อมาถึงด้านนอกของป่าใบไม่โปรย ความเร็วของเย่เทียนและเสียวจินก็สามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
เนื่องจากสิ่งกีดขวางด้านนอกมีน้อยมาก พวกเขาจึงสามารถวิ่งด้วยความเร็วที่สูงสุดโดยไม่จeเป็นต้องหลบหลีกอุปสรรค
เมื่อเปรียบเทียบกับความสิ้นหลังในป่าใบไม่โปรยแล้ว
ที่นี่คือสวรรค์อย่างแท้จริง
เย่เทียนกระโดดขึ้นหลังของเสี่ยวจิน เสี่ยวจินก็ระเบิดความเร็วของมันทั้งหมดออกมา ความเร็วของมันในขณะนี้เร็วกว่าเสียงถึง 25 เท่ากลายเป็นลําแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้านหลัง
วานรยักษ์ไล่ตามออกมานอกป่าใบไม่โปรย แต่เมื่อวานเห็นว่าความเร็วของมันด้วยความเสียวจินและยากที่จะไล่ตามเสียวจนได้ทันมันจึงได้แต่ทุบหน้าอกตัวเองอย่างรุนแรงและคํารามออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะหันหลังกลับไปยังป่าใบไม่โปรยอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อเห็นว่าวานรยักษ์ไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว เย่เทียนก็รีบบอกให้เสี่ยวจินหยุด
ตอนนี้พวกเขาอยู่ไกลจากฐานหลินไห่มาก คาดว่าห่างออกไปหลายร้อยล์
เนื่องจากเขาไม่กล้าวิ่งกลับไปยังฐานหลินไห่เพราะฐานหลินไห่ยังอยู่ใกล้กับป่าใบไม่โปรยมากเกินไปหากเขาวิ่งหนีไปทางฐานหลินไห่แล้วบางทีวานรยักษ์อาจจะไล่ตามมาและมันจะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของฐานหลินไห่อย่างแน่นอน
เพื่อความปลอดภัยของฐานหลินไห่ เขาจึงให้เสี่ยวจินวิ่งไปยังอีกทิศทางหนึ่งซึ่งมันเป็นทิศตรงกันข้ามกับฐานหลินไห่
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้วเย่เทียนและเสี่ยวจินก็หาทางกลับไปยังฐานหลินไห่และใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะพบทางกลับที่แน่นอน
เขาจะไม่ยอมรับว่าเขาเกือบจะหาทางกลับไม่เจอ
ฐานหลินไห่
เมื่อเย่เทียนกลับมาพร้อมกับเสี่ยวจิน ของกก็ทําให้ผู้คนจํานวนมากตกใจตกใจอีกครั้งการกําราบสัตว์อสูรเป็นสิ่งที่หลายคนไม่สามารถทําได้
เนื่องจากสติปัญญาของสัตว์อสูรส่วนใหญ่นั้นอยู่ในระดับต่ํา
พวกมันจึงไม่มีความคิดที่จะยอมจํานนในใจของสัตว์อสูรมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างนั้นไม่ฆ่าก็ถูกฆ่าไม่รู้ว่ามีนักรบผู้เชี่ยวชาญกคนที่คิดจะปราบสัตว์อสูรระดับกลางแต่สุดท้ายพวกเขาก็ล้มเหลว
เย่เทียนกลับสามารถสยบสัตว์อสูรระดับสูงอย่างเสือดาวมังกรทองได้หากพวกเขารู้ว่าเสียวจ นมีพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับสูงสุด พวกเขาคงอิจฉาจนตาย
หากไม่ใช่เพราะว่าสัตว์เลี้ยงไม่สามารถซื้อขายได้ คงจะมีคนจํานวนมากยื่นข้อเสนอขอซื้อเสี่ยวจนในราคาที่มหาศาล
พื้นที่ส่วนกลาง บ้านของเย่เทียน
เมื่อเย่หูเห็นเสี่ยวจินที่มีร่างกายสูงถึง 10 เมตร เธอก็รู้สึกกลัวเล็กน้อยเพราะกลิ่นอายของเสี่ยวจินนั้นแข็งแกร่งเกินไป จนเธอนั้นแทบจะไม่สามารถทนต่อกลิ่นอายของเสี่ยวจนได้
“เสี่ยวจน เก็บกลิ่นอายของเจ้าก่อน!”
เย่เทียนตบหัวเสี่ยวจินแล้วรีบพูด
“นายท่าน…”
เสี่ยวจินส่ายหางและคํารามใส่เย่เทียนด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นเขาก็เก็บกลิ่นอายของมันอย่างว่าง่าย
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายที่ใหญ่โตของมัน มันคงจะดูเหมือนลูกแมวน้อยจริงๆ
“เสี่ยวหย นี่คือเสี่ยวจิน สัตว์เลี้ยงตัวแรกของพี่! เจ้าสามารถเข้ามาใกล้มันได้!เสี่ยวจินจะไม่ทําร้ายเจ้า”
เย่เทียนแนะนําเกี่ยวจินให้น้องสาวของเขารู้จัก
ภายใต้ค่าพูดของเยเทียน ในที่สุดเยี่หยูก็ทักทายเสี่ยวจิน
“เสี่ยวจิน สวัสดี ข้าชื่อเย่หยู”
เสี่ยวจินเอาหัวของมันถูหัวเล็กๆของเยี่หยูเพื่อแสดงความเป็นมิตร
มันรู้ว่ามนุษย์ตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้ามันคือน้องสาวของเจ้านายและยังเป็นคนที่มันจะต้องคอยปกป้องในอนาคต
ใช่แล้ว เย่เทียนได้บอกกับเสี่ยวจินแล้ว
ในอนาคตเมื่อเขาไม่อยู่ เสี่ยวจินมีหน้าที่ปกป้องเย่หยู
มันไม่กล้าขัดคําสั่งของเยเทียนดังนั้นมันจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่หยก่อน
เช้าวันต่อมา
เย่เทียนมุ่งหน้าไปยังตลาดมืด เมื่อเขามาถึงหอยุทธ์
พนักงานขายก็ผ่าเย่เทียนไปพบกับผู้ดูแลหัวหน้าหอยุทธในฐานะผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของฐานหลินไห่
ครั้งนี้เขามาที่นี่เพื่อหารือกับผู้ดูแล
ผู้ดูแลหอยุทธแห่งนี้เป็นตัวตนลึกลับมาโดยตลอดน้อยคนนักที่จะเคยเห็นเขาหากไม่ใช่เพราะเย่เทียนอีกฝ่ายก็คงไม่ให้พบ(ผู้ดูแลหอชุดหน้าจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ)
เดิมที่เย่เทียนคิดว่าผู้ดูแลหอยุทธ์นั้นจะอายุมากแล้วแต่หลังจากได้เจอผู้ดูแลจริงๆเขาถึงได้พบว่าผู้ดูแลหอยุทธ์นั้นอายุเพียงสามสิบกว่าปีเท่านั้นแต่พรสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นไม่ธรรมดา
[มนุษย์: อวจง
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: ระดับสูง
พรสวรรค์ด้านดาบ : ระดับกลาง
พรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่ง : ระดับเริ่มต้น ]
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงนั้นไม่น่าตกใจมากนักฐานเขี้ยวเหล็กที่เป็นฐานทัพขนาดกลางก็มีผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงอยู่หลายคน
อวจงเป็นถึงผู้ดูแลหอยุทธสาขาฐานหลินไห่เขาถูกส่งมาจากฐานขนาดใหญ่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ
แต่พรสวรรค์ด้านดาบระดับกลาง และพรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งระดับเริ่มต้นนั้นไม่ธรรมดา
ทั้งสองอย่างสามารถใช้พร้อมกันได้
เห็นได้ชัดว่าอวจงมีความแข็งแกร่งมากกว่าซุนคงและคนอื่นๆจากตระกูลซุนมาก
“คารวะท่านผู้ดูแล!”
เย่เทียนกล่าวอย่างสุภาพ
เมื่อได้ยินดังนั้นอวจงก็รีบกล่าวว่า
“ผมเป็นแค่ผู้ดูแลหอยุทธที่ฐานหลินไห่เท่านั้น ท่านปรมาจารย์เย่สุภาพเกินไปแล้วไม่ทราบว่าทําไมท่านปรมาจารย์เยถึงต้องการพบผม?”
เย่เทียนไม่ได้โต้แย้งคําเรียกขานของอวี่จง เขาสมควรได้รับชื่อปรมาจารย์จริงๆ
“ท่านผู้ดูแลมาจากฐานใหญ่ใช่หรือไม่? ข้าอยากรู้ว่าที่นั่นเป็นเช่นไร?”
เย่เทียนถามออกไปตรงๆ
อวจงยิ้มเขาไม่ได้สงสัยเกี่ยวกับคําพูดของเยเทียน เพราะเย่เทียนยังเยาว์วัยและเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานหลินไห่
อัจฉริยะเช่นนี้จะยอมจะยอมจมปลักอยู่แค่อาศัยที่ฐานหลินไห่ที่อ่อนแอได้อย่างไร?
