ที่ตรงนี้มีสัตว์อสูรเยอะแยะมากมาย แต่มีตัวหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของเกาเผิง มันเป็นสัตว์อสูรที่ทั้งตัวของมันเป็นหินแกรนิต
ทำให้เขานึกถึงยักษ์แห่งขุนเขาในเวอร์ชั่นที่เล็กลงมา ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์สีเหลือง บนศีรษะของมันที่ดอกไม้เหลืองที่เปล่งประกายสดใส
[ชื่อสัตว์อสูร] อสูรหินเครือลดา
[เลวล] 23
[ระดับ] ปกติ
[คุณสมบัติ] ธาตุหิน
[สถานะ] สุขภาพดี (เขินอาย)
[จุดอ่อน] 1.ธาตุเงา 2.ไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูป
“ได้โปรดอย่าถ่ายรูปมัน” เจ้าของอสูรหินเครือลดากล่าวให้ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ พวกเขากำลังหยิบโทรขึ้นมา “มันไม่ชอบที่ถูกถ่ายรูป”
พวกเขาพยักหน้าและเก็บมือถือลงไป
เกาเผิงเดินไปหาเจ้าของอสูรหินเครือลดา
“นี่สัตว์อสูรของคุณใช่มั้ยครับ มันดูเท่มากเลย ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน” เกาเผิงกล่าว
“ขอบคุณ” เจ้าของอสูรหินเครือลดาตอบรับ
เจ้าของเป็นชายร่างเล็กดูคล้ายกับเด็กผู้ชาย ผมทรงหัวเห็น สวมแว่นตากลมโตและใบหน้าของเขาดูไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก เขาดูอ่อนเยาว์เป็นอย่างมาก หากเกณ์การทำสัญญาไม่เข้มงวด เกาเผิงคงคิดว่าเขาต้องอายุน้อยกว่า 18ปีแน่ๆ
“แต่สัตว์อสูรของคุณนี่ช่างขี้อายเสียจริงๆ” เกาเผิงพูดกับเขา
หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดกันต่อเนื่อง ทำให้เกาเผิงได้รู้อะไรบางอย่างมากมาย เขาได้รู้ว่าพวกสัตว์อสูรมีอารมณ์และความรู้สึกที่หลากหลาย ความรู้สึกของมันไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำที่สั้นๆ
“มันขี้อายมาก ฉันก็ไม่จะทำยังไงดีเหมือนกัน” เจ้าของอสูรหินเครือลดากล่าว ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก
“สวัสดีฉัน เจียงเค่อ จากเมือง มอลดู่ ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ฉันเกาเผิง จากเมืองฉางอาน ยินดีที่ได้รู้จัก”
“โอ้ นายมาจากเมืองฉางอานอย่างงั้นเหรอ ที่นั่นเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่มีราชวงศ์ของจีนตั้ง 13ราชวงศ์ เลือกเมืองนี้เป็นเมืองหลวง ที่นี่มีประวิติศาสตร์และวัฒนธรรมมากมาย ใช่แล้วทหารดินเผานั่นไง สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุด” เจียงเค่อหัวเราะอย่างเขินๆ
‘ดูๆไปแล้วนิสัยของสัตว์อสูรก็ดูคล้ายกับเจ้าของดีนะ’
เกาเผิงนึกถึงเด็กๆของเขา
‘พวกมันก็มีนิสัยเหมือนเขามั้ยนะ’
“ใช่แล้วทหารดินเผาเป็นสถานที่มีชื่อมาก จริงสิ หากนายมาที่เมืองฉางอาน ฉันจะขายตุ๊กตาดินเผาให้นายสักตัว” เกาเผิงกล่าว
“แต่มันไม่ผิดกฎหมายอย่างงั้นหรือ” เจียงเค่อตกตะลึง เขาเพื่งรู้ตุ๊กตาพวกนี้มีวางจำหน่ายด้วย “ฉันไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรอกนะ”
“แน่นอนตุ๊กตาดินเผาพวกนั้นซื้อไม่ได้อย่างแน่นอน” เกาเผิงกล่าวอย่างจริงจัง “แต่ตุ๊กตาที่ชั้นขายมันไม่ผิดกฎหมายของแน่นอน มันเป็นของตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น”
“จริงเหรอ” เจียงเค่อกล่าวอย่างไม่แน่ใจ
“จริงสิทุกบ้านจะมีตุ๊กตาดินเผาพวกนี้วางไว้ที่หน้าบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้ความชั่วร้ายเข้ามาในบ้าน” เกาเผิงกล่าวพลางพยักหน้า
เจียงเค่อมองอย่างสงสัย “งั้นที่บ้านของคุณมีสักตัวมั้ย?”
แทนที่เกาเผิงจะตอบ เขากลับหัวเราะออกมา
“โทษที ฉันล้อเล่น มันจะไปมีของพรรค์นั้นได้ยังไงกัน คุณถูกหลอกง่ายเกินไปแล้ว ระวังจะหาแฟนไม่ได้เอานะ”
เจียงเค่อจ้องเกาเผิงด้วยความโกรธ เขาเดินออกไปทันที เขาไม่อยากจะเสวนากับคนที่น่ารังเกียจเช่นนี้อีกแล้ว
หลังจากที่เจียงเค่อออกไป คนรอบข้างมองเกาเผิงอย่างกับตัวประหลาด
เกาเผิงแตะหน้าตัวเอง
‘หน้าฉันมาอะไรติดอยู่อย่างงั้นหรือ’
….
