เมื่อออกมาจากสาขาของหอยุทธ์
ดวงตาคู่งามของเย่วหลิงจ้องไปยังเย่เทียน “เย่เทียนตอนนี้คุณเป็นมหาเศรษฐี 325,000 ล้านแม้แต่ฉันก็ยังคิดจะปล้นคุณ”
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรอให้คุณแข็งแกร่งกว่านี้ก่อน !”
เย่เทียนพูดติดตลก
“ดี! ตอนนี้คุณกล้าแม้กระทั้งแกล้งฉันแล้ว!”
เย่วหลิงแสร้งทําเป็นโกรธ
ทั้งสองคนแค่พูดคุยหยอกล้อกันเล็กน้อย จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็เตรียมตัวแยกย้ายกันไป
แต่ก่อนจะจากไป
เย่วหลิงกล่าวเตือนอีกครั้ง “เย่เทียน ตอนนี้คุณรวยแล้วอีกสิบวันจะมีการจัดประมูลขึ้นที่หอยุทธฉันคิดว่าคุณอาจจะสนใจเพราะมีหลายสิ่งที่คุณอาจต้องการเพราะการที่คุณไม่ได้เข้าร่วมกองกําลังใดๆ มันมีหลายอย่างที่คุณไม่สามารถซื้อได้ด้วยตัวเอง”
“เย่วหลิง คุณช่วยบอกได้ไหมว่าสิ่งที่คุณหมายถึงคืออะไร?”
เย่เทียนถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ตอนนี้เขามีเงินมากพอแล้ว แต่ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาหาซื้อไม่ได้หากไม่มีช่องทางยกตัวอย่างเช่นถุงเก็บสมบัติเขาเคยถามหอยุทธหลายครั้งแต่เขาก็ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อมัน
“เทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูง!”
เย่วหลังกล่าว
“มันจะถูกนําออกมาประมูลจริงๆหรือ?”
เย่เทียนเต็มไปด้วยความสนใจ!
ตอนที่เขามาถึงฐานทะเลมารได้ไม่นาน แน่นอนว่าเขาเคยสอบถามเกี่ยวกับเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูงแล้วแต่สิ่งนี้เป็นความลับของขุมกําลังใหญ่ๆดังนั้นจึงไม่มีใครนํามันออกมาขาย
นอกเสียจากว่าเขาจะเข้าร่วมกับขุมกําลังใหญ่และประกาศถึงความจงรักภักดี มิเช่นนั้นเขาก็ไม่มีทางได้รับเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูง
และตอนนี้เขามีเพียงเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นกลางเท่านั้นซึ่งเย่วหลิงคือผู้มอบมันให้กับเขาเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นกลางให้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในตอนนี้แต่เมื่อถึงระดับปรมาจารย์ผลของมันจะต่ำลงมากและจะค่อยๆหมดประสิทธิภาพไป
หากเขาต้องการฝึกฝนต่อ เขาทําได้เพียงพึ่งพาเลือดสัตว์อสูรระดับสุดยอดเท่านั้น
ปรมาจารย์ที่มีครอบครองเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูงและปรมาจารย์ที่ไม่ได้ครอบครองเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูงทั้งสองมีอัตราความก้าวหน้าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
เย่เทียนวางแผนไว้ว่าหลังจากบรรลุขอบเขตปรมาจารย์แล้ว เขาค่อยไปแสวงหาเทคนิครวบรวมลมปราณขั้นสูงอีกครั้งแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีโอกาสแล้ว
“เย่วหลิง ผมจะต้องเข้าร่วมแน่นอน!”
เย่เทียนตอบอย่างมั่นใจ
“ดี ฉันจะให้คนส่งบัตรเชิญการประมูลให้คุณภายใน 2 วัน!”
เย่วหลิงกล่าว
“ขอบคุณมาก!
เย่เทียนกล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ ถ้าหากเขาหาบัตรเชิญด้วยตัวเองคงจะต้องใช้เวลาไม่น้อย
จากนั้นทั้งสองก็แยกย้ายกันไป
ตอนนี้เป็นเวลาเย็น
เย่หยกลับมาจากโรงเรียนของนักรบแล้ว เมื่อเห็นเย่เทียนกลับมา เธอก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็กลับมา!”
เย่หยวิ่งเหยาะๆเข้ามา
แต่ไม่นานเธอก็ถูกดึงดูดโดยเสี่ยวจื่อ
“ว้าว หนูน้อยน่ารักตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของพี่หรอ? หรือพี่จะนํามันมาเป็นของขวัญให้ข้า?”
ดวงตาของเย่หยุเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จะโทษเธอก็ไม่ได้ เสี่ยวลื่อน่ารักมาก โดยเฉพาะขนสีทองเล็กๆ ตรงหว่างคิ้วทําให้มันน่ารักขึ้นหลายเท่า “อม นี่เป็นของขวัญพี่มอบให้เจ้า!”
เย่เทียนพยักหน้า
เมื่อเย่เทียนส่งเสี่ยวจื่อให้เย่หยู เสี่ยวจอก็ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น?
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? มันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงที่น่ารักของเจ้านายหรอกหรือ? ทําไมมันถึงกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของสาวน้อยคนนี้ไปได้?”
“นายท่าน ท่านจะขายข้าหรือ?”
เสี่ยวจอพูดกับเย่เทียนด้วยความคับข้องใจ
“ไม่ได้ขาย แต่ข้ามักจะยุ่งมากไม่มีเวลาที่จะดูแลเจ้านี่คือเย่หยน้องสาวของข้าดูแล้วนางจะชอบเจ้ามากข้าเชื่อว่านางคงจะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี!”เย่เทียนอธิบาย
“เห้อ!! เสี่ยวจ่อเชื่อฟังนายท่าน!”
เสี่ยวจื่อพูดอย่างเชื่อฟัง
เมื่อมีเสียวจออยู่ในบ้าน สถานะของเสี่ยวจินก็ตกต่าลงทันที
เดิมที่เย่หยุมักจะเล่นกับเสี่ยวจินแต่ตอนนี้มีเสียวจอแล้วมันเกือบจะถูกทอดทิ้งแน่นอน
เย่หยุเองก็ฝึกฝนอยู่บ่อยๆ เธอไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนเสียวจื่อและเสี่ยวจนได้สัตว์เลี้ยงทั้งสองจึงผูกมิตรกันอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวจอ: ข้าชื่อเสี่ยวจ่อ เจ้าตัวใหญ่ เจ้าชื่ออะไร?
เสี่ยวจิน: ข้าชื่อเสี่ยวจินเป็นชื่อที่นายท่านตั้งให้
เสี่ยวจ่อ: เจ้าตัวใหญ่ เจ้ามีความสามารถอะไร?
เสี่ยวจิน: ข้านั้นมีความแข็งแกร่งทางกายภาพ และสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว!
เสี่ยวจื่อ: ดูเหมือนว่าความสามารถของเจ้าจะไม่ค่อยมีประโยชน์มากนักเจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามความสามารถเช่นไร?ตัวข้านั้นมีพรสวรรค์ในการล่าสมบัติสมบัติอะไรก็หนีไม่พ้นสายตาของข้า หากเจ้ายอมเป็นลูกน้องข้าต่อไปข้าจะพาเจ้าออกไปหาสมบัติมากมาย!
เสี่ยวจิน: คาระวะพี่ใหญ่!
เสี่ยวจื่อ: ข้าเป็นตัวเมีย เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่สาว!
เสี่ยวจิน: ตกลงพี่สาว
หลังจากพูดจากันไม่กี่คํา เสี่ยวจินก็กลายเป็นลูกน้องของเสี่ยวซื้อโดยปริยายและหลังจากนั้นเสี่ยวจ่อก็ไม่เห็นด้วยขาตัวเองอีกเลย นางนั่งบนร่างใหญ่โตของเสี่ยวจิน และคิดว่าเสี่ยวจนเป็นพาหนะของนาง
เมื่อเย่เทียนได้เห็นมัน เขาก็หัวเราะอยู่หลายวัน
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวจิน เสียวจื่อและเย่หยูเล่นกันอย่างสนุกสนาน เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
วันที่สี่หลังจากการกลับมาบ้าน
คนของเย่วหลิงก็มามอบบัตรเชิญเข้าร่วมการประมูลให้แก่เขา
หลังจากได้รับบัตรเชิญร่วมการประมูลเย่เทียนก่าลังจะเริ่มฝึกฝน แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าพรสวรรค์ในการคัดลอกของเขาสามารถใช้ได้อีกครั้งแล้ว
“ต้องคัดลอกพรสวรรค์ในการล่าสมบัติของเสี่ยวจื่อก่อน!”
เย่เทียนตัดสินใจ
พรสวรรค์นี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ หากไม่คัดลอกคงจะเป็นเรื่องที่โง่มาก
“คัดลอก!”
“หลอมรวม!”
พรสวรรค์ล่าสมบัติระดับสูงไม่ได้ทําให้เย่เทียนต้องทนทุกข์ทรมานมากนัก เขาแค่รู้สึกร้อนไปทั่วทั้งร่างและมีเหงื่อไหลออกมาเท่านั้น สิบนาที่ผ่านไปและหลอมรวมก็สิ้นสุดลง
[พรสวรรค์ในการล่าสมบัติ: ระดับสูง]
เมื่อมองไปที่ข้อมูลของพรสวรรค์ เย่เทียนก็ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจจากนั้นเขาก็เริ่มทดสอบความร้ายกาจของพรสวรรค์ในการล่าสมบัติระดับสูง
– โสมร้อยปี โสมพันปี หินลมปราณหนึ่งก่อน
เย่เทียนวางของทั้งสามชิ้นลงบนโต๊ะและเปิดใช้งานพรสวรรค์ล่าสมบัติ
จากนั้นฉากที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้น
กลุ่มแสงสามก่อนปรากฏออกมาจากสมบัติทั้งสามชิ้น
แสงจากโสมร้อยปีเป็นแสงสีขาวอ่อน แสงที่โสมพันปีเป็นแสงสีขาวที่เข้มข้นแต่หินปราณเปล่งแสงสีแดงอ่อนออกมา จากนั้นเย่เทียนก็หยิบสมบัติออกมาอีกจํานวนมากและใช้พรสวรรค์ในการล่าสมบัติอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ได้ข้อสรุป
สีของแสงเกี่ยวข้องกับระดับของสมบัติเรียงจากต่าไปสูง มันสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายระดับ
แสงสีขาว, แสงสีแดง, แสงสีเหลือง, นี้เป็นสามระดับจากต่าไปสูง.
สมบัติทั้งหมดที่เขาได้รับมาส่วนใหญ่จะเปล่งแสงสีขาว มีส่วนน้อยพี่เป็นแสงสีแดงและแสงสีเหลืองนั้นเป็นสมบัติสวรรค์เช่นดอกไม้จิตวิญญาณสวรรค์ส่วนจะมีแสงที่มีระดับสูงกว่าสีเหลืองหรือไม่นั้นเย่เทียนเองก็ไม่รู้เช่นกัน
ในเวลาเดียวกันเยู่เทียนก็ทดสอบขอบเขตของพรสวรรค์ในการล่าสมบัติผลปรากฏว่าระยะการตรวจสอบคือ 10 ลี้
ตราบเท่าที่อยู่ภายในระยะ 10 ลี้ เขาสามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของสมบัติและตัดสินระดับของสมบัติได้
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงใช้พรสวรรค์ในการล่าสมบัติตรวจสอบโดยรอบในระยะ 10 ลี้ และเห็นแสงของสมบัติที่อยู่รวมกันอย่างหนาแน่นในระยะสิบล็ใกล้เขาน่าเสียดายที่สมบัติเหล่านี้ล้วนมีเจ้าของดังนั้นเขาจึงไม่สามารถนํามันมาได้
และในบรรดาสมบัติเหล่านี้สิ่งที่มีค่าที่สุดก็เปล่งแสงสีเหลืองออกมาเท่านั้น
“เราต้องใช้พรสวรรค์ในการคัดลอก คัดลอกพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น!”เย่เทียนกล่าว
เท่าที่เขารู้ พรสวรรค์ในการบ่มเพาะสูงสุดของฐานทะเลมารคือพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นเขาไม่สามารถหาพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับที่สูงกว่านั้นได้ดังนั้นเขาจึงต้องการคัดลอกพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นเพื่อที่จะทําให้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของเขายกระดับสูงขึ้น
“คงต้องไปแถวๆตระกูลหยุนก่อน!” เย่เทียนออกไปในทันที