เขาต้องโหยหาสนามรบที่ยิ่งใหญ่กว่าที่นี่แน่ๆ
อวจงไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดว่า
“ผมมาจากฐานทะเลมาร ห่างจากฐานหลินไห่ราว 3,000 กิโลเมตร ระยะทางนี้ไม่ไกลมากสําหรับปรมาจารย์ ที่สําคัญคือเส้นทางนี้อันตรายเกินไปถ้าโชคไม่ดีผมอาจจะเจอสัตว์อสูร ชั้นยอด ดังนั้นทุกๆปีฐานทัพใหญ่จะส่งคนมาที่ฐานหลินไห่ฐานทัพหลินไห่มีสาขาย่อยเพียงสองสาขาหนึ่งคือสาขาของหอยุทธ์และอีกหนึ่งคือธนาคารของฐานหลินไห่ธนาคารนี้เป็นส่วนหนึ่งของธนาคารทะเลมายาธนาคารทะเลมายาไม่ค่อยส่งคนมามากนักแต่กฎของหอยุทธ์ของเราจะส่งคนมาปีละครั้ง
“ท่านผู้ดูแลจง ท่านหมายความว่าข้าสามารถติดตามผู้ฝึกยุทธของหอยุทธ์ไปยังฐานทัพใหญ่ได้เพียงครั้งเดียวต่อปี? ข้าเดินทางคนเดียวไม่ได้หรือ? “เย่เทียนถาม
อวจงยิ้มและถามว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะเดินทางไปยังฐานทัพใหญ่เพียงล่าพังปรมาจารย์เย่คงยังไม่เคยรู้ข้อมูลของฐานใหญ่ใช่หรือไม่?”
“ใช่!” เย่เทียนพยักหน้า
อวจงอธิบายว่า “เมื่อ 100 ปีก่อนโลกยังมีขนาดเล็กมาก เมืองแต่ละเมืองจึงตั้งอยู่ใกล้กันมากแต่วันโลกาวินาศที่สัตว์อสูรผ่านรอยแยกมิติเข้ามาไม่เพียงมีพลังปราณปรากฏขึ้นบนโลกเท่านั้น แต่รูปใบนี้กลับขยายขยาดใหญ่ขึ้นมากหลายคนคาดเดาว่ามันขยายขึ้นหลายร้อยเท่าแต่จริงๆแล้วมันขยายมากแค่ไหนไม่มีใครรู้ ในตอนแรกจํานวนมนุษย์ลดลงอย่างมากแต่ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมาฐานทัพของมนุษย์ที่ครอบครองดินแดนขนาดใหญ่จึงสนับสนุนการมีบุตรมากข์ดังนั้นฐานทัพแต่ละแห่งจึงมีประชากรมากกว่าเดิม 10% เทคโนโลยีได้รับการพัฒนาอย่างมากและมีความสามารถมากมายคุณรู้ไหมว่าในฐานทะเลมารมีจํานวนประชากรที่คน? ”
“1 ล้าน?” เย่เทียนพูดตัวเลขออกมา
อวจงพูดด้วยเสียงทุ่มต่าว่า
“10 ล้าน!
“อะไรนะ!” เย่เทียนตกตะลึงอย่างแท้จริง จํานวนคนมากมายขนาดนี้ เทียบได้กับผู้คนใน เมืองหลวงก่อนวันโลกาวินาศ!
“ประชากร 10 ล้านคน พลังโดยรวมนับว่ามากมายมหาศาลภายใต้การสนับสนุนของฐานทะเลมารจึงมีประชากรมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นตอนนี้นับว่าไม่ต่างจากมหานครเมื่อ 100 ปีก่อนนักวิทยาศาสตร์หลายคนใช้พลังปราณแทนพลังงานไฟฟ้าที่นั่นมีแม้แต่เครื่องปรับอากาศพลังปราณรถพลังปราณและลิฟต์พลังปราณทุกอย่างล้วนถูกสร้างขึ้นแต่ฐานทะเลมารทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยรูปแบบอาคมขนาดใหญ่ส่งผลให้สัตว์อสูรไม่สามารถรุกล้ําเข้าไปได้ หากใครก็ตามต้องการเดินทางเข้าไปยังฐานทะเลมารก็ต้องมีการตรวจสอบทุกคนมันต่างกับฐานหลินไห่ทุกคนต้องมีบัตรประจําตัวพลังปราณหนึ่งใบเมื่อมีบัตรใบนี้จึงจะสามารถเข้าออกฐานทัพทะเลมารได้อย่างอิสระ!”อวจงกล่าวอีกครั้ง
“บัตรประจําตัวพลังปราณ!” ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจแล้วว่าทําไมเขาจึงไม่สามารถเข้าไปในฐานทะเลมารได้เพียงลําพัง
ลําพังตัวเขาเองไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงการติดตามผู้ฝึกยุทธขอหอยุทธ์เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปในฐานทะเลมารได้
“ท่านผู้ดูแลจง คนของหอยุทธ์น่าจะอีกนานเท่าใดกว่าจะมาที่นี่?”
เย่เทียนถามคําถามที่เขากังวล
“อีก 1 เดือนข้างหน้า!”
อวจงตอบ