เกาเผิงเดินขึ้นไปตามบันไดหินอ่อน ที่พื้นยังไม่แห้งและได้กลิ่นน้ำยาทำความสะอาดจางในอากาศ
เขาเดินผ่านห้องต่างๆและได้ยินสิ่งที่อาจารย์กำลังสอนนักเรียนอยู่
เขาเดินตรงไปและหยุดที่ห้องพักครู เมื่อเปิดเข้าไป เขาไม่เจอคนที่เขาตามหา
‘ดูเหมือนว่าอาจารย์มู่หลางจะสอนนักเรียนที่ห้องอยู่’
หลังจากนั้นไม่นาน อาจารย์มู่หลางก็เดินเข้ามา พร้อมกับถือเอกสารกองโตเข้ามาข้างใน เธอตกใจเล็กน้อยที่เจอเกาเผิง จากนั้นก็ทักทายอย่างเป็นมิตร
“อ้าว เกาเผิง เธอกลับมาแล้วหรอจ๊ะ ครูได้ดูที่เธอไปออกทีวีด้วยล่ะ เก่งไม่เบาเลยนะ”
*ปึ่ง*
อาจารย์มู่หลางวางกองเอกสารไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็เดินไปที่กระติกน้ำและเทน้ำร้อนออกมาแล้วจิบเบาๆ
“นั่งลงก่อนสิเกาเผิง” เธอหยิบเก้าอี้ของอาจารย์ตะข้างๆในเกาเผิงนั่ง
เกาเผิงสังเกตเห็นอาจารย์ดูผอมลง ปกติใบหน้าของครูดูกลมกว่านี้ สงสัยเขาจะไม่เจอครูมานานเลยสังเกตเห็นความเปลี่ยนนี้ได้
“อาจารย์กำลังลดน้ำหนักอยู่เหรอครับ”
“โอ๊ย ไม่ใช่หรอกจ๊ะ ช่วงนี้ครูยุ่งมากวิ่งวุ่นไปทั่วและอากาศก็ร้อนด้วย ครูเลยดูผอมลงเล็กน้อย ไว้ถึงฤดูหนาวเมื่อไหร่ก็กลับมาเป็นเหมือนเองแหละ”
“อ่า.. ครับ”
เกาเผิงไม่รู้จะเรื่องนี้ต่อยังไงดี ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อถามเกี่ยวกับเพื่อนของเขา ว่ากำลังทำอะไรบ้าง คุยไปคุยมาอาจารย์มู่หลางก็เบนความสนใจไปที่งานของตัวเอง ช่วงนี้เธอยุ่งมากเพราะมีเด็กๆหลายคนสนใจจะสมัครวิทยาลับ ภาควิชาสัตว์อสูรเยอะมาก เธอจึงคำถามมากมายจากทั้งนักเรียนและผู้ปกครอง
อย่างเช่น อสูรหินเครือลดา มันเป็นหินทั้งตัวจริงๆเหรอ และมีเคลื่อนที่ได้ยังไง มันต้องกินอะไรมั้ย เป็นต้น
‘ถึงครูจะมาถึงผม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน’ เกาเผิงคิด
ดูเหมือนผู้ชมจะสนใจเกี่ยวสัตว์อสูรที่โผล่ในการสอบมากกว่าที่คิด ถึงแม้การถ่ายทอดสดจะมีความคิดเช่นเชิงลบไปบ้างแต่เรื่องสัตว์อสูรมันลึกลับน่าสนใจจริงๆ
พวกเขาทั้งสองคุยไปเรื่อยๆ จนกระทั่งใกล้จพถึงคาบสอนของอาจารย์มู่หลางจะเริ่มขึ้นแล้ว เธอยิ้มให้กลับเกาเผิงและพูดว่า
“หากมีเวลาว่างก็มาเยี่ยมครูที่นี่บ้างนะ เอาล่ะครูต้องไปสอนแล้ว”
ผิงพยักหน้าและลุกยืนขึ้น นำเก้าอี้ไปวางไว้ที่เดิม และเดินออกจากห้องพักครู
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากโรงเรียน เขาไม่รู้จะไปไหนดี ก่อนจะตัดสินไปที่สมาคมเพาะพันธุ์สัตว์อสูร ไม่สิตอนนี้เขาได้เปลี่ยนชื่อแล้วเป็นสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร แผนกผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูร เกาเผิงรู้สึกว่าชื่อใหม่นี้ดูดีกกว่าที่คิด
เมื่อมาถึงสหพันธ์ผู้ฝึกสอนสัตว์อสูร แผนกผู้เพาะพันธุ์สัตว์เมืองฉางอาน เกาเผิงก็พบว่าผู้อำนวยการเฉินได้ออกหลังจากที่ได้จัดตั้งสหพันธ์ผู้ฝึกสัตว์อสูรไปแล้ว พนักงานต้อนรับเป็นคนบอกข่้อมูลนี้มา
ช่วงนั้นเขากำลังเตรียมตัวสอบอยู่จึงไม่ทราบข่าวเลย
“เอาล่ะ งั้นไปที่อื่นดีกว่า” เกาเผิงถอนหายใจ เมื่อก่อนผู้อำนวยการเฉินไม่อยู่ที่นี่เขาจึงไม่ธุระที่นี่อีกต่อไป
ขณะที่เกาเผิงกำลังจะเดินออกไป ได้มีคนตะโกนกำลังไล่หลังเขามาว่า
“อย่างเพิ่งไปนะครับ!!”
เกาเผิงหันมองอย่างงงๆ มีชายใส่ชุดคลุมสีขาววิ่งมาหา เมื่อพบว่าเกาเผิงกำลังรอเขาอยู่เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“คุณคือ?…” เกาเผิงจำไม่ได้ว้ารู้จักชายคนนี้
“เอ่อคือ” เมื่อเห็นว่าเกาเผิงจำเขาไม่ได้ เฮอหมิงก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย พวกเขาเคยร่วมรับประทานอาหารกันไม่กี่เดือนเองนะ
“ที่พวกเราร่วมรับประทานอาหารที่หลิวเฉินหลิน ผู้จัดการของบริษัทบลูชิลด์เป็นเจ้าภาพไงครับ”
ในที่สุดเกาเผิงก็นึกออกว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นหนึ่งในแขกในตอนนั้น แต่เขาไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงในวันนั้นสักเท่าไหร่ จึงทำให้หลงๆลืมๆไปบ้าง
“อืม งั้นเหรอ” เกาเผิงหน้าอย่างเงียบๆ ใบหน้าของเขาแสดงความเย็นชาไม่เป็นมิตรอย่างเต็มที่ เขาพยายามทำตัวให้ห่างเหินให้มากที่สุดเท่านี่จะมากได้
เฮอหมิงรู้สึกอับอายขายขี้หน้ามาก เขาเป็นถึงกัปตันทีมนักล่าที่มีชื่อ ใครๆก็ต่างรู้จักเขา การที่เขาได้รับปฏิบัติที่เย็นชาในที่สาธารณะแบบนี้ทำห้เขารู้สึกอับอายมาก
แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากข่มความขุ่นเคืองลงไป เขารู้ดีว่าต้องทำตัวอย่างไรหากต้องการของความช่วยเหลือ
“อะแฮ่ม คุณเกา เรื่องในวันนั้นมันเป็นความผิดของพวกเราเอง ผมพร้อมยอมรับผิดทุกเมื่อ ผมตั้งใจจะไปขอโทษคุณแต่ก็ไม่มีโอกาสเจอคุณสักที” เฮอหมิงกล่าว
ผู้ที่มาทำธุระที่แผนกผู้เพาะพันธุ์สัตว์เมืองฉางอานแห่งนี้ต่างรู้จักเฮอหมิงเป็นอย่างดี พวกเขาต่างแปลกใจที่เขามีท่าทีนอบน้อมต่อเด็กหนุ่มคนนี้ พวกเขาต่างทำมองไม่เห็นทันที เพราะเฮอหมิงเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อเสียงด้านอันธพาลของเขา หากมีใครกล้าที่หัวเราะใส่เขาในตอนนี้ คนๆนั้นอาจโดนตามเก็บในภายหลังได้
“ไม่ต้องขอโทษอะไรผมหรอก พวกคุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ก็แค่ทัศนคติของเราไม่ตรงกันเฉยๆ เรื่องมันก็แค่นี้เอง” เกาเผิงตอบกลับอย่างยิ้มๆ และเดินจากไป
เฮอหมิงได้เอื้อมมือคว้าแขนเสื้อของเกาเผิงอย่างตื่นตระหนก
“ช่วยผมสักครั้งได้มั้ยครับ”
เขารู้สึกอับอายอย่างมากที่เขาลดตัวถึงขนาดนี้ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ไว้หน้าเขา
เกาเผิงมองด้วยหางตาที่แสนเย็นชาและพูดว่า “ปล่อย”
“ขอโทษ ขอโทษ” เฮอหมิงได้ปล่อยแขนเสื้อของเกาเผิงทันที “ได้โปรดเถอะครับคุณเกา ช่วยไปดูสัตว์อสูรของผมที คุณจะเรียกราคาเท่าไหร่ก็ได้” สีหน้าของเขาไม่ค่อยจะสู้ดี “ผมได้พยายามติดต่อนัดคิวคุณหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่สามารถติดต่อคุณได้ซะที เนื่องจากคุณเกาดำลังติดสอบอยู่ ที่เมืองฉางอานมีคุณคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยผมได้”
“โอ้ คุณคาดหวังผมไว้สูงมากเลยที่เดียว” เกาเผิงตอบอย่างเรียบๆ
“ได้โปรดช่วยพิจารณาด้วยครับ” เฮอหมิงยังคงตามตื้อไม่เลิก
เกาเผิงหรี่ตามองผู้ชายคนนี้อย่างเงียบๆ ผู้ชายคนนี้เก่งมาก เขาแทบไม่รู้สึกถึงความโกรธแค้นของเขาได้เลย หากแผงข้อมูลไม่ได้บอกเขา เกาเผิงคงไม่รู้ว่าชายคนนี้เกลียดเขาเข้ากระดูกดำ เขาแสดงได้เก่งจริงๆ
นับตั้งแต่งานเลี้ยงวันนั้น เขาก็ไม่เคยมองว่าพวกกัปตันเหล่านั้นในแง่ดีอีกเลย
เกาเผิงได้ยินมาว่า คนเหล่านี้มักจะวิธีสกปรกต่างๆนานา ตอนเวลาออกไปนอกเมือง เพราะว่าข้างนอกฏหมายในเมืองทำอะไรพวกเขาไม่ได้ พวกเขาเลยทำชั่วอย่างเต็มที่เวลาอยู่ข้างนอก
แม้เกาผิงอยากจะผูกมิตรกับเขา แต่เมื่อคิดดูดีๆแล้ว เกาเผิงได้ฉีกหน้าเขามากขนาดนี้ เขาต้องเกลียดเขาเข้ากระดูกดำแน่ๆและไม่มีวันยอมผูกมิตรอย่างแน่นอน
เกาเผิงยิ้ม ตอนนี้เขาได้ตัดสินใจแล้ว
“ก็ได้ ผมจะช่วยคุณ คุณไปพาสัตว์อสูรของคุณมาหาผมในวันพรุ่งนี้นะ แต่อย่างไรก็ตามผมเป็นแค่ผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรขั้นกลาง ผมไม่รับประกันหรอกน่ะว่ามันจะสำเร็จ แต่ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”