แรงลมที่พัดผ่านรุนแรงเหมือนกันพายุที่โหมกระหน่ำ
เกาเผิงเงยหน้าขึ้นไป เขาได้เห็นเงาสีขาวขนาดใหญ่พุ่งลงตรงที่เขาอยู่
ตั๊กแตนกิ่งไม้มายาได้รู้ตัวว่ามีผู้มาเยือนรายใหม่ มีส่งเสียงคำรามพร้อมกับแทงขาของมันพุ่งขึ้นไปในอากาศ
นกอัลบาทรอสได้สร้างโล่จากลมขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากขาของตั๊กแตนกิ่งไม้มายา
ตั๊กแตนกิ่งไม้มายายังคงระดมแทงขาขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง แต่นกอัลบาทรอสได้หลบหอกที่พุ่งขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นมันก็ได้เปรียบทิศทาง บินอ้อมมาที่ด้านหลังของตั๊กแตนกิ่งไม้มายา
กรงเล็บสีของนกอัลบาทรอสได้จิกไปที่หลังของตั๊กแตนกิ่งไม้มายา หลังของตั๊กแตนได้มีแผลเหวอะหวะ
หลังจากที่นกอัลบาทรอสจิกหลังของตั๊กแตนกิ่งไม้มายา มันก็ได้กำกรงเล็บไว้แน่นจากนั้นก็ได้กระพือปีกขนาดใหญ่บินขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับตั๊กแตนกิ่งไม้มายา
เจ้าตั๊กแตนพยายามดิ้นออกอย่างสุดชีวิต แต่มันก็ไม่สามารถดิ้ออกจากกรงเล็บมรณะนี้ได้
‘บินไปดื้อๆงี้เลยหรือ’
เกาเผิงทึ่งจนพูดไม่ออก
ต้าซื่อกับดัมมี่ที่กำลังอยู่สถานการณ์วิกฤติ ถึงกับตะลึงงันทันทีที่เหตุการณ์ได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ หลังจากที่ตั้งสติได้ พวกมันก็ได้มีท่าทีผ่อนคลายทันที พวกพยักหน้าให้ซึ่งกันและกันหลังจากที่ร่วมกันต่อสู้ในศึกที่ยากลำบากนี้ได้
ตั๊กแตนกิ่งไม้มายาที่มีเลเวล 38 ที่พวกมันได้สู้อย่างเอาเป็นเอาตายนั้นกลับถูกนกอัลบาทรอสจิกบินหายไปอย่างดื้อๆ
เกาเผิงยังคงสงสัยว่าที่หลังของนกมีคนนั่งอยู่รึเปล่าหรือเขาตาฝาดไปเอง
เกาเผิงได้เรียกเด็กๆของมาเพื่อตรวจสอบดูอาการาดเจ็บของพวกมัน
เขาแตะไปที่บาดแผลที่หลังของต้าซื่อก็รู้สึกเจ็บปวดในใจ แผลในตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้วและเลือดก็หยุดไหล แต่แผลมันลึกมากจนสามารถเห็นเนื้อข้างในได้เลย
ขาข้างหนึ่งของสตีปี้ถูกแทงจนหลุดออกมา เจ้าแมงมุมที่น่าสงสาร มันได้เห็นการต่อสู้ที่เป็นตายได้ทุกเมื่อแบบนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้มันยังคงหวาดกลัวและไม่ขยับไปไหน
ถึงตอนนี้สตีปี้จะเสียขาไปขาหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง หากมันได้ลอกคราบครั้งต่อไปก็จะมีขาขึ้นมาใหม่แทนที่ แม้ว่าจะดูเล็กกว่าที่เหลือก็ตามแต่การลอกคราบครั้งต่อไป ขาก็ขะกับมีรูปร่างเหมือนแบบเดียวกับขาที่เหลือ
จริงๆแล้ว เรื่องนี้แมงมุมธรรมดาที่ก่อนจะเกิดมหาภัยพิบัติก็สามารถทำได้อยู่แล้ว บางสายพันธุ์ให้การลอกคราบนี้ทำให้พวกมันแข็งแกร่งขึ้น
ฉะนั้นกว่าสตีปี้จะได้ลอกคราบ มันอาจจะต้องเดินกะเผลกแบบนี้สักพัก
สตีปี้ที่ตั้งสติได้แล้วมันจึงเดินไปช้อนหยิบขาที่ถูกตัดทิ้งขึ้น มองมันด้วยสายตาที่เศร้ามอง
ต้าซื่อได้คลานมาหาสตีปี้และวนรอบๆเป็นวงกลม
สตีปี้ได้มองต้าซื่ออย่างงงๆ มันไม่รู้ว่าต้าซื่อต้องการอะไร
ท้ายที่สุดต้าซื่อก็หยุดลงตรงหน้าสตีปี้และเงยหน้าขึ้นไปมองขาที่ถูกตัดออกมาของสตปี้พร้อมกับน้ำลายไหล
ดวงตาทั้งแปดของสตีปี้ได้เบิกกว้าง มันไม่คิดว่าพี่ใหญ่ของมันจะกล้ามาขอขาของมันแบบนี้
สตีปี้ได้ส่งเสียงแหลมด้วยความโมโห
ต้าซื่อได้พยายามยกขาที่สั้นของมันขึ้น มันจะพยายามชี้ที่หลังที่ถูกแทง แต่ขามันสั้นมากจะชี้ไม่ถึง มันฝืนพยายามชี้จนสะดุดล้มหงายท้องออกมา
ต้าซื่อได้พลิกตัวขึ้นและตัดสินใจไปหาดัมมี่ให้มันมาช่วยอธิบายให้สตีปี้เข้าใจมันเพื่อที่จะได้หายโมโห
ดัมมี่ได้ชี้ไปหลังของต้าซื่อและบอกถึงอาการบาดของมันให้สตีปี้ฟัง
ต้าซื่อพยักหน้าอย่างมีความสุขและอ้างเครดิตว่าตัวเองเป็นหาจุดอ่อนของตั๊กแตนกิ่งไม้มายาเจอ
สตีปี้ที่เห็นแผลที่หลังและการกระทำที่เสี่ยงตายของพี่ใหญ่แบบนี้ ดังนั้นมันควรจะยกขาของมันให้พี่ใหญ่ได้กินสินะ
ในขณะที่พวกมันกำลังคุยกันอยู่ ต้าซื่อก็ได้พลางมองเกาเผิงเป็นระยะๆ เพื่อเช็คว่าเจ้านายจะไม่มาขวางแผนการของมัน อีกทั้งมันยังใช้ภาษาสัตว์อสูรที่ซับซ้อนในการสื่อสารอีกด้วย
เกาเผิงก็ได้มองอย่างขำๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจในภาษาสัตว์อสูรแต่เขาก็เข้าใจว่าพวกมันกำลังคุยอะไรกันอยู่ผ่านภาษากายของพวกมัน
ตั้งแต่ที่พวกมันดู ‘สแควร์เบบี้’ ทุกวัน พวกมันก็มีความเป็นมนุษย์มากขึ้นทุกวัน ถึงขนาดใช้ภาษามือในการสื่อสารกันแล้ว
หลังจากนั้นสตีปี้ก็ยอมตรงขาที่ขาดของตัวให้ต้าซื่อกิน ต้าซื่อจึงรับมาอย่างเต็มใจ
ส่วนเกาเผิงกำลังคิดว่าพวกเขาจะเอายังต่อจากนี้ดี เดินเข้าสำรวจต่อหรือถอยไปตั้งหลักดี
พวกเขาที่ได้เจอตั๊กแตนกิ่งไม้มายาเลเวล 35 นี้มาหมาดๆ แม้ว่าการที่จะได้เจอสัตว์เลเวลประมาณนี้จะมีไม่มากแต่ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวเล็กน้อย
และต้าซื่อกับสตีปี้ก็ได้รับบาดเจ็บหนัก หากพวกเขาเจอสัตว์อสูรอีกพวกเขาจะรับมือมันไหวมั้ย
ส่วนเริ่องคะแนน เขาคงทำเท่าที่ทำได้ในขอบเขตความสามารถของเขาล่ะกัน
“อืม ก่อนอื่นพวกเราควรหาอาหารมาให้สตีปี้ก่อน หลังจากที่มันลอกคราบและขางอกขึ้นมาให้แล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ค่อยคิดว่าควรเอายังไงหลังจากดี” เกาเผิงกล่าว
พวกสัตว์อสูรก็พยักหน้า ไม่คัดค้านสิ่งที่เกาเผิงเสนอ
………..
เวลากลางคืน แสงจันทร์ได้ส่องไปทั่วท้องฟ้า ในป่าภูเขาด่ยังแห่งนี้ มีกองไฟได้ถูกจุดขึ้นที่ด้านข้างได้มันสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นอาหารของมนุษย์และสัตว์อสูรอีก 4ตัว
สตีปี้ได้เปิดปากกินกินร่างของสัตว์อสูรตัวที่อยูข้างๆกองไฟ สัตว์อสูรตัวนี้มีคุณสมบัติธาตุดินและลม จึงเหมาะที่จะกินที่จะเพื่อพื้นฟูร่างของมัน
หลังจากกินเสร็จสตีปี้ก็ได่นอนแผ่ข้างๆกองไฟ หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการลอกคราบ
เกาเผิงเห็นเลเวลของสตีปี้ตอนนี้ 19 หลังจากลอกครายคงจะเพิ่มขึ้นเป็น 20แน่ๆ มันต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้เพื่อที่จะสามารถรับการโจมตีสัตว์อสูรชนชั้นนักรบได้
ต้าซื่อได้หลับไปนานแล้ว
ขณะที่ดัมมี่ไม่จำเป็นต้องนอนหลับเพื่อพักผ่อน มันคอยยืนเฝ้ายามให้กับทุกคน หากมีใครเข้ามา มันก็จะได้ยินเสียงหัวใจขึ้นและรู้ตัวทันที
ค่ำคืนนี้ได้ผ่านพ้นไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรเลย
วันรุ่งขึ้นสตีปี้ได้ลอกคราบเสร็จแล้ว มันค่อยๆกะเทาะคราบของมันออกมา มันออกมาจากคราบพร้อมกับขาทั้งแปดของมัน
เลเวลของได้เพิ่มขึ้นเป็น 20 อีกไม่กี่ก้าวมันก็จะกลายเป็นชนชั้นนักรบแล้ว