“ต้องอาบน้าก่อน ร่างกายเราสกปรกเกินไป!”
เย่เทียนขมวดคิ้วเมื่อได้กลิ่นสาปเหงื่อบนตัวเขา เขารีบลุกขึ้นยืนและกระโดดลงไปในทะเลสาบ
หลังจากชําระล้างร่างกายแล้ว เขาก็กระตุ้นลมปราณเพื่อให้เสื้อผ้าของเขาแห้ง โดยไม่จําเป็นต้องตากผ้านี่ถือเป็นความสามารถของผู้ฝึกยุทธ (***สะดวกจริงๆ)
“เย่เทียน คุณไม่เป็นไรนะ?”
เย่วหลิงเดินเข้ามาและถาม
“ไม่เป็นไร!”
เย่เทียนส่ายหัว
เขาไม่เพียงแค่ไม่เป็นไร แต่เขายังได้กําไรมหาศาล แต่เรื่องนี้เขาไม่สามารถพูดออกมาได้ทําได้เพียงปิดบังเย่วหลิงเท่านั้น
“เย่เทียน พรสวรรค์ของคุณเปลี่ยนไปบ้างไหม? ”
เย่วหลิงถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ผมรู้สึกว่าพลังจิตแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างอื่นผมยังไม่รู้”
เย่เทียนกล่าว
“คุณต้องลองใช้พรสวรรค์ของคุณดู บางทีคุณอาจจะสังเกตเห็นมัน!”
เย่วหลิงพยายามปลอบใจเย่เทียน
ที่จริงแล้วสิ่งที่เธอคิดในใจก็คือ พรสวรรค์ของเยเทียนไม่ได้เปลี่ยนไป เลยต้องเสียดอกบัวทองดารากระจ่างไปหนึ่งดอก แต่เธอกลัวว่าคําพูดนั้นจะกระทบกระเทือนเย่เทียนจึงได้แต่ปลอบ ใจเขาเช่นนี้อย่างไรก็ตามเธอคิดมากเกินไป
“ไปกันเถอะ!”
ตอนนี้เย่เทียนได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว การอยู่ที่นี่ไปก็ไร้ประโยชน์ มันจะดีกว่าถ้าเขาไปที่อื่นเพื่อหาโอกาส
เย่วหลิงเห็นด้วยและตามเย่เทียนออกจากถ่า
ก่อนที่เย่เทียนจะจากไป เย่เทียนขอให้เย่วหลิงช่วยเก็บศพของหมาป่าจันทร์เสี้ยวไว้ในถุงเก็บสมบัติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่าเขาต้องการศพของหมาป่าจันทร์เสี้ยว แม้ว่าตอนนี้ศพของหมาป่าจันทร์เสี้ยวไร้ประโยชน์สําหรับเขาแล้วก็ตามแต่เขาต้องนํามันไปเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
ศพของหมาป่าจันทร์เสี้ยวไม่ได้ใหญ่มากนัก มันเก็บได้ง่ายมาก เย่วหลิงจึงช่วยเขาระหว่างทาง
เย่เทียนค่อยๆศึกษาพรสวรรค์ด้านมิติ เย่วหลิงไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของมิติดังนั้นเธอจึงไม่สามารถสังเกตว่าเย่เทียนแอบศึกษาพรสวรรค์ด้านมิติอยู่มิฉะนั้นเธอคงจะตกใจมากแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นาน นอกจากการเคลื่อนย้ายพริบตาแล้ว ความสามารถในการรับรู้มิติและตราประทับมิติก็ถูกเย่เทียนใช้อย่างคล่องแคล่ว
นอกจากนี้เย่เทียนยังพบว่าตราประทับมิติและเคลื่อนย้ายพริบตาสามารถใช้ร่วมกันได้เช่นทิ้งตราประทับมิติไว้ในที่ใดที่หนึ่งแล้วเคลื่อนย้ายไปยังที่ที่มีตราประทับมิติอยู่
นี้คือการเคลื่อนย้ายตําแหน่ง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเย่วหลิงอยู่ข้างๆ เขาจึงต้องดําเนินการทดลองนี้ในภายหลัง
“ถึงเวลาเปิดมิติส่วนตัวแล้ว!”
เย่เทียนรู้สึกประทับใจกับความสามารถนี้มาก ด้วยมิติส่วนตัวเขาสามารถใส่สิ่งต่างๆได้ มากมายเขาไม่จําเป็นต้องแบกมันด้วยตัวเองอีกแล้ว
แน่นอนว่าการเปิดมิติส่วนตัวต้องดําเนินการอย่างลับๆ ไม่ให้เย่วหลิงสังเกตเห็น
การเปิดมิติส่วนตัวของเขานั้น เพียงแค่ใช้ความสามารถด้านมิติเพื่อทิ้งตราประทับมิติไว้บนร่างกายจากนั้นเขาใส่พลังแห่งมิติเข้าไปในตราประทับมิติและบีบมิติขนาดเล็กแล้วขยายมิติออกไป
สําหรับขนาดมิติส่วนตัวที่สามารถเปิดได้ นั้นเกี่ยวข้องกับระดับพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเขา
“เริ่มกันเลย!”
เย่เทียนทิ้งรอยประทับของมิติไว้บนกระดูกที่ข้อมือซ้ายของเขา
จากนั้นเขาก็ควบคุมพรสวรรค์ด้านมิติและค่อยๆถ่ายเทพลังแห่งมิติเข้าไปในตราประทับมิติ
วูบบ!!!!
พลังแห่งมิติจํานวนมากได้รวมตัวกับตรามิติและในที่สุดก็ทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
ตราประทับมิติบนกระดูกถูกบีบจิตสํานึกของเขาเข้าไปในมิติและเปิดมิติ
เมื่อพลังแห่งมิติถูกถ่ายเทเข้าไป ภายในจิตสํานึกของเย่เทียน มีจุดเล็กๆก็ปรากฏขึ้นมา
จุดเล็ก ๆ นี้เริ่มเป็นต้นกําเนิด หลังจากดูดซับพลังแห่งมิติจํานวนมากมันก็ค่อยๆก่อตัวเป็นพื้นที่ขนาดเล็กประมาณหนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรมิติส่วนตัวไม่ได้มีพื้นที่เล็กขนาดนี้พื้นที่ขนาดเล็กนี้ยังคงขยายขนาดใหญ่ขึ้นได้
ยิ่งพลังแห่งมิติไหลเข้ามามากเท่าใด พื้นที่ขนาดเล็กก็จะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ประมาณสิบนาทีต่อมาพื้นที่ขนาดเล็กในที่สุดก็ขยายออกกลายเป็นหนึ่งลูกบาศก์เมตร
แต่เย่เทียนยังไม่รู้สึกถึงขีดจํากัดของเขา เขายังคงสามารถขยายมิติส่วนตัวนี้ได้อีก
ครึ่งวันต่อมา
ในที่สุดเย่เทียนก็รู้สึกถึงขีดจํากัดของเขา ไม่ว่าเขาจะถ่ายเทพลังมิติมากเท่าใด เขาก็ไม่สามารถขยายพื้นที่ได้อีก
เขาส่งจิตสํานึกของเขาเข้าไปในมิติส่วนตัวและมองสํารวจอย่างละเอียด
มิติส่วนตัวเป็นเหมือนบ้านทรงสี่เหลี่ยมที่มีความยาว 5 เมตรซึ่งหมายความว่ามีพื้นที่ทั้งหมด125 ลูกบาศก์เมตร
พื้นที่เช่นนี้มีขนาดใหญ่มาก มีน้อยคนนักที่จะมีถุงเก็บสมบัติที่มีพื้นที่ใหญ่ขนาดนี้
ถุงเก็บสมบัติของเย่วหลิงค่อนข้างดี ตามที่เย่วหลิงบอก ถุงเก็บสมบัติของเธอมีขนาดเพียงแค่ 30 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นแต่ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่สามารถเก็บของได้มากนักนอกจากนี้ถุง เก็บสมบัติยังสามารถถูกคนแย่งไปได้หากถูกขโมยไปสิ่งของก็จะหายไปด้วย
แต่มิติส่วนตัวของเขา ไม่มีใครที่จะสามารถแย่งไปได้ แม้ว่าแขนของเขาจะถูกตัดออกเย่เทียนก็สามารถติดต่อกับมิติส่วนตัวได้ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนสามารถทําลายมิติส่วนตัวได้
แต่มิติส่วนตัวนั้นแข็งแกร่งมาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะถูกทําลายโดยใครบางคน
ในระยะสั้นเราต้องค่อยๆ เก็บของไว้ทีละน้อย
หลังจากเปิดมิติส่วนตัวแล้ว เย่เทียนก็แอบส่งของมีค่าบางอย่างจากกระเป๋าไปยังมิติส่วนตัว
อย่างเช่นดอกไม้วิญญาณสวรรค์สองดอกนั้น เขาค่อยๆส่งมันไปยังมิติส่วนตัว
นอกจากนี้เขายังได้ส่งสมุนไพรหลายอายุหลายร้อยปีไปยังพื้นที่ส่วนตัวของเขา
สําหรับสิ่งอื่น ๆ เขายังคงเก็บไว้ในกระเป๋า เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
ตูม!!!!
