ด้วยสายพันธุ์ของมันไม่ใช่สัตว์อสูรที่ฉลาดมากอยู่แล้ว แต่เจ้าตัวนี้กลับมีสติปัญญามากถึงขนาดนี้ มันค่อนข้างหายากมาก ถึงเกาเผิงอยากจะจับมันแต่ก็คงทำไม่ได้
เพราะสัตว์อสูรพวกนี้ไม่ใช้พวกที่อยู่ในป่าและไม่มีกฏที่ระบุไว้ว่าสามารถนำสัตว์อสูรที่ตัวเองสู้เสร็จกลับบ้านได้
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น มันเคลื่อนที่อย่างระมัดระวัง มันพบว่าสตีปี้ไม่ค่อยจะแข็งแกร่งเท่าไหร่นัก
ดวงตาของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งเป็นประกาย สิ่งที่มันชอบที่สุดก็คือการที่ได้กลั่นแกล้งคนอื่น
แต่อย่างไรก็ตามสตีปี้ยังคงยกขาหน้าขึ้นมาตั้งการ์ด มันมองตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งอย่างระวัง
จากนั้นตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งเริ่มทำการขู่สตีปี้
มันขยายเคียวที่แขนของมันฟันฉับไปมา เคลื่อนที่ราวกับเต้นรำ ที่เคียวของมันมียางเหนียวๆสีเหลืองอยู่ ทำให้ดูเหมือนพังพืดขนาดใหญ่
ที่มันทำแบบนี้ก็เพราะว่ามันจะได้ดูตัวใหญ่เพื่อข่มขู่ศัตรูและก็เหยื่อ
สตีปี้ยืนมองอย่างงงๆ ‘นี่มันกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย’
ตัวสตีปี้นั้นเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่แต่ในเมือง มันจึงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน สตีปี้คิดว่าสิ่งที่ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งทำนั้นดูน่าเกลียด มันจึงถอยหลังออกมา
แต่ทำให้ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งคิดว่าการขู่ของมันได้ผล ก็ยิ่งทำให้มันลำพองใจขึ้นมาอีก จึงดำเนินเต้นแปลกๆข่มขู่สตีปี้ออกไป
มันค่อยๆส่ายตัวซ้ายทีขวาที ขณะที่เต้นไปก็จ้องสตีปี้อย่างดุร้าย ก่อนจะเคลื่อนที่ไปหาสตีปี้
‘หรือว่าเจ้าตั๊กแตนมันกำลังจะ…’ สตีปี้คิด
ทันใดนั้นสตีปี้ก็ผ่อนคลายและวางการ์ดลง ทำให้ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งประหลาดใจกับปฏิกิริยานี้
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งคิดว่าการขู่ของมันได้ได้ผลแน่ๆ เจ้าแมงมุมตัวนี้ต้องหาทางโจมตีมันแน่ๆ
แต่สิ่งที่สตีปี้ทำไม่ใช่อย่างที่ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งคิด มันชูขาหน้าของมันขึ้นและโยกไปมา ทำให้มันดูเหมือนการเต้นที่ดูแปลกๆ
‘มันทำบ้าไรเนี่ย’
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งตกตะลึง ‘มันกำลังเตรียมการโจมตีงั้นเหรอ’
ในมุมมองของสตีปี้ที่เห็นตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งกำลังท่าทางแปลกๆนั้น มันนึกถึงการเต้นในพลาซ่า มันคิดว่าตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งอยากจะเต้นรำกับมัน มันจึงเลียนแบบท่าทางของตั๊กแตนและเต้นตาม
‘มันต้องเข้าใจอะไรผิดๆแน่ๆ ยิ่งไม่ค่อยจะฉลาดอยู่ด้วย’ เกาเผิงคิด
“สตีปี้ที่มันทำท่าแบบนี้ก็เพราะว่ามันจะขู่แก เพื่อหาโอกาสโจมตีใส่แก ดังนั้นแกต้องเปิดฉากโจมตีมันได้แล้ว” เกาเผิงบอกสตีปี้ผ่านพันธะสัญญา
หลังจากที่เกาเผิงได้บอกไป ทำให้สตีปี้หยุดเต้นทันที
‘อ้าวตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งไม่ได้อยากเล่นกับฉันเหรอ’ สตีปี้มีท่าทีเสียดาย
ในตอนนั้นเอง ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งก็เปิดฉากพุ่งไปหาสตีปี้
มันเคลื่อนที่หาสตีปี้อย่างรวดเร็วมันเคียวของมันฟัดไปที่สตีปี้ เคียวอันหนึ่งฟันไปที่หัวส่วนอีกอันฟาดไปที่หลังของมัน เสียงของการโจมตีดังสนั่นไปทั่ว
*ฉัวะ*
มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งได้บินกลับไปยังที่ที่มันยืนอยู่ก่อนจะพุ่งมา เคียวทั้งสองข้างของมันได้สั่นเบาๆ
มีรอบถากๆสีขาวที่ตัวของสตีปี้ มันไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งจ้องที่ไปสตีปี้ด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
