“สมบัติอะไรกันแน่ ถึงได้ลึกลับขนาดนี้?
บางคนอดถามออกมาไม่ได้
ผู้ประมูลเปิดผ้าออกเผยให้เห็นกล่อง กล่องหนึ่ง
กล่องใบนี้มีความสูงประมาณหนึ่งตัวคน ทั่วทั้งกล่องใบนี้เต็มไปด้วยลวดลายอักขระที่ยากจะเข้าใจเห็นได้ชัดว่ามันถูกสลักค่ายกลเอาไว้ เมื่อผู้ประมูลเปิดกล่องออกมาเผยให้เห็นไข่ขนาดใหญ่อยู่ด้านใน
ไข่ใบนี้ทั้งใบเป็นสีทอง และมีพลังชีวิตแผ่ออกมาอย่างเลือนราง พิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นไข่ของอะไรบางอย่างจริงๆ
“ไข่สัตว์อสูร?
บางคนถามด้วยความสงสัย
“แต่ไข่ของสัตว์อสูรธรรมดามันจะลึกลับขนาดนี้เลยหรือ? มันแปลกมากที่ไข่ของสัตว์อสรจะลึกลับเช่นนี้”
“มันเป็นไข่แต่พวกเรากลับไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายของสัตว์อสูรสัตว์อสูรทุกตัวล้วนมีกลิ่นอายเฉพาะตัวแต่ไข่ใบนี้ไม่มี!” ผู้ประมูลแนะนํา “สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือไข่ใบนี้แข็งแกร่งมากแม้แต่ยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ก็ไม่สามารถทําลายเปลือกไข่ได้แม้กระทั่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของยอดฝีมือระดับราชาก็ไม่สามารถมองทะลุเปลือกไข่ได้เรายังไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วมันคือไข่ของสิ่งมีชีวิตชนิดใด ตั้งแต่ทางเราได้รับมันมาเราต่างพยายามทุกวิถีทางเพื่อเปิดเปลือกไข่แล้วแต่ทุกอย่างล้วนล้มเหลวเนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้และไม่ทราบวิธีการฟักดังนั้นทางเราจึงไม่สามารถรับประกันอะไรแก่ผู้เข้าร่วมการประมูลได้แม้ว่าไข่อาจมีค่ามากแต่จึงทางเราตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 1พันล้าน”
“หรือมันจะเป็นไข่ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังบางอย่าง? หากฟักมันออกมาได้ ไม่ใช่ว่าเราจะทํากําไรได้มหาศาลหรอกหรือ?”
มีคนอุทานออกมา
“ฮ่า ๆ บางทีมันอาจเป็นเพียงหินบางชนิดที่แผ่กลิ่นอายของชีวิตออกมา ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้! หากไม่สามารถฟักไข่ออกมาได้ ไข่ใบนี้ก็เป็นเพียงเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง!”
“ฮีม ไม่ว่ายังไง ราคาเปิดประมูลก็ไม่ได้สูงมากนักราคาเริ่มต้นแค่ 1 พันล้านเท่านั้นเอง!”
“ฮีซึ่ งั้นเรามาประมูลกันดีกว่า!”
ผู้ฝึกยุทธหลายคนเริ่มเสนอราคาประมูลอย่างต่อเนื่อง
เย่เทียนจ้องเขม็งไปที่ไข่ใบนี้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ภายใต้พรสวรรค์ในการล่าสมบัติ ไข่ใบนี้เต็มไปด้วยแสงสีทอง ราวกับมาจากของขวัญจากพระเจ้าก็มิปานมันดูไม่ธรรมดาเลย
“ตรวจสอบ!”
เย่เทียนพยายามใช้พรสวรรค์ในการคัดลอกเพื่อตรวจสอบมัน ถ้าเป็นไข่ของสัตว์อสูรบางทีพรสวรรค์ในการคัดลอกอาจจะสามารถตรวจสอบข้อมูลของมันได้
ตอนแรกเย่เทียนคิดว่าจะไม่ได้ผล แต่ข้อความที่ปรากฏบนจอประสาทตาพิสูจน์ให้เห็นว่ามันเป็นไข่จริงๆและมันยังเป็นใข่ของสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
[ประเภท: มังกรโลหิตสงคราม
พรสวรรค์ทางสายเลือด: ????
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ????
พรสวรรค์ในการบิน: ????
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ????
พรสวรรค์ในการป้องกัน: ????]
พรสวรรค์มากมายที่ปรากฏขึ้นทําให้เย่เทียนตกตะลึง นี่เป็นสัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่า ที่เขาเคยพบ ไม่ บางทีมันอาจใช้คําว่าสัตว์อสูรไม่ได้ เพราะมันเป็นมังกร!
“นี่คือไข่มังกรในตํานาน เจ้าพวกไร้ความรู้พวกนี้ กลับเอาออกมาประมูล!”
เย่เทียนกล่าวด้วยความเหยียดหยาม
อย่างไรก็ตาม เขาเองก็ไม่อยากคิดเช่นกัน ว่าหากเขาไม่มีพรสวรรค์ในการคัดลอกเขาจะสามารถบอกที่มาของไข่ใบนี้ได้หรือไม่? สําหรับคําถามนี้เย่เทียนเลิกสนใจมันทันที
“แปลก ทําไมเราถึงไม่เห็นระดับพรสวรรค์? หรือเป็นเพราะพรสวรรค์ของมันสูงเกินไป?”
เย่เทียนถามตัวเอง
แต่ในพริบตาเขาก็ปฏิเสธความคิดนี้ พรสวรรค์มากมายที่ปรากฏขึ้น แสดงว่ามันไม่เกี่ยวกับระดับว่าจะสูงหรือไม่ หากพรสวรรค์เหล่านี้เกินขีดจํากัดของความสามารถพรสวรรค์ในการคัดลอกจริงๆ แล้วมังกรโลหิตสงครามตัวนี้จะมีความสามารถท้าทายสวรรค์ระดับไหนกัน? ทําลายโลกได้ เพียงหายใจอย่างนั้นหรือ?
จากการคาดการณ์ของเย่เทียน มีเพียงความเป็นไปได้เดียว
นั่นก็คือมังกรโลหิตสงครามยังไม่ได้กําเนิด ตราประทับพรสวรรค์ของมันจึงยังไม่ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์มีเพียงมันกําเนิดออกมาแล้วเท่านั้นตราประทับพรสวรรค์ของมันจึงจะปรากฏอย่างชัดเจน นี่เป็นกฎของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
“ข้าต้องซื้อมัน มังกรที่มีศักยภาพที่ไร้ขีดจํากัด มันแข็งแกร่งกว่าเสียวจนและเสี่ยวจอมากในอนาคตเราวางแผนที่จะมอบเสี่ยวจินและเสี่ยวจื่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงของเยี่หยูดังนั้นเราจึงจําเป็นต้องมีสัตว์เลี้ยงที่มีศักยภาพที่ไร้ขีดจํากัดและมังกรตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยในอนาคตเราสามารถใช้มันเป็นพาหนะได้”
ถึงเย่เทียนจะต้องการไข่มังกรนี้มาก แต่เขาก็ยังไม่รีบร้อนเสนอราคาประมูล
แม้ว่าราคาของไข่ใบนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ภายในห้องโถงแห่งนี้มีคนที่ร่ํารวยอยู่มากมายพวกเขาจึงไม่ได้สนใจเงินจํานวนแค่นี้มากนัก
20,000 ล้าน!
30,000 ล้าน!
40,000 ล้าน!
50,000 ล้าน!
คนที่ยังคงเสนอราคาอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่ปรมาจารย์ระดับสูง แต่เป็นเย่เทียน และนักรบผู้เชียวชาญอีกคนหนึ่งซึ่งมันค่อนข้างแปลก
“80,000 ล้าน!”
เย่เทียนเสนอราคาที่ทําให้ผู้คนสิ้นหวังอีกครั้ง ปรมาจารย์บางคนที่ได้ยินถึงกับขมวดคิ้วสําหรับพวกเขาแล้วเงินจํานวนมากขนาดนั้นนับว่าไม่คุ้มค่า
พวกเขายังต้องการที่จะประมูลสมบัติชิ้นอื่นๆ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่ไข่ใบนี้หากใช้เงินจํานวนมากเกินไปในการประมูลไข่ที่ไม่รู้จักที่มาพวกเขาจะไม่เหลือเงินเพียงพอที่จะประมูลสมบัติที่ต้องการหลังจากนี้นั่นจะถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
ดังนั้นปรมาจารย์คนอื่นๆจึงเลือกที่จะยอมแพ้ในการประมูล สุดท้ายไข่ใบนี้ก็ตกเป็นของเย่เทียน
หลังจากนั้นสมบัติชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกนําออกมาประมูล แต่เย่เทียนก็ไม่ได้เข้าร่วมการประมูลสมบัติอื่น ๆ อีก
ไม่ใช่ว่าเขามีเงินไม่มากพอ แต่เป็นเพราะสมบัติเหล่านั้นไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขามากนักส่วนใหญ่เป็นสมบัติที่จะช่วยปรมาจารย์ในการฝึกฝนชิ้นสุดท้ายที่ถูกนําออกมาประมูลสามารถ เพิ่มอัตราความสําเร็จของปรมาจารย์ในการทะลวงเข้าสู่ระดับราชา แม้มันจะเพิ่มโอกาสเพิ่มขึ้นเพียง 50% แต่มันก็ถูกประมูลไปในราคาที่สูงถึง 1 ล้านล้านหยวนซึ่งทําให้ผู้คนในฮอลล์ต่างก็อ้าปากค้าง
เมื่อการประมูลจบลง เย่เทียนก็ออกไปจ่ายเงินและรับของที่เขาประมูลได้ จากนั้นเขาก็หันหลังเดินจากไป
หลังจากที่ออกจากสํานักงานใหญ่ของหอยุทธแล้ว หลายคนสนใจสถานะของเย่เทียนและแอบติดตามเขาไปอย่างลับ ๆ
อย่างไรก็ตาม การกระทําของคนเหล่านี้ไม่ได้รอดพ้นจากทักษะการรับรู้มิติของเย่เทียนเขาเดินหลบมุมไปอย่างรวดเร็วและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครติดตามมาเขาก็ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เมื่อกลับถึงบ้าน
เย่เทียนหยิบสมบัติที่ได้จากการประมูลออกมา
สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือไข่ของมังกรโลหิตสงคราม แต่หลังจากตรวจสอบมันอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันอีกดังนั้นเขาจึงเลิกสนใจมันรอวันข้างหน้าค่อยศึกษามันอีกครั้ง
“บันทึกประสบการณ์การฝึกฝนของระดับราชา!”
เย่เทียนหยิบมันออกมาอย่างทะนุถนอม และค่อยๆ เปิดอ่านมันอย่างละเอียด
บันทึกเล่มนี้ค่อนข้างหนา อีกทั้งมันยังทํามาจากวัสดุที่ทนทาน เห็นได้ชัดว่ามันคงจะเป็นหนังของสัตว์อสูรชั้นยอด
เจ้าของบันทึกเล่มนี้เริ่มบันทึกประสบการณ์ตั้งแต่ระดับผู้ฝึกยุทธไปจนถึงระดับราชาและได้อธิบายข้อควรระวังของแต่ละระดับไว้อย่างชัดเจนทั้งยังยกตัวอย่างวิธีการช่วยฝึกฝนหรือการทะลวงคอขวด
แต่สิ่งที่ทําให้เย่เทียนสนใจมากที่สุดคือข้อควรระวังในการทะลวงขอบเขตปรมาจารย์และทะลวงขอบเขตราชา
“การทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ต้องทําให้พลังบ่มเพาะถึงขีดจํากัดของระดับนักรบผู้เชี่ยวชาญยิ่งรากฐานมั่นคงมากเท่าใดอัตราความสําเร็จในการทะลวงผ่านก็จะสูงขึ้นเท่านั้นหากรากฐานไม่มั่นคงแม้ว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของคนผู้นั้นจะอยู่ในระดับหลุดพ้นการทะลวงเข้าสู่ระดับปรมาจารย์อาจจะไม่เป็นปัญหาแต่หลังจากนั้นเมื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชาอัตราความสําเร็จของคนผู้นั้นจะลดลง!”
“พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นควรจะมีอัตราความสําเร็จในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตราชาได้ 100% แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นเกือบทั้งหมดไม่สามารถทําให้รากฐานสมบูรณ์แบบได้ดังนั้นอัตราความสําเร็จในการทะลวงผ่านจึงลดเหลือเพียง 80% เท่านั้น และด้วยรากฐานที่ไม่มั่นคงมากพอในอนาคตหากต้องทะลวงเข้าสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นมันจะกลายเป็นอุปสรรคอย่างแท้จริง!”
เย่เทียนตกตะลึงกับข้อมูลที่เขาได้รู้
แม้แต่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นก็ยังไม่สามารถสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบได้นี่มันเป็นเพราะอะไรกัน?
เขาพลิกดูหน้าต่อไป ในที่สุดก็พบเนื้อหาการสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบ
“การจะสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบได้นั้นต้องทําตั้งแต่ก่อนจะเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์เมื่อถึงขอบเขตปรมาจารย์ตัวอ่อนของรากฐานก็จะก่อตัวขึ้นหากมีตัวอ่อนที่ไม่สมบูรณ์วันข้างหน้าจะไม่สามารถสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบได้!การจะสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องขัดเกลาผิวหนัง,การขัดเกลากล้ามเนื้อ,การขัดเกลากระดูก,ขัดเกลาเลือด, และอวัยวะภายในทั้งหมดจนถึงขั้นทําลายขีดจํากัดของร่างกาย! ”
ทําลายขีดจํากัด ?
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้ยินคําพูดนี้แต่ในฐานะราชาฉีฟงอยู่ในขอบเขตราชาไม่มีทางที่เขาจะพูดจาเหลวไหลแน่นอนว่าเรื่องรากฐานเป็นสิ่งที่สําคัญอย่างแท้จริง
ณ จุดนี้เอง
เย่เทียนเริ่มรู้สึกโชคดีที่เขาตัดสินใจซื้อตําราบันทึกประสบการณ์เล่มนี้หากเขาไม่มีมันเขาอาจจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์โดยที่รากฐานของเขายังไม่สมบูรณ์มากพอถ้าเป็นเช่นนั้นเขาคงจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต