นิเจอร์มาส่งแล้วรึ เข้ามาเลย” เกาเผิงเปิดประตูให้รถของพนักงานเข้ามา

 

พนักงานไปเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์อันใหม่ที่เกาเผิงได้สั่งซื้อมา ขนมันเข้าไปไว้ในคฤหาสน์

พวกเขาได้สอดส่ายสายตาเพื่อไปรอบๆบ้าน ท่าทางราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่

 

“คฤหาสน์ของคุณชายใหญ่โตกว้างขว้างดีนะครับ” พนักงานชุดเหลืองกล่าวออกมา แต่เกาเผิงไม่มีทีท่าสนใจเขา ทำให้เขาได้แต่หัวเราะแห้งๆ

 

พวกเขาทำงานอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ทำงานเสร็จแล้ว

เกาเผิงได้เอาพวกเด็กๆของเขาไปไว้ที่สวนหลังบ้าน เพราะเขากลัวว่าพวกมันจะทำให้พนักงานตกใจ

หลัวจากพวกพนักงานได้ขนของเสร็จ พวกเขาได้บอกลาและขับรถออกไป

 

เกาเผิงมองไปที่รถบรรทุกที่ค่อยๆออกไปจากคฤหาสน์ของเขา จากนั้นเขาก็เดินเข้าบ้าน

อีกตั้งหนึ่งสัปดาห์กว่าผลการสอบเอนทรานซ์รอบแรกจะออก ดังนั้นเขาอยากจะอยู่แต่ในบ้านและนอนอย่างเกียจคร้าน

เขาหาวออกมาและสั่งให้ดัมมี่ช่วยจัดแจงพวกเฟอร์นิเจอร์ให้เรียบร้อย

 

‘ดัมมี่มีประโยชน์จริงๆในเวลาต้องยกของหนักๆ’

 

ที่คฤหาสน์แห่งนี้มี 2ชั้น มีเพดานสูงกว่าคฤหาสน์ทั่งไป ทำให้ดัมมี่สามารถเดินเหินได้อย่างสบายโดยไม่ต้องกังวลว่าหัวจะชนเพดาน

ส่วนพวกประตูเดี๋ยวจะมีช่างซ่อมมาซ่อมและทาสีใหม่ในพรุ่งนี้

เกาเผิงไม่ได้นอนชั้นที่ชั้นสอง เขาคุ้นกับการนอนที่โซฟา เขานอนลงไปที่โซฟา จะนั้นก็นอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน

 

เมื่อต้าซื่อเห็นว่าเกาเผิงได้หลับไปแล้ว มันจึงรีบคลานขึ้นไปชั้นสอง เปิดประตูห้องนอนและคาบผ้าห่มออกมา

จากนั้นมันก็เอาผ้าห่มมาคลุมที่ตัวเกาเผิง

เมื่อต้าซื่อเห็นใบหน้าที่หลับสนิทของเกาเผิง มันรู้สึกมีความสุขมาก มันนอนลงใกล้ๆโซฟาข้างกายเจ้านายของมัน

สำหรับต้าซื่อแล้วการที่ได้อยู่ใกล้ๆเกาเผิงทำให้มันมีความสุขมากจนหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบไม่ได้

 

ตกดึก

ทุกคนในคฤหาสน์ได้หลับสนิท

……

 

ที่ด้านนอกของคฤหาสน์ มีกลุ่มคนที่น่าสงสัยยืนสอดส่องเข้ามาข้างใน

 

“นายแน่ใจนะ ว่าที่นี่มีแค่คนอยู่เท่านั้น ไม่มีพวกสัตว์อสูร” เขาถามด้วยความสงสัย

 

“ใจเย็น ฉันเห็นด้วยตาตัวเองเลยนะ ว่าเขาอาศัยอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน” ชายอีกคนพูดด้วยความมั่นใจ “ถ้าไม่เชื่อฉันยอมกินอึเลย ถ้าเข้าไปแล้วเจอคนอื่นหรือสัตว์อสูรอยู่ด้วย”

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ ก็ฉันเชื่อแก” เมื่ออีกฝ่ายยืนยันเขาก็รู้สึกโล่งใจ

 

ที่คฤหาสน์ไฟที่อยู่รอบได้ปิดทั้งหมด เหลือไว้แค่ไฟที่หน้าที่ยังเปิดอยู่

พวกเขาค่อยๆย่องมาช้าๆ ด้วยพื้นรองเท้าของพวกเขาค่อนข้างหนาจึงทำให้ไม่ได้ยินเสียงพวกย่ำสวนเข้ามาข้างใน

 

“พวกเรามีที่นี่เพื่อขโมยของเท่านั้นนะ ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม” ชายอีกคนกล่าว “และห้ามแตะต้องคนที่อยู่ในบ้านอย่างเด็ดขาด การที่มีบ้านหลังใหญ่แบบนี้ พื้นหลังของเขาต้องไม่ธรรมดา หากเขาตายพวกเราอาจจะตายตามเขาไปก็ได้”

 

“อืม เข้าใจแล้ว” ชายอีกสองคนได้พยักหน้า

 

ในห้องนั่งเล่นมีโครงกระดูกขนาดใหญ่ยืนอยู่ ไฟสีฟ้าที่เผาไหม้อย่างอ่อนๆ จู่ๆก็ไฟก็ลุกโชติช่วงลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน

 

ที่ด้านนอกโจรได้หยิบกระถางดอกไม้สีดำขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากกระเป๋า

ทันในใดนั้นกระดอกไม้ได้แตกเป็นสองท่อน ตรงเศษซากของกระถางได้มีเถาวัลย์สีเขียวออกมา มันแตกหน่อเถาสีเขียวและเลี้อยออกมาอย่างรวดเร็ว

เถาวัลย์สีเขียวได้หยุดขยายตัวที่ 2เมตร ตรงบริเวณที่เถาวัลย์ขยายตัวเต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูที่บานสะพรั่ง

 

“เดี๋ยวอย่าเพิ่ง ให้สัตว์อสูรของนายอยู่นิ่งๆไว้ก่อน อย่าเพิ่งทำอะไร ให้พวกเราใส่หน้ากากกันแก๊สก่อน” เขาพูดอย่างหงุดหงิดละหยิบหน้ากากกันแก๊สออกมา

 

หลังจากที่พวกเราใส่หน้าเรียบร้อยแล้ว ดอกไม้สีชมพูของเถาวัลย์สีเขียว ได้ปล่อยแก๊สสีชมพูออกมา ส่งกลิ่งกระจายไปทั่ว

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาค่อยๆเข้าไปในคฤหาสน์

เนื่องจากประตูหน้ามันพัง พวกเขาจึงเข้าไปได้อย่างสบายๆ พวกเขาเดินอย่างระมัดระวัง สอดส่ายสายตามองไปทั่วๆบริเวณ

ที่ห้องนั่งเล่นเงียบมาก ชายคนที่เดินนำจึงส่งสัญญาณเรียกคนอื่นให้ตามเขามา

แต่ไม่มีใครตามเขามา

 

‘สองคนนั้นหายไปไหน’

 

เขาหันกลับไปและเห็นโครงกระดูกสีเงินค่อยๆเดินมาหาเขาภายใต้แสงจันทร์ที่สลัวๆ เขาเห็นเพื่อนของเขาทั้งสองคนนอนแผ่ราบไปที่พื้นผ่านช่องว่างของโครงกระดูก เขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่มั้ย

รวมถึงตัวเขาด้วยว่าจะสามารถรอดไปจากที่นี่ได้รึเปล่า

Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์

Monster Pet Evolution – วิวัฒนาการสัตว์เลี้ยงกลายพันธุ์

Status: Ongoing

เรื่องย่อ

เมื่อ3ปีก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง เหล่าสรรพสัตว์และต้นไม้นานาพันธุ์ เกิดการกลายพันธุ์อย่างบ้าคลั่ง

ยังไม่รวมถึงสิ่งมีชีวิตจากมิติอื่นบุกเข้ามายังโลกมนุษย์แห่งนี้ แม้พวกมันจะเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายแต่มนุษย์ยังสามารถมาเลี้ยงดู ฝึกสอน

และนำมาต่อกรกับสัตว์อสูรที่อยู่ภายนอกได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นของยุคสมัยใหม่ ยุคสมัย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท