“ฉันบอกให้แกทำให้เต็มที่ให้อยู่ในอันดับ 1ใน12 ให้ได้ การเข้าไปในทำเนียบผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรรุ่นเยาว์ แค่เข้าไปได้มันจะช่วยให้แกเติบโตและพัฒนาได้ในอนาคต”ชายมีหนวดกล่าว
“พ่อ ผมพยายามเต็มที่แล้วนะ พ่อไม่เห็นสิ่งที่ผมทำในทีวีเหรอ” เด็กชายคนหนึ่งสวมเสื้อยืดสีขาว เขายืนอยู่ตรงหน้าพ่อของเขา ใบหน้าของเขาแดงและบวมบูด
“ทำไมพ่อไม่ลองใช้เส้นสายยัดผมลงไปในนั้นล่ะครับ” เขาถามอย่างดื้อรั้น
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ ในทำเนียบผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรรุ่นเยาว์มีองกรณ์ขาดใหญ่หนุนหลังอยู่ แกคิดว่าพ่อของแกสามารถทำได้รึไง” ชายมีหนวดดูโมโหมาก
“แกนี่ตั้งแต่เด็กจนโต สร้างแต่เรื่องให้ฉันตลอดเลย ฉันช่วยแกไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว น่าโมโหจริงๆ”
“เมื่อไหร่แกจะทำตามที่ฉันคาดหวังได้” ชายมีเคราพูออย่างโกรธเคือง
“พ่อครับ ผมรู้ว่าผิดทำผิดไปแล้ว จากนี้ไปผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวังครับ” เขาพูดด้วยความสำนึกผิด
ชายมีเคราที่ตอนนี้ทำโกรธแค้น แต่ได้ให้ท่าทางของลูกเขาก็รู้สึกใจอ่อน เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียวของเขา
เนื่องจากสุขภาพเขาไม่ดีทำให้เขาไม่สามารถมีลูกได้อีก ดังนั้นเขาจึงรักและห่วงเขามาก
ชายมีเคราถอนหายในเฮือกใหญ่
‘ฉันจะช่วยอะไรเขาได้มั้ยนะ หรือจะยอมแพ้แค่นี้’ เขารักและห่วงลูกมาก ถึงเขาจะดุด่าลูกมากถึงเพียงใดแต่ในใจเขาเจ็บปวดมากกว่าที่เห็น
“เดี๋ยวฉันจะลองหาทางดู ในระหว่างนี้แกก็ทำตัวให้มันดีหน่อยนะ หากฉันเจอแกไปกับเพื่อนชั่วๆนั่น ฉันจะหักขาของแกทิ้งซะ” เขาพูดด้วยเสียงต่ำและสีหน้าเคร่งขรึม
“ขอบคุณครับ” เขายิ้ม เขารู้อยู่แล้วว่าพ่อจะช่วยเขา เขาตัดสินใจว่าช่วงนี้จะเก็บตัวอยู่เงียบๆ ไม่เที่ยวไปไหน ให้ทุกอย่างลงตัวก่อนจากนั้นค่อยตัดสินใจจะทำอะไรต่อดี
เมื่อเห็นลูกชายกำลังเดินเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็เปลี่ยนสีหน้าจากเคร่งขรึมเป็นมืดม่นทันที
ถึงเขาจะเป็นนายกเทศมนตรีของเจียงหนานแต่เขาก็คงทำอะไรมากได้ ในเรื่องนี้และมีคนรอซ้ำเติมเขาอยู่เป็นจำนวนมาก เขาจึงจะพลาดไม่ได้
หลังจากไตร่อยู่นาน เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“นี่ฉันเอง ช่วยส่งข้อมูลผู้เข้าสอบที่ผ่านไปรอบสามมาให้ฉันที”
……….
หลังจากที่เกาเผิงได้นำเหล่าสัตว์อสูรของเขาไปฝากไว้ศูนย์บริการของโรมแรม จากนั้นเกาเผิงเดินกลับไปที่ห้อง พอหัวถึงหมอนก็หลับทันที
เขาหลับไปหนึ่งวันเต็มๆ หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ลงไปข้างล่างบอกให้พนักงานาทำความสะอาดห้องของเขา หลังจากนั้นก็หาสัตว์อสูรของเขาที่ฝากไว้กลับโรงแรม ตอนนี้พวกมันอยู่ที่ตึกด้านหลัง
ที่ตึกแห่งนี้ไม่สูงมากนัก แต่ข้างในกว้างขวางมาก ราวกับสวนสัตว์ขนาดย่อมๆเลย สัตว์อสูรแต่ละตัวอยู่ในห้องที่แยกออกจากกัน แต่ละห้องกว้างขวางไม่แออัดและสะอาดมาก
เกาเผิงเดินมาที่ห้องของเด็กๆของเขา แต่กลับพบเพียงห้องเปล่าไม่มีผู้ใดเลย เขาหลับตาเช็คที่พันธะสัญญาของเขาและพบว่าพวกมันอยู่ไม่ห่างจากเขา
“พวกมันกำลังอาบน้ำอยู่ใช่มั้ย” เขาหันไปถามพนักงานโรงแรมที่อยู่หน้าห้อง
“ใช่ครับ จะเข้าไปดูมั้ยครับ”
เกาเผิงพยักหน้า “ครับ พาผมไปหาพวกมันหน่อย”
เกาเผิงเดินเข้ามาภายในห้องขนาดใหญ่ที่เปิดโล่ง ลมร้อนพัดผ่านใบหน้าของเขา
มีไอน้ำสีขาวไหลเข้ามาผ่านหน้าต่างที่เปิดโล่ง ห้องนี้ทำเลียนแบบให้ดูคล้ายกับแม่น้ำขนาดใหญ่ ทางโรงแรมจะปล่อยให้น้ำไหลผ่านตลอดเวลาและยังมีพนักงานคอยพ่นน้ำใส่สัตว์อสูรให้ได้รับความชุ่มชื้นอย่างทั่วถึง
ที่นี่มีสัตว์อสูรมากมายมาใช้บริการรวมถึงสัตว์อสูรของเขา
ต้าซื่อนอนเงียบๆบนพื้นปล่อยให้น้ำไหลผ่านตัวของมัน มันดูมีความสุขมาก
สตีปี้ดูต่างจากต้าซื่อ มันขยับตัวเต้นไปมาบนพื้น ราวกับว่ามันกำลังเปิดคอนเสิร์ตอยู่ยังไงอย่างงั้น
ดัมมี่เกาะที่ขอบอ่างพร้อมกับลอยอยู่บนผิวน้ำ มันรู้สึกสบายที่ได้อยู่กลางผืนน้ำแบบนี้
และซิลลี่ไม่ต้องพูดถึง มันดูตื่นเต้นมาก มันว่ายน้ำไปทั่วอย่างสนุกสนาน เนื่องจากมันเป็นแมงกะพรุนแน่นอนว่ามันต้องชอบน้ำอยู่แล้ว
พวกมันสังเกตเกาเผิงที่เดินเข้ามาในห้องอาบน้ำ พวกมันรีบไปหาเขาอย่างตื่นเต้นทันที พวกมันพยายามที่จะกอดเกาเผิงเลยทำให้ชุดของเขาเปียกโชกไปหมด
“พวกแกทำชุดฉันเปียกหมดเลย” เขาลูบพวกมันเบาๆและหันไปพูดกับพนักงานโรมแรมว่า “พวกมันอาบน้ำเสร็จรึยังครับ”
“อ่อยังไ..” พนักงานคนหนึ่งพูด
“งั้นผมจะอาบพวกมันต่อเอง” เกาเผิงพูดไปขณะยิ้ม
เนื่องจากเกาเผิงไม่มีอะไรทำ เขาอยู่เล่นกับพวกมันตลอดในช่วงบ่าย เขาตั้งใจจะเตรียมตัวกับเมืองฉางอานทันที ถึงเมืองเจียงหนานจะเจริญกว่าเมืองฉางอาน แต่ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านเรา
หลังจากสอบเขาก็ไม่มีอะไรทำ กว่าการสอบรอบต่อไปจะเริ่มก็อีก 3เดือน ผิดกับตอนแรก ที่รอบต่อไปจะเริ่มอีก1เดือน
ขณะที่เกาเผิงกำลังจะเดินกลับห้อง ในระหว่างเขาได้เดินผ่านห้องโถง มีกลุ่มคนที่นั่งอยู่เงียบๆ พอเขาเดินผ่าน พวกเขาก็ลุกขึ้นเดินตามเกาเผิงมา
เกาเผิงหยุดเดินและหันมามองพวกเขา
“โอ้เกาเผิง ผมกำลังตามหาคุณอยู่ตั้งนานแล้ว พนักงานบอกคุณไม่อยู่ในโรมแรมก็เลยนั่งรอคุณอยู่ คุณทานอะไรมารึยัง ออกไปหาอะไรกินหน่อยมั้ยครับ ไหนๆพวกเราก็มาจากฉางอานเหมือนกัน” หวังเฉียนเซิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีพิษมีภัย