ณ สนามบินเมืองฉางอาน
เกาเผิงกับพรรคพวกได้เดินทางมาถึงในเวลาสิบโมงเช้าเพื่อเดินทางไปยังเมืองหยูโจว
ปกติการเดินทางไปเมืองหยูโจวนั้นใช้เวลาบินหนึ่งชั่วโมงจึงถึงที่หมาย แต่หลังจากเกิดมหาภัยพิบัติทำให้ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นเป็นสามชั่วโมง
อีกด้านหนึ่งได้มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังจะเข้าไป จู่ๆ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาขวางเขาไว้
“ขออภัยด้วยครับ ท่านไม่สามารถนำสัตว์อสูรเข้ามาในพื้นที่สนามบินได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิเสธการเข้ามาอย่างสุภาพ
“แต่เท่าที่ผมเห็น…มีหลายคนนำสัตว์อสูรเข้าไปได้ครับ” เด็กชายรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนชี้ไปยังด้านในที่มีชายชราและชายหนุ่มที่มีสัตว์อสูรเดินข้างๆ
“นั่นเป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่โดยสารด้วยเครื่องบินตัวน่ะครับ บริเวณนั้นจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎในข้อนี้นะครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบ
เนื่องด้วยเครื่องบินส่วนตัวเป็นทรัพย์สินของส่วนบุคคล ทางสนามบินไม่มีสิทธิ์ยุ่มย่ามอะไรมากนักและเส้นทางการบินของเครื่องบินส่วนตัวก็ใช้คนละเส้นทางกับเครื่องบินพาณิชย์ ฉะนั้นหากไม่เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงทางท่าอากาศยานก็ทำอะไรไม่ได้
เมื่อเด็กชายได้ยินอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นประกายสดใส แต่ก็หมองหม่นไปในพริบตา…
…
“ฉันบอกตาของเธอแล้ว เขาบอกมาว่าจะมีคนมารับนางพญาแมงมุมนั่นในภายหลัง เนื่องจากมันตัวใหญ่เกินไปเลยตัวใช้เครื่องบินที่ใหญ่กว่านี้เพื่อส่งมันไปหยูโจว” หลิวซาวทังกล่าวกับเกาเผิง “ฉันจะให้แร้งค์เครานัยน์ตาโลหิตไปกับมันนด้วย เผื่อมีอะไรเกินขึ้น”
เกาเผิงพยักหน้ารับสิ่งที่หลิวซาวทังพูด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเครื่องบินได้บินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า
พวกสัมภาระและสัตว์อสูรถูกล่ามไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัย สำหรับสัตว์อสูรที่ล่ามไว้ก็เพื่อกันมันทำลายเครื่องบินตอนมันสติแตก
ทิวทัศน์ด้านนอกเริ่มเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เครื่องบินได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง
เกาเผิงได้ปรับที่นั่งและเอนกายลงไปพร้อมสวมผ้าปิดตาเตรียมตัวนอน
ผ่านไปสามชั่วโมง เครื่องบินได้บินมาถึงที่หมาย
พนักงานบนเครื่องบินเดินไปปลุกเกาเผิงด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล
“นายน้อยคะ ใกล้ถึงเมื่องหยูโจวแล้วค่ะ”
‘หืม ถึงแล้วเหรอ?’
เกาเผิงดึงผ้าปิดตาขึ้นและมองไปที่หน้าต่าง ภายนอกเขาเห็นยอดเขาที่สูงตระหง่านกลางหมู่เมฆา
เมื่อมองลงไปจะเห็นแม่น้ำแยงซีที่กว้างใหญ่ราวกับมังกรน้ำที่บินลงมาจากภูเขา
ตรงบริเวณกลางภูเขามีเมืองขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ผู้คนได้อาศัยอยู่บนเขาและตามบริเวณเชิงเขา ตัวเมืองที่ถูกแบ่งแยกโดยแม่น้ำแยงซีได้มีสะพานเชื่อมหากันหลายแห่ง
เครื่องได้บินลงใกล้กับสนามบินมากขึ้น
เกาเผิงมองเห็นตึกรามบ้านช่องของที่นี่ ดูทันสมัยมาก เครื่องบินบินวนสักพักก่อนจะค่อยๆ ลงจอดที่รันเวย์
ในที่สุดพวกเขาก็ได้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
ลุงหลิวได้ยกโทรศัพท์ขึ้นและโทรไปคุยกับคุณตาสักพักก่อนจะวางสาย จากนั้นเขาก็หันมาคุยกับเกาเผิง
“ดูเหมือนตาแก่นั่นจะไม่ว่างน่ะ เลยมารับพวกเราไม่ได้ แต่เขาเลยบอกให้พวกเราไปรอที่บริษัท งั้นเราไปหาเขาแทนแล้วกัน”
“ครับ ผมไปไหนก็ได้ทั้งนั้น” เกาเผิงไม่คัดค้านข้อเสนอของลุงหลิว
…
แม่น้ำแยงซีมีขนาดกว้างกว่าเดิมมาก เนื่องจากการขยายตัวของเปลือกโลกหลังมหาภัยพิบัติ ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดจริงๆ
คลื่นน้ำที่ซัดกระหน่ำเข้าชายฝั่ง เสียงดังคล้ายกับฟ้าร้อง
ในแม่น้ำมีคลื่นขนาดใหญ่บ่งบอกว่ามีตัวอะไรกำลังว่ายในน้ำอยู่ มันว่ายไปมาโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ทหารที่รักษาการณ์ได้คำนวณว่ามันจะปลายทางที่มันจะไปก็คือเมืองหยูโจว
“หรือมันจะแค่เล่นซนเฉยๆ” ในเขตทหารของเมืองหยูโจว มีนายพลระดับสูงที่มีหนวดเคราสวมที่คาดตาสีดำได้ข้างหนึ่งกล่าว เขามองดูภาพที่ถ่ายจากโดรนไร้คนขับและยิ้มออกมาเบาๆ
พวกเขาได้สังเกตพฤติกรรมของมันในช่วงเวลาที่ผ่ามา พบว่ามันกำลังพยายามว่ายแบบไร้ทิศทางอย่างเช่น ดำลงไปลึกบาง หรือโผล่ขึ้นผิวน้ำ ไม่ก็ว่ายทวนน้ำกลับขึ้นไปด้านบน ที่มันแบบทำให้พวกมนุษย์ลดความระวังเกี่ยวกับตัวมัน มันจะได้ทำตามแผนการบางอย่างของมัน
แต่ช่างน่าเสียดายที่การกระทำของมันถูกจับตามองโดรนไร้คนขับไว้ทั้งหมดและการกระทำของมันถูกพวกทหารชายฝั่งมองออกทุกอย่างแล้ว
พวกเขารอดูว่ามันจะทำอย่างไรต่อไป
มีบางอย่างโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ เผยให้เห็นถึงร่างขนาดใหญ่และเกล็ดสีดำของมัน งูตัวนี้มีขนาดยาวถึง 5เมตร ตอนนี้มันกำลังว่ายน้ำอย่างยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำที่พัดผ่านอย่างรุนแรง ทำให้มันขึ้นฝั่งยากมาก
เจ้างูที่กำลังว่ายขึ้นฝั่งนั้น ได้เห็นอะไรบางอย่างที่มีสีแดงๆ โผล่ใต้ท้องมัน
เจ้างูมองไปอย่างงงงวย วัตถุสีแดงนี้ดูคล้ายกับพรมเลย
ในเวลาต่อมา พรมสีแดงนี้ได้พันไปที่ตัวของงูและดึงงูออกไป หลังจากที่งูได้ถูกดึง มันก็หมดสติทันที
…
“เจ้านี่เองเหรอ ที่มาขัดขวางไม่ให้ไปเจอหน้าหลาน” จีฮันอูยืนอยู่บนดาดฟ้าด้านหน้าเรือ เขามองไปที่ ‘เกาะ’ ที่กำลังเคลื่อนที่มาหาเขา ด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ
‘เกาะ’ นี้ได้มีเขาสีเขาที่แหลมคมชี้ไปบนท้องฟ้า ตัวของมันไม่เกล็ดสีดำปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย
ส่วนที่โผล่บนผิวน้ำมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ด้านล่างผิวน้ำมีตัวขนาดมหึมาของมันซ่อนอยู่
‘เกาะ’ ได้พบกับเรือลำนี้พอดี มันจึงว่ายไปหาอย่างรวดเร็ว
เรือได้โคลงเคลงไปมา แต่จีฮันอูยังยืนนิ่งเอามือประสานไปข้างหลังไม่สั่นไหวไปตามแรงสั่นสะเทือน ราวกับเท้าของเขามีรากงอกมายึดติดกับเรือ
………………………………….