‘นี่ฉันจะได้รับฉายาแบบไหนน้า’
เกาเผิงคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังมาก เพราะเขามีสัตว์อสูรที่หลากหลายเกินไป ทำให้ไม่รู้ว่าจะมีชื่อไหนที่เหมาะสมกับเขา เขาคิดไปคิดมาถึงฉายาที่เขาจะได้รับ ทำให้เขาก็รู้สึกจึ๊กกะดึ๊ยขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
ตอนนี้เกาเผิงอยู่ในห้องพักที่ทางสหพันธ์ผู้ฝึกสัตว์อสูรเตรียมไว้ไห้ เป็นบ้านพักที่อยู่บนภูเขา บ้านแต่ละหลังมีลานกว้างเล็กๆให้สัตว์อสูรของผู้สอบอีกด้วย
เกาเผิงออกมาข้างนอก เขาเห็นสตีปี้กำลังขุดอะไรบางอย่างที่ลานกว้าง
ที่ลานกว้างนี้ปูด้วยกระเบื้องเซรามิก สตีปี้แกะกระเบื้องออกก็เจอพื้นคอนกรีต สตีปี้ตกใจมาก
‘ทำไมถึงไม่มีดินล่ะ เมื่อวันก่อนที่ฉันขุดยังมีดินอยู่เลย ทำไมวันถึงมีพื้นแข็งๆ เทาๆได้ล่ะ’
สตีปี้มันยังคงขุดต่อไป แต่พื้นคอนกรีตมันแข็งมาก มันจึงส่งเสียงด้วยความหงุดหงิด
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เกาเผิงถามอย่างสงสัย
*พูชิ พูชิ*
เกาเผิงหันไปมองทางต้นเสียง เขาเห็นซิลลี่ที่กำลังลอยมาหาเขา เพื่อนจะร่อนลงบนศีรษะของเขาในเวลาที่เขาเผลอ
*ฟุ่บ*
ซิลลี่หร่อนบนศีรษะของเกาเผิงและเต้นอย่างมีความสุข ราวกับพูดว่า ‘ดูสิฉันกลับมาอยู่บนหัวของเจ้านายได้อีกแล้ว’
นับตั้งแต่ที่ซิลลี่รู้ว่าเกาเผิงไม่ชอบให้มาอยู่บนศีรษะของเกาเผิง ดังนั้นมันจะอาศัยจังหวะที่เกาเผิงเผลอๆร่อนลงสู่ศีรษะของเกาเผิงแทน ทำให้นี่เป็นงานอดิเรกใหม่ของซิลลี่ก็ว่าได้
“ก็ได้ ก็ได้ ถามแกก็คงไม่รู้เรื่องอะไร” เกาเผิงเลยเดินไปถามต้าซื่อแทน
เกาเผิงสังเกตเห็นว่าเดี๋ยวนี้พวกเด็กของเขาเริ่มที่จะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้ว ราวกับว่ายิ่งแกร่งขึ้น ความคิดความอ่านก็โตตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นต้าซื่อ ที่เมื่อก่อนที่มันมักจะทำตัวน่ารัก?และซื่อบื้อ ตามแบบสัตว์อสูรทั้วไป พอผ่านไปสักพักมันเริ่มโตขึ้น สุขุมมากขึ้น แม้จะทำเรื่องโง่ๆบ้างแต่เป็นส่วนน้อย แค่นี้ทำให้เกาเผิงรู้สึกพึงพอใจมาก
“มันกำลังจะฝังตัวเอง” ต้าซื่อบอกเขา มันขยับขากรรไกรและส่ายหนวดไปมา
เมื่อได้ฟังอย่างนั้นเกาเผิงก็เข้าใจในทันที สตีปี้มันชอบขุดหลุมเพื่อเข้าไปนอน นี่เป็นนิสัยใหม่ของมันหลังจากที่มันวิวัฒนาการ
เขาอนุญาตให้มันขุดได้ที่สวนหลังบ้าน แต่เขาลืมบอกมันไปว่าตอนนี้มันไม่ได้อยู่ในคฤหาสน์ของเขาแล้ว เกาเผิงเลยไปเตือนมัน
“ก็เค้าง่วงแล้ว” สตีปี้บ่นกับเกาเผิง
“เอาล่ะนอนแบบนี้แหละ อย่าขุดทำลายข้าวของของคนอื่นนะ”
หลังจากที่เกาเผิงลูบหัวและปลอบมันพักใหญ่ สตีปี้จึงค่อยๆขดตัวและปิดตาหลับลงไปในที่สุด
หลังจากเกลี้ยกล่อมสตีปี้นอนหลับได้สำเร็จ เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาจึงหันหลังเพื่อที่จะนอน เขากลับเห็นต้าซื่อมองที่ด้วยด้วยสายตาอ้อนวอน มันก็อยากให้เกาเผิงมาปลอบมากล่อมเข้านอนบ้าง เขาไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่รุ้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีกลับสถานการณ์นี้
เขาจึงปรี่เข้าไปปลอบมันทันทีและในที่สุดมันก็นอนหลับซะที เขารู้สึกปวดแขนมาก
หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้อง ด้วยเสียงประตูที่เปิดดังขึ้นมา ทำให้ซิลลี่ที่บินเข้าไปนอนตั้งนานแล้ว ตื่นขึ้นมา มันส่งเสียงโวยวายเกาเผิงที่ปลุกมันขึ้นมา ทำให้เขาต้องเสียเวลากล่อมมันให้หลับอีกตัว
กว่าจะกล่อมพวกมันเสร็จทั้งหมด ก็เวลาไปเยอะมาก กว่าเขาจะได้นอนก็ดึกมากแล้ว
เกาเผิงเข้าใจว่าที่พวกมันเป็นแบบนี้เพราะพวกมันตื่นสถานที่ พวกมันไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่
……….
