ด้านหลังของหวังเฉียนเซิ่น มีฮั่นเสี่ยวและจุนเหมยยืนอยู่ และคนอื่นๆที่มาจากเมืองฉางอาน
พวกเขารอเกาเผิงมาสักพักแล้ว
เกาเผิงตั้งใจจะหาอะไรทานเบาๆก่อนจะกลับไปที่ห้อง ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะลังเล
“ไปทานข้าวกับพวกเราเถอะ แม้แต่จุนเหมยยังไปกับพวกเราเลยนะ” ฮั่นเสี่ยวกล่าวบอกเกาเผิงเป็นนัยๆ
สุดท้ายเกาเผิงก็ต้องไปกับพวกเขา ยังไงพวกเขาก็มาเชิญเกาเผิงถึงที่หากปฏิเสธไปมันจะดูเย็นชาและเสียมารยาทด้วย
พวกเขาได้ตัดสินออกไปนอกโรงแรม เพื่อไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหาร
ทันทีพวกเขาออกจากโรงแรม มีเด็กสาวก้าวมาหาเกาเผิงอย่างรวดเร็ว เธอมีผมสั้นเรียบร้อยและลักยิ้มเวลาที่เธอยิ้ม
“คุณคือเกาเผิงใช่มั้ยคะ”
“อา.. และคุณคือ” เกาเผิงรู้สึกสับสน นี่เขารู้จักผู้หญิงคนนี้ด้วยเหรอ
“อ่อ คือคุณไปทานข้าวกับฉันมั้ยค่ะ ฉันเลี้ยงคุณเอง”
เกาเผิงถึงกับพูดไม่ออก ทำไมใครหลายๆคน ต้องพยายามชวนฉันไปทานข้านด้วย ฉันไม่ได้เห็นแก่กินซะหน่อย “คงไม่ได้หรอก คุณเป็นใครผมยังไม่รู้จักเลย”
“ไว้รู้จักหลังจากทานข้าวด้วยกันก็ได้นี่” หญิงสาวดูมีท่าทีเขินเล็กน้อย “รู้มั้ย ฉันได้ดูคุณในทีวีด้วย คุณดูเท่มาก”
‘หา! อะไรนะ’
ในทีวีฉันดูเท่ขนาดนั้นเลยเหรอ เมื่อได้รู้แบบนี้เกาเผิงก็รู้สึกเขินขึ้นมาหน่อยๆแล้ว
เกาเผิงหันไปหาหญิงสาวและพูดว่า “ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นค่ะ” เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าของเกาเผิงตรงๆ เธอเคลิ้มไปชั่วขณะ กว่าเธอจะรู้สึกตัว เกาเผิงก็เดินหนีไปไกลแล้ว
…….
หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วพวกเขาก็เดินกลับมาที่โรงแรม พวกเขามาถึงตอน 3ทุ่ม
ที่หน้าประตูมีชายชุดสูทดำยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม ดูเหมือนว่าเขากำลังรอใครบางคนอยู่ ขณะที่เกาเผิงกำลังจะเดินผ่านเขาไป ชายชุดดำได้กับเกาเผิงทันทีว่า
“ผมมีเรื่องบางอย่างมาปรึกษาคุณ คุณพอจะสะดวกมั้ยครับ”
แต่เกาเผิงทำเป็นหูทวนลมเดินผ่านไป
ชายชุดดำได้เอาตัวมาขวางเกาเผิงและบัตรเครดิตสีน้ำเงินมาให้เกาเผิง
“รหัสผ่านตัวเลข 6 6ตัว ข้างในมีเงิน 1ล้านเครดิตพันธมิตร นี่เป็นค่าเสียเวลาของคุณ”
เกาเผิงมองไปที่ชายชุดดำและพูดว่า
“เวลาของฉันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่ครับ เราไปคุยที่ร้านกาแฟตรงดีมั้ยครับ” มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายชุดดำ
เกาเผิงเหลือบมองเขาละพูดว่า “ก็ได้ฉันจะไปแต่เดี๋ยวก่อน”
ชายชุดดำยิ้มเบาๆ เขาไม่รีบร้อนมากนัก เขายืนรอกับเกาเผิงที่หน้าโรงแรม
ผ่านไป 5นาที มีโครงกระดูก ตาไฟสีฟ้าได้เดินตรงมาที่เขายืนอยู่ ที่ด้านหลังโครงกระดูกมีพนักงานร้องโวยวายเสียงดัง
“แกจะไปไหน มานี่นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะถูกตัดเงินเดือน” พนักงานโรงแรมเกาะดัมมี่ไว้พยายามที่ลากมันกลับที่พัก แต่ดูไปดูมาเหมือนดัมมี่จะลากพนักงานซะมากกว่า
ชายชุดดำถึงกับแข็งค้างทันทีที่ได้เห็นดัมมี่
“ขอโทษด้วยนะครับ ผมเป็นคนเรียกมันมาเองโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้านะครับ ขอโทษที่ต้องทำให้ลำบากนะครับ” เกาเผิงขอโทษขอโพยพนักงานโรมแรม
พนักงานงงเล็กน้อย หลังจากตั้งสติได้จะพูดกับเกาเผิงอย่างรีบ
“หากเป็นมันเดินมาเพราะคำสั่งของลูกค้าก็ไม่เป็นไรครับ เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าให้ดูแลมันอย่างดี ฉะนั้นเราจึงไม่สามารถปล่อยออกไปข้างนอกให้เดินเพ่นพ่านตามใจได้ครับ งั้นผมไปทำงานต่อนะครับ” จากนั้นพนักงานก็รีบเดินไปทันที
เกาเผิงยิ้มเบาๆ จากนั้นก็หันมามองชายชุดดำ
“สัตว์อสูรของฉันมันขี้กลัวมากเลย ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ต้องคอยลูบหัวมันทุกคืน ดูสิครับมันต้องนอนไม่หลับแน่ๆ มันเลยมาหาผม”
‘โอ๊ย จะโกหกก็ให้มันเนียนๆหน่อย’
ชายชุดดำพูดไม่ออก เขาต้องเออออตามน้ำไปก่อน เดี๋ยวเด็กคนนี้จะไม่พอใจ
ชายสองคนกับสัตว์อสูรหนึ่งตัวเดินไปที่คาเฟ่ พวกเขาเลือกที่นั่งริมหน้าต่าง ส่วนดัมมี่ก็ยืนรออยู่ข้างนอกร้าน
ดัมมี่พยายามอยู่ให้ใกล้เกาเผิงเพื่อที่จะปกป้องเจ้านายของมัน
“สัตว์อสูรของคุณจงรักภักดีต่อคุณมากเลยนะครับ” ชายชุดดำพูดไปหลางมองดัมมี่ไป “ที่ผมมาในวันนี้เพียงเพื่อคุยกับคุณเท่านั้นนะครับไม่มีจุดประสงคือื่นแอบแฝงเลยนะครับ”
เกาเผิงพยักหน้าเงียบๆ
“ให้ผมแนะนำตัวเองก่อนนะครับ ผมมีชื่อว่าจางซิงชิงนะครับ” จาง ซิงชิงกล่าว
เกาเผิงอดไม่ได้ที่จะมองเขา “ชื่อของคุณเพราะดีนะครับ”
จางซิงชิงได้หยิบนามบัตรสีทองของเขายื่นไปให้เกาเผิง
“นี่คือนามบัตรของผมนะครับ หากมีอะไรที่คุณต้องการเรียกใข้ผมในอนาคตสามารถติดต่อผมได้นะครับ ผมมักจะได้มอบหมายงานที่เกี่ยวกับการติดต่อประสานงานระหว่างบุคคลนะครับ คุณสามารถเรียกผมว่าคนกลางได้นะครับ”
“คุณทำงานเกี่ยวกับพวกนายหน้าอย่างงั้นสินะ” เกาเผิงยิ้มเบาๆ
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ” จางซฺงชิงยิ้มและมองบริกรเข้ามาหาพวกเขา “บลูเมาเท้นท์ปราศจากน้ำตาลแก้วหนึ่งครับ”
“และคุณล่ะครับ” บริกรถามเกาเผิง
“เหมือนกับเขาล่ะครับ” เกาเผิงไม่รู้จะสั่งอะไรเพราะเขาไม่เคยดื่มกาแฟมาก่อน
“ที่จริงแล้วเหตุผลที่ผมเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อมาทำข้อตกลงกับคุณเกาน่ะครับ” จางซิงชิงกล่าวเคร่งเครียด เขาจ้องมองลึกไปยังดวงตาของเกาเผิง
“ข้อตกลงอะไร”
“มีใครบางคนต้องการให้คุณยกสิทธิ์การสอบรอบที่ 3 ให้เขาน่ะครับ โดยเขาจะจ่ายเงินก้อนโตให้กับเพื่อชดเชยให้คุณ เงินที่จะให้คุณมีจำนวนมากกว่าที่หนึ่งของผู้ชนะในรายการนี้น่ะครับ”
“อืม แน่นอนว่าผมเป็นคนใจกว้าง” เกาเผิงถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องถอนตัว “คงไม่มีใครจ่ายให้ผมมากขนาดนี้กับเด็กกำพร้าตัวน้อยๆอย่างผม ดูเหมือนผู้จ้างวานของคุณจะรักลูกของเขามากนะครับ”
จางซิงชิงยิ้มอย่างเงียบๆ “จริงๆแล้วถึงคุณจะเข้าการแข่งนี้แต่ก็ใช่ว่าคุณจะได้ที่หนึ่ง ผมได้ยินมาว่ามีผู้ฝึกสอนสัตว์อสูรจากภูมิภาคเหมย ได้นำสัตว์อสูรชนชั้นราชวงศ์เข้าแข่งขันด้วย เขาเป็นตัวเก็งในการสอบครั้งนี้ด้วย”
“ดูเหมือนว่าคุณจะรู้มากกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย” เกาเผิงกล่าวอย่างมีเลศนัย
แม้ว่าเกาเผิงจะรักเงินมากแค่ไหน แต่เขาอยากได้มันมาแบบถูกวิธี
นอกจากนี้เกาเผิงก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินสักเท่าไหร่ และกว่าที่เขาจะได้อันดับนี้มา เขาต้องเสี่ยงตายมากขนาดไหน ต่อให้เอาอะไรมาแลกเขาก็ไม่ยอมหรอก
สิ่งที่เขามาขอกับเกาเผิงมันมากเกินไปเขายอมรับไม่ได้ จึงต้องปฏิเสธไป
“ขอโทษด้วยนะครับ สิ่งที่ผมต้องการมีค่ามากกว่านั้น” เกาเผิงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“….” จางซิงชิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาสืบมาว่าเกาเผิงรักเงินมากกว่าสิ่งอื่นใดไม่ใช่หรอ
หลังจากนั้นจางซิงชิงก็ได้โน้มน้าวเกาเผิลหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ไร้ผล
“เฮ้อ มันช่างน่าเสียดายจริงๆ” จางซิงชิงถอนหายใจ
“นี่ครับกาแฟของคุณ” บริกรได้มาเสิร์ฟในเวลาที่เหมาะสม เขากาแฟไว้ตรงหน้าเกาเผิงกับจางซิงชิง
กลิ่นหอมกาแฟลอยไปทั่วโต๊ะ
จู่ๆ เกาเผิงก็ลุกขึ้นและเดินไปจ่ายเงินค่ากาแฟทั้ง 2แก้วที่เคาท์เตอร์
“หวังว่าหลังจากนี้คุณจะเพลิดเพลินกับกาแฟนะครับ” หลังจากกล่าวเสร็จเขาก็ยิ้มและเดินออกไป
ที่เคาท์เตอร์มีบัตรเครดิตสีน้ำเงินวางไว้ที่โต๊ะ