‘ทำไมมันถึงได้ถึกขนาดนี้’
เจ้าตั๊กแตนคิดว่ามันไม่อาจเอาชนะสตีปี้ได้ เกิดมากมันไม่เคยเจอคู่ต่อสู้ที่มันเอาชนะไม่ได้มาก่อน แต่ที่มันถูกจับมาเพราะหมาป่าจันทราสีเงินนั้นไม่นับเพราะมันถูกรุม
มันกางปีกเพื่อจะปีกอ้อมไปที่หลังมันและจัดการมันซะ
ขณะที่ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งบินขึ้นไป มันได้ถูกใยแมงมุมสีขาวพ่นใส่มันทำให้มันร่วงลงมาพื้นสนามประลอง ใยมันเหนียวมากจนกางปีกไม่ได้เลย มันรู้สึกไม่โอเคอย่างมาก
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งมองดูสตีปี้อย่างงงวย มันไม่คิดว่าผลการต่อสู้จะออกมาเป็นแบบนี้
‘ทำไมฉันถึงได้แพ้มันล่ะ’
ส่วนสตีปี้ก็ตกตะลึงมันไม่คิดว่าตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งที่ดูหยิ่งทนงและน่ากลัวจะอ่อนแอแบบนี้ มันเข้าไปดูตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งใกล้ๆ
ด้วยความต่างของระดับปกติกับสมบูรณ์ที่มากเกินไป ทำให้ผลลัพธ์การต่อสู้นี้ไม่ต่างจากที่เกาเผิงคิดเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าธาตุดินของสตีปี้จะแพ้ทางธาตุไม้ของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้ง แต่หากทั้งสองยังเลเวลไม่ถึงที่จะเปลี่ยนเป็นชนชั้นนักรบ เรื่องแพ้ธาตุยังไม่มีผลในชนชั้นขุนนางนี้
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งมองไปสตีปี้ด้วยสายที่สิ้นหวัง ส่วนสตีปี้ก็เดินเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เจ้าตั๊กแตนรู้สึกว่ามันกำลังถูกทำให้เป็นของเล่น
ตอนนี้ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งลุกขึ้นยืนได้แล้วถึงมันจะกางปีกไม่ได้แต่มันก็จะเดินหน้าสู้ต่อ
สตีปี้หลบเคียวที่ฟันลงมาซ้ายขวาอย่างง่ายดายเพราะใยแมงมุมของมันที่ด้วยทำให้การเคลื่อนของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งช้าลง
ถึงสตีปี้จะโดนฟัน มันก็ไม่เจ็บเลยแค่คันๆเท่านั้น
สตีปี้ได้ใช้ขาหน้าของมันผลักเคียวของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งออก จากนั้นมันก็ใช้ขาที่แหลมคมแทงตัวของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้ง1ครั้ง 2ครั้ง และ3ครั้ง
ฉึก
ฉึก
ฉึก
ตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้งได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่สามารถสู้ต่อได้แล้ว ดวงตาที่เป็นทรงกลมมองไปที่สตีปี้
ที่ตอนนี้ขาของมันเต็มไปด้วยเลือดของตั๊กแตนตำข้าวใบไม้แห้ง
“การสอบได้สิ้นสุดลงแล้ว” เจ้าหน้าที่คุมสอบได้กล่าวพลางเดินมาหาเกาเผิง เขายื่นบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบคืนให้เกาเผิง
เกาเผิงรับบัตรประจำตัวผู้เข้าสอบพร้อมกับขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่
“หากคุณไม่มีธุระอะไรที่นี่แล้ว ช่วยออกจากสถานที่สอบด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่กล่าว
เกาเผิงพยักหน้า
ในที่สุดการสอบเอนทรานซ์รอบแรกก็สิ้นสุดลงซะที เกาเผิงได้นำสัตว์อสูรทั้งหมดของเขาออกจากสถานที่สอบ
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่รู้ว่าจะสอบผ่านรอบแรกได้มั้ย เพราะสนาม A มีผู้เข้าสอบแค่ 8คนเอง
หลังจากเดินออกมาได้สักพัก เกาเผิงจึงเปิดกระเป๋าเอาซิลลี่ออกมา
ซิลลี่โกรธเกาเผิงมากที่เขาขังมันไว้ในกระเป๋าเป็นเวลานาน แต่ก่อนที่มันจะโวยวายเกาเผิง เขาได้ตัดชิงพูดก่อนซิลลี่ว่า
“เดี๋ยวฉันให้ดื่นน้ำผลไม้นะ”
เมื่อซิลลี่ได้ยินอย่างนั้นท่าทีของมันก็เปลี่ยนไปทันที เรื่องแค่นี้มันโกรธเกาเผิงได้ไม่นานหรอก
สาเหตุที่เขาจำเป็นต้องขังซิลลี่ไว้ให้กระเป๋าก็เพราะว่า มันต้องมาอยู่บนศีรษะของเขาอย่างแน่นอน
เขาไม่อยากถูกโดรนที่อยู่บนสนามถ่ายภาพที่เขากำลังใส่หมวกสีเขียวแสบตานี้ออกอากาศไปทั่งประเทศหรอกนะ