ภูเขาดายัง อยู่ห่างจากบ้านพักราว 16กิโลเมตร
มีเฮลิคอปเตอร์บินตรงมาที่บ้านพักที่เกาเผิงนอนอยู่
“ผู้เข้าสอบทุกคนโปรดทราบ ผู้เข้าสอบทุกคนโปรดทราบ” มีเสียงประกาศจากลำโพง ที่ดังสนั่นไปทั่วบริเวณบ้านพัก สักพักได้มีเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นมาหลังจากสียงจากลำโพงได้สิ้นสุดลง แสงไฟจากเฮลิคอปเตอร์สาดลงมาที่บ้านพัก ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้าที่ใกล้รุ่งสางเต็มที่
ผู้เข้าสอบทั้งหมดได้ตื่นขึ้นมาและเดินออกมาจากบ้านพัก
“การสอบรอบที่สองจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว” เสียงประกาศจากลำโพงดังขึ้นมา “พวกคุณมีเวลา 20นาทีในการเตรียมตัว จากหลังนั้นพวกเขาจะเดินทางทันทีโดนที่พวกคุณต้องวิ่งตามเฮลิคอปเตอร์มาด้วยตัวเอง เอาล่ะนับถอยหลัง”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินประกาศแล้ว พวกเขาได้รีบเปลี่ยนชุดที่เตรียมไว้ทันที ผู้เข้าสอบรีบวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบ
ผ่านไป 20นาที เฮลิคอปเตอร์ได้เริ่มหมุดใบพัดบินไปทางทิศเหนือทันที
ขณะนี้เป็นเวลา 6:20น. แสงอรุณได้เริ่มสาดส่องไปทั่วผืนนภาอันกว้างใหญ่
“ตามมันไป” เกาเผิงสั่งพลางเดินไปหาเหล่าสัตว์อสูรของเขา
สตีปี้กำลังจะย่อตัวลงให้เกาเผิงขึ้นขี่ แต่เขาเดินผ่านมันไปหาดัมมี่แทน
มันมองเขาอย่างงงๆ
เกาเผิงได้ปืนดัมมี่และขึ้นขี่คอของมัน
“ชี่ ชี่ ชี่?” สตีปี้ถามด้วยความสับสน
“ก็ขนของมันสากมากน่ะสิ” เกาเผิงกล่าว “ขืนวิ่งไปด้วยความเร็วแบบนี้เดี๋ยวกางเกงของฉันได้ขาดหมดพอดีสิ”
เกาเผิงแตะที่หน้าของดัมมี่เพื่อสัญญาณให้มันตามเฮลิคอปเตอร์ไปทันที
ดัมมี่ได้พยักหน้าให้ต้าซื่อขึ้นมาที่ตัวมัน ต้าซื่อรีบปืนขึ้นไปกลายร่างเป็นเข็มขัดให้ดัมมี่
จากนั้นพวกเขาได้เริ่มออกเดินทาง
บนเฮลิคอปเตอร์มีกล้องคอยถ่ายทอดสดอยู่สองตัว พวกเขาได้ถ่ายทอดสดผ่านช่องพิเศษเพื่อถ่ายทอดทอดการสอบรอบสองตลอด 24ชั่วโมง แต่หากเกิดเรื่องร้ายรงแก่ผู้เข้าสอบ ทางสถานีจะระงับการถ่ายทอดสดไว้ก่อน หลังจากที่เคลียร์ทุกอย่างเสร็จแล้วพวกจึงจะกลับมาถ่ายทอดสดใหม่อีกครั้ง
ดัมมี่เดินทางอย่างรวดเร็วมันได้ใช้ลักษณะพิเศษ: หัวใจหนามโลหิต ให้หัวใจสูบฉีดอย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มความเร็วของมัน
ส่วนสตีปี้ก็ตามอย่างติดๆ เวลามันวิ่งหากเจอสิ่งกีดขว้าง มันจะพ่นใยเพื่อดึงตัวเองกระโดดข้ามพวกมันมา
หลังจากผ่านไป 10นาที เฮลิคอปเตอร์ก็บินมาถึงที่หมาย
บนท้องฟ้าแร้งภูเขาไฟได้บนอย่างสบายๆบนท้องฟ้าที่หลังขอมันมีวัยรุ่นชายขี่มันอยู่ เขารู้สึกอึดอัดเพราะมีตากล้องคนเฮลิคอปเตอร์อีกลำกำลังถ่ายภาพเขาอยู่ ถ้าเป็นนกตัวอื่นมันไม่เป็นไรสำหรับเขา แต่นี่เป็นอีแร้ง มันดูไม่เท่เท่าไหร่ที่ถูกถ่ายบนหลังอีแร้งแบบนี้
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตะโกนไปว่า “พวกคุณช่วยหยุดถ่ายผมได้มั้ย”
แต่น่าเศร้าที่ดูเหมือนพวกตากล้องจะไม่ได้ยินเขาเพราะเสียงเฮลิคอปเตอร์ดังเกินไป
เขาคิดว่าพวกตากล้องคงไม่ได้ยินแน่ๆ แต่เขากลับเห็นสัญญาณโอเคจากตากล้องคนหนึ่ง
จากนั้นตากล้องได้หันไปพูดกลับตากล้องอีกคนว่า
“สงสัยเขาคงอยากให้เราถ่ายเขาเพิ่มอีกสักหน่อย”
“อืม เข้าใจแล้ว”