ประตูของห้องโถงได้เปิดออก มีชายหัวโล้นใส่เสื้อคลุมสีดำเดินออกมา รูปร่างสันทัด ดวงตาที่ดูใหญ่และคิ้วหนา เขาพูดได้เสียงดังฟังชัด
“พวกเขาทุกคนมาถึงที่เมืองเจียงหนานแล้ว เราจะให้พวกคุณพักผ่อนและรับประทานอาหารเย็นที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้ นอกจากนี้พวกเราได้เตรียมเอกสารเซ็นยินยอม หากกรณีที่พวกคุณเสียชีวิต”
“สถานที่ที่คุณจะไปเป็นพื้นที่รกร้างเต็มไปด้วยความอันตราย ถึงจะมีปืนไฟไว้ใช้เรียกความช่วยเหลือก็ไม่ได้หมายความว่าพวกจะไปถึงที่นั่นทัน” เขาได้เว้นช่วงและพูดต่อด้วยเสียงเรียบ “พวกเขาไม่ได้ล้อเล่น อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 10% เป็นผลลัพธ์พวกเราคาดการณ์ไว้ ถึงแม้สัตว์อสูรของพวกคุณเป็นอย่างน้อยชนชั้นนักรบก็ตาม ฉะนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเซ็นเอาสารนี่ซะ”
หลังจากนั้นทุกคนจึงไปเดินไปที่ห้องอาหาร ถึงแม้ชายหัวจะประกาศเรื่องร้ายแรงแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศในห้องอาหารแย่ลงเลย
พอทุกคนทานเสร็จก็ไปเซ็นเอกสารในอีกห้องหนึ่ง ทุกคนเซ็นอย่างเรียบร้อยราบรื่นเสร็จอย่างรวดเร็ว
พวกเขานั้นมาไกลถึงขนาดนี้ ต้องมีการเตรียมไว้ในระดับหนึ่งแล้ว และพวกก็ได้รับถึงกฏระเบียบนี้ก่อนที่จะบินที่นี่แบบเกาเผิงเช่นกัน ฉะนั้นเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาโดยดุลยพินิจของผู้สอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว
เกาเผิงอ่านสารเอกที่จะเซ็นอย่างคร่าวๆ เนื้อหาของในค่อนข้างชัดเจนและเข้าใจง่ายมีเนื้อหาราวๆนี้ พวกเขายินยอมเซ็นเอาสารนี้โดยสมัครใจ หากพวกเขาเสียชีวิต ทางครอบครัวจะได้รับเงินชดเชยจำนวนหนึ่ง
เกาเผิงเซ็นเสร็จและส่งให้เจ้าหน้าที่
“เมื่อทุกคนได้เซ็นยินยอมแล้ว ต่อไปฉันจะอธิบายกฎของการสอบรอบนี้”
“ในการสอบรอบนี้มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 197คน จากทั่วภูมิภาค ในจำนวนมีผู้เซ็นยินยอมทั้งหมด 150คน สูงกว่าที่ฉันคิดว่ามาก ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีพวกขี้ขลาดมากเท่าไหร่นัก” ชายหัวโล้นหัวเราะออกมา ด้วยเสียงดังฟังดูเหมือนสีคำรามเลย
“ในการสอบสองนี้เราจะระบบเก็บแต้ม พวกคุณจะต้องหาเสาหินที่มีแต้มและทำลายมัน เสาหินเหล่านี้จะอยู่ป่าของภูเขาดายัง โดยเสาหินเหล่าจะเคลือบด้วยวัสดุชนิดพิเศษที่สามารถดึงดูดเหล่าสัตว์อสูรได้ ก่อนที่พวกคุณจะทำลายเสาได่พวกคุณต้องฝ่าด่านของสัตว์อสูรให้ได้ก่อน การทำลายเสาหินจะให้คะแนนมากกว่าการกำจัดสัตว์อสูรขอให้พวกคุณจำเรื่องนี้ไว้ด้วย”
“โดยผู้มีคะแนนสูงสุด 12คน จะสามารถผ่านเข้าสู่รอบที่สาม สามารถกล่าวได้ว่าพวกเขามีฝีมือที่ล้ำเกินว่าคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ฉะนั้นในรอบที่สามนี้จะไม่ใช่การสอบเอนทรานซ์อีกต่อไปแล้ว พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับฉายาและจะขึ้นไปอยู่ในทำเนียบผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรรุ่นเยาว์ที่เก่งที่สุดในประเทศ”
“แม้แต่สัตว์อสูรของพวกคุณก็จะได้รับฉายาด้วยเช่นกันและการแข่งขันรอบที่สามนี้ จะเป็นการแบตเทิ่ล การต่อสู้ในรอบที่สามนั้นจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก”
เกาเผิงอดทึ่งไม่ได้
สำหรับเกาเผิงมองว่าเป็นเรื่องแปลกๆที่ได้แค่ฉายา แต่สำหรับคนอื่นนั้นไม่ใช่ พวกเขาเบิกตากว้างตื่นเต้นกับเรื่องของฉายามาก การได้รับฉายาจะทำให้คนทั่วไปรู้จักพวกเขาได้รับชื่อเสียงมีคนมากมายนับหน้าถือตา ราวกับเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ก็ว่าได้
หลังจากที่ชายหัวโล้นได้ประกาศข้อมูลของการสอบเอนทรานซ์เสร็จแล้ว กลุ่มคนที่ไม่ได้เซ็นเอกสารยินยอมจะถูกส่งบ้าน ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมเสี่ยงชีวิตไปในที่ๆเสี่ยงอันตรายได้
คืนนั้นเกาเผิงได้รับชุดสูทต่อสู้แบบเต็มตัว ซึ่งมีหมวกกันน็อค หน้ากากกันพิษและเม็ดยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ
เม็ดยานี้ไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน เพื่อให้พวกเขาวิ่งหนีออกจากสถานการณ์ร้ายแรงได้