บทที่ 112 คลื่นสัตว์อสูรใกล้เข้ามาราชาหมีสงครามหลังดํา!
ฐานหลินไห่ บนกําแพงเมือง
ผู้ฝึกยุทธจํานวนมากยืนอยู่ที่นั่นและมองออกไปในระยะไกล
ในเวลานี้พวกเขาต่างก็รู้สึกหวาดกลัวมาก บางคนไม่สามารถแม้แต่จะถืออาวุธเวทย์ในมือได้
ผู้เฒ่าหลี่และปรมาจารย์คนอื่นๆได้อธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟังแล้วฝูงสัตว์อสูรกําลังมาและยังเป็นกองทัพสัตว์อสูรอีกหลายแสนตัวที่นําโดยสัตว์อสูรระดับราชาและสัตว์อสูรชั้นยอดนับร้อยตัว ถ้าไม่ใช่เพราะตาเฒ่าหลี่และคนอื่นๆให้คํามั่นกับพวกเขาว่าจะมีคนจัดการกับสัตว์อสูรระดับราชาและสัตว์อสรชั้นยอดพวกเขาคงไม่กล้าแม้แต่จะลกขึ้นส์
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หัวใจของทุกคนเริ่มตึงเครียดมากขึ้น
ณ จุดนี้เอง
นักรบชั้นยอดที่มีพรสวรรค์ด้านเนตรอินทรี พลันตะโกนขึ้นว่า “ฝูงสัตว์อสูรกําลังมาแล้วมันมีจํานวนมหาศาลยังมีสัตว์อสูรหมีตัวหนึ่งที่มีร่างกายถึงหนึ่งร้อยเมตร”
อสูรหมีขนาดยักษ์!
เมื่อได้ยินคําพูดนี้ผู้ฝึกยุทธทั่วบริเวณต่างมีสีหน้าตื่นตระหนก
“เงียบ!!! หากไม่สามารถหยุดฝูงสัตว์อสูรเหล่านี้ได้ ไม่เพียงแต่พวกเราจะตายในสนามรบแม้แต่ญาติพี่น้องที่อยู่เบื้องหลังพวกเราก็ต้องตายเช่นกันดังนั้นพวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจับอาวุธขึ้นสู้กับพวกมัน!”
ตาเฒ่าหลี่กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ภายในใจของเขาก็กลัวมาก แต่เขาเป็นปรมาจารย์ ไม่สามารถแสดงความกลัวออกมาต่อหน้ากลุ่มผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากสงบสติอารมณ์
เหนือท้องฟ้