นทัพทะเลมารมีโรงเรียนอยู่หลายแห่ง แบ่งเป็นสองประเภท หนึ่งคือโรงเรียนธรรมดาที่มีทั้งคนธรรมดาและผู้ฝึกยุทธเรียนอยู่ สองคือโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกโดยเฉพาะและโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธก็แบ่งออกเป็นหลายระดับหนึ่งในนั้นมีปรมาจารย์เป็นผู้คอยสั่งสอน แนะนําในการฝึกฝนบ่มเพาะ
แต่ตราบใดที่อายุถึง 25 ปี หรือ สามารถบรรลุถึงขั้นนักรบผู้เชี่ยวชาญก็จะต้องจบการศึกษาจากโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธเส้นทางหลังจากนั้นก็ต้องพึ่งพาตนเองคําแนะนําของโรงเรียนผู้ฝึกยุทธไม่มีประโยชน์กับนักรบผู้เชี่ยวชาญ
เดิมที่เย่เทียนคิดว่าโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นจะสั่งสอนแค่เพียงวิชาหลอมกายาหรือเคล็ดวิชารวบรวมลมปราณและทฤษฎีอื่นๆเล็กน้อยเท่านั้นแต่เมื่อเขาได้รู้ความจริงเขาก็รู้ทันทีว่าความคิดของเขานั้นตื้นเขินนัก
โรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธ์นั้นมีสิ่งให้เลือกเรียนรู้ได้มากมายอาทิ เช่น วิชาดาบ วิชาดาบ หมัด ฝ่ามือและวิชาลับต่างๆ กระทั่งสามารถเรียนรู้พื้นฐานของค่ายกลวิชาหลอมอาวุธเวทย์ เป็นต้น
แต่การเรียนรู้ทุกอย่างมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง นั่นคือผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้ต้องมีพรสวรรค์ที่สอดคล้องกับสาขาวิชานั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่นผู้ครอบครองพรสวรรค์ด้านดาบ จะสามารถเรียนรู้วิชาดาบได้ แต่หากไม่มีพรสวรรค์ดังกล่าว ก็ไม่สามารถสมัครเรียนวิชาดาบได้แม้แต่ตําราวิชาดาบก็ไม่สามารถยืมได้
โรงเรียนผู้ฝึกยุทธให้ความสําคัญกับการสอนตามพรสวรรค์ ใครก็ตามที่มีพรสวรรค์พิเศษก็จะได้รับการต้อนรับอย่างดีจากโรงเรียนฝึกยุทธ
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีพรสวรรค์พิเศษก็ไม่เป็นไร พวกเขาก็ยังสามารถเลือกเรียนวิชาพื้นฐานบางอย่างได้ ยกตัวอย่างเช่น ทักษะดาบขั้นพื้นฐาน และวิชาใช้อาวุธพื้นฐานในรูปแบบต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถเรียนรู้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและไม่จําเป็นต้องมีพรสวรรค์ในด้านนั้นๆ
“หากไม่ใช่เพราะเราพิเศษกว่าคนธรรมดา ไม่สามารถเปิดเผยความสามารถของพรสวรรค์ได้เราเองก็อยากเข้าเรียนในโรงเรียนฝึกผู้ฝึกยุทธเช่นกัน!”
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความเสียดาย
การสมัครเข้าโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธไม่ได้มีขั้นตอนมากมาย เย่หยูมีบัตรประจําตัวอยู่แล้วและเธอก็มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะปานกลาง เธอจึงสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนสําหรับผู้ฝึกยุทธได้อย่างง่ายดายถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรงเรียนที่ดีที่สุดในฐานทะเลมาร แต่มันก็อยู่ใกล้บ้านซึ่งสะดวกมากกว่า
หลังจากใช้เวลาหลายวันเย่หยูก็ไปโรงเรียนเป็นวันแรก หลังจากจัดการทุกอย่าง
เดิมที่เย่เทียนตั้งใจจะหาข้อมูลของเหล่าอัจฉริยะจากฐานทัพทะเลมาร เพื่อคัดลอกพรสวรรค์ของพวกเขาแต่การมาถึงของคนๆหนึ่งทําให้แผนการของเย่เทียนยุ่งเหยิง
“เย่วหลัง!”
เย่เทียนเพิ่งกลับมาจากข้างนอก และเห็นเย่วหลิงที่ยืนอยู่นอกบ้านของเขา มันทําให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้าใจทันที
อวจงรู้เรื่องที่เขามาถึงฐานทะเลมาร อวจงและเย่วหลิงก็เป็นคนในตระกูลเดียวกัน บางทีอวจงอาจจะส่งข้อความถึงเย่วหลิง
“เย่เทียน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!”
เย่วหลิงยิ้ม
“เข้าไปคุยข้างในกันเถอะ!”
เย่เทียนเชื้อเชิญ
“ตกลง”
เย่วหลิงตามเย่เทียนเข้าไปในบ้านและนั่งลงบนโซฟาในห้องโถง
เย่เทียนถามออกไปตรงๆ
“ถูกต้อง อวจงบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องคุณ ตอนแรกฉันยังคิดว่าอวจงพูดเรื่องโกหกแต่ตอนนี้ฉันได้มาเห็นคุณกับตาแล้ว ฉันถึงได้รู้ว่าอวจงพูดความจริงในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าพลังของคุณจะยกระดับกลายมาเป็นนักรบผู้เชี่ยวชาญจากคํากล่าวของอวจงคุณฆ่าจอมยุทธระดับปรมาจารย์ได้จริงหรือไม่?”
เย่วหลิงจ้องเย่เทียนอย่างประหม่า และรอคําตอบของเย่เทียน
“เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ทั่วไป เท่านั้น!”
เย่เทียนรีบพูด
คําพูดนี้เท่ากับยอมรับ!
“ปรมาจารย์ทั่วไปก็ยังเป็นปรมาจารย์ นักรบผู้เชี่ยวชาญที่สามารถสังหารจอมยุทธระดับปรมาจารย์ได้ก็เก่งกาจมากพอแล้วการที่มีพลังโจมตีเพิ่มขึ้นขนาดนั้นได้ต้องมีพรสวรรค์พิเศษด้านพละกําลังเท่านั้นฉันอยากเชิญคุณเข้าร่วมหอยุทธอีกครั้งคุณสนใจหรือไม่?” เย่วหลิงกล่าว
“ผมยังยืนยันคําเดิมอยู่ ตอนนี้ผมยังไม่อยากเข้าร่วมกองกําลังใดๆ!”
เย่เทียนส่ายหัว
เย่ว์หลิงไม่ได้แปลกใจหรือผิดหวังกับคําตอบของเย่เทียน เธอเพียงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้นจากนั้นเย่วหลิงก็บอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการมาในครั้งนี้
“เย่เทียน ฉันสงสัยว่าคุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเขตแดนลับหรือไม่?”
เย่วหลิงถาม
“เขตแดนลับ?”
เย่เทียนส่ายหัว
เขาไม่รู้จริงๆว่าเขตแดนลับคืออะไร น่าจะคล้ายกับดินแดนลับในนิยายที่เขาเคยอ่าน
แต่ในยุคนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
เย่วหลิงรู้ว่าเย่เทียนมาจากฐานขนาดเล็ก จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้เรื่องเขตแดนลับดังนั้นเธอจึงอธิบายว่า
“ดินแดนลับเป็นมิติย่อยที่หลบซ่อนอยู่ทั่วโลก ด้านในมีทั้งภูเขาแม่น้าต้นไม้และแม้แต่สัตว์อสูรแต่เขตแดนลับแต่ละแห่งนั้นไม่เหมือนกันเขตแดนลับบางแห่งมีสมบัติมากมาย แต่บางแห่งก็แห้งแล้งมากการเกิดขึ้นของเขตแดนลับก็เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติเมื่อร้อยปีก่อนและทางเข้าของ เขตแดนลับคือเกตซึ่งเป็นรอยแยกของมิติที่เปิดขึ้นในสถานการณ์พิเศษ!”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
เย่เทียนเข้าใจในทันที
เย่ว์หลังอธิบายต่อ ” มีเขตแดนลับอยู่ในเทือกเขาไม่ไกลจากฐานทัพทะเลมารแต่จอมยุทธระดับที่สูงกว่าระดับปรมาจารย์ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนลับนี้ได้หากฝืนเข้าไปพวกเขาจะถูกบดขย โดยพลังของเขตแดนลับมีเพียงผู้ฝึกยุทธระดับปรมาจารย์หรือต่ากว่าเท่านั้นที่สามารถเข้าสู่เขตแดนลับนี้ได้”
“เย่วหลิง คุณมาบอกเรื่องนี้กับผมทําไม?” เย่เทียนถาม
ในความเป็นจริงเขาคาดเดาบางอย่างในใจของเขาแล้ว
“ฉันอยากจะเชิญคุณให้เข้าไปในเขตแดนลับด้วยกัน เพราะเขตแดนลับนั้นอันตรายมากนอกจากนี้เมื่อผู้ฝึกยุทธุ์เข้าสู่เขตแดนลับแล้วการต่อสู้จะเป็นเรื่องปกติใครก็ตามที่ได้พบกับสมบัติล้ำค่า แม้แต่คนจากตระกูลเดียวกันก็ยังต่อสู้กันเองเพราะไม่มีใครรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในเขตแดนลับแล้วจะไม่มีใครรู้แม้แต่จะลงมือสังหารใครซักคนและฉันก็เชื่อว่าคุณไว้ใจได้ ดังนั้นฉันถึงต้องการให้คุณเข้าร่วมและฉันก็สัญญาว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณได้รับในเขตแดนลับมันจะเป็นของคุณเอง”
เย่วหลิงกล่าว
“จะมีผู้ฝึกยุทธกคนที่เข้าสู่เขตแดนลับ?” เย่เทียนถามอีกครั้ง
“เยอะมาก! เขตแดนลับแห่งนี้จะเปิดขึ้นทุกๆ 10 ปี และทุกๆครั้งที่มันเปิดมันสามารถรองรับคนได้ 1,000 คนนักรบผู้เชี่ยวชาญในฐานทะเลมารมีมากกว่า 1,000 คนดังนั้นมีเพียงขุมกําลังใหญ่ๆเท่านั้นที่ได้รับโควตาฉันมีสิทธิเข้าไปเพราะสถานะของฉัน”
“มีนักรบผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 1,000 คนที่เข้าร่วม!”
เย่เทียนสูดหายใจเข้าลึก
มีนักรบผู้เชี่ยวชาญเพียงน้อยนิดในฐานหลินไห่ พลังของนักรบผู้เชี่ยวชาญจํานวนมากมายขนาดนี้จะเก่งแกร่งถึงเพียงใดเย่เทียนไม่กล้าแม้แต่จะคิดในเวลานี้เขาเข้าใจถึงความกังวลของเย่วหลังแล้ว
พรสวรรค์ของเย่วหลิงไม่เลวเลย แต่เมื่อเทียบกับยอดอัจฉริยะที่แท้จริงแล้วมันต่างกันมากดังนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเขามีพลังมากพอที่จะสังหารปรมาจารย์ทั่วไปเธอจึงอยากเชิญเขาเข้าสู่เขตแดนลับด้วยกัน
“ตอนนี้คุณแข็งแกร่งถึงระดับไหนแล้ว?”
เยเทียนถาม
เขาสัมผัสได้ว่าเย่วหลิงอยู่ในระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ในขั้นไหนกันแน่
“นักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นปลาย”
เย่ว์หลิงกล่าวตามความจริง
“เร็วมาก!”
เย่เทียนเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
เย่วหลิงมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงเท่านั้น ทําไมเธอถึงสามารถยกระดับได้รวดเร็วถึงเพียงนี้? แม้ว่าตระกูลเย่วจะสนับสนุนเธอแต่มันก็ยังไม่มีทางที่จะก้าวหน้าได้เร็วขนาดนี้
“หรือว่า…
ทันใดนั้นเย่เทียนก็จะหนักได้ถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
เดิมที่เขาเคยตรวจสอบพรสวรรค์ของเย่วหลิงมาก่อน ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลของเย่วหลังอีกเลย
แต่ตอนนี้เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อย
[มนุษย์: เย่วหลิง
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: สูงสุด
พรสวรรค์ด้านดาบ : ปานกลาง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ระดับรอง]
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงกลายเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุด
ด้วยทรัพยากรอันมหาศาลของตระกูลเย่วบวกกับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดด้วยเป็นเรื่องปกติที่เย่วหลิงจะฝึกจนถึงนักรบผู้เชี่ยวชาญขั้นปลาย
“แน่นอนว่าพรสวรรค์ของเย่วหลิงได้ยกระดับขึ้นเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดแล้วหากเดาไม่ผิดสมบัติที่นางเอามาจากทะเลสาบมรณะในวันนั้นน่าจะเป็นสมบัติที่สามารถยกระดับ พรสวรรค์ได้!”
เย่เทียนเข้าใจในทันที