ในระยะไกล มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น จากความผันผวนของพลังปราณการต่อสู้นั้นรุนแรงมาก
“เย่วหลิง มีคนหรือสัตว์อสูรกําลังต่อสู้กันอยู่!”
เย่เทียนกล่าว
จากเสียงของการต่อสู้ มันอยู่ห่างจากที่นี่เพียง 10 ลี้ ระยะทางนี้ไม่ไกลเกินไปสําหรับนักรบผู้เชี่ยวชาญ
“ไปดูกันเถอะ!”
เย่วหลิงกล่าว
เย่เทียนพยักหน้าและพาเย่วหลิงไป
ห่างจากจุดเกิดเหตุสามลี้ เย่เทียนก็ใช้ความสามารถในการรับรู้มิติเพื่อตรวจสอบ
ฮ่ม!!
คลื่นการรับรู้มิติกระจายออกไปและพุ่งออกไปด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อที่
ในตอนนี้การรับรู้ของเยเทียนราวกับทะลุมิติมาถึงระยะสาม …..
ภาพทิวทัศน์ที่ห่างออกไปสามลิ้ถูกเย่เทียนมองเห็นได้ทั้งหมด
นี่คือความสามารถในการรับรู้มิติ ไม่เพียงแต่จะสามามารถตรวจจับจากระยะไกลเท่านั้นแต่ยังมองได้ชัดเจนยิ่งขึ้นแต่หากใช้พลังจิตตรวจสอบอย่างมากก็ทําได้เพียงรับรู้สถานการณ์คร่าวๆเท่านั้นไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ชัดเจนเท่าเย่เทียน
“หึม!”
เย่เทียนเห็นนักรบผู้เชี่ยวชาญห้าคนกําลังล้อมสัตว์อสูรอยู่ ไม่ไกลจากสัตว์อสูรตัวนั้นมีหญ้าส์แดงเพลิงอยู่ทั่วทั้งต้นของมันยังมีเปลวเพลิงที่กําลังลุกโชนดูแล้วมันไม่น่าจะใช่สิ่งของธรรมดาเลย
“นี่มันหญ้าอะไร?”
เย่เทียนไม่ได้มีความรู้อะไรมากนัก เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้จักหญ้าชนิดนี้แต่เย่วหลิงอาจจะรู้จักมัน
นักรบผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คน เป็นผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่ง และ 2 ในนั้นยังมีพรสวรรค์ประเภทโจมตีความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในระดับแนวหน้าของนักรบผู้เชี่ยวชาญและสัตว์อสูรระดับสูงที่นักรบผู้เชี่ยวชาญทั้ง 5 คนล้อมไว้ก็เป็นสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ในการโจมตีเช่นกัน
หากพวกเขาค่อยๆ รุมล้อมด้วยความระมัดระวัง สัตว์อสูรตัวนี้จะต้องตายอย่างแน่นอนและทั้งห้าคนก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
แต่ตอนนี้ทั้งห้าคนนั้นบ้ามาก พวกเขาใช้ท่าไม้ตายออกไปอย่างต่อเนื่องไม่สนใจที่จะเก็บพลังไว้เลยกระทั่งยอมบาดเจ็บเพื่อโจมตีสัตว์อสูรระดับสูงตัวนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องการจะสังหารมันให้เร็วที่สุด
“พวกเขาทั้ง 5 เร่งรีบขนาดนี้ ดูเหมือนว่าหญ้าต้นนี้จะไม่ธรรมดาเลย!”
เย่เทียนคาดเดา
“เย่วหลิง พวกเรารีบหน่อยเถอะ!” เย่เทียนหันไปพูดกับเย่วหลิง
“ตกลง!”
“เย่วหลิงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า แต่เธอก็เคลื่อนไหวตามเย่เทียนไปอย่างรวดเร็ว
น่าเสียดายที่ต้นไม้ในป่าหนาแน่นเกินไป ทําให้พวกเขาไม่สามารถใช้ความเร็วได้อย่างเต็มที่เย่วหลิงเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่เธอก็เกือบจะไม่สามารถควบคุมร่างกายได้จนเกือบชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่
สิบวินาทีต่อมา
เย่เทียนและเย่วหลิงก็มาถึงบริเวณที่เกิดการต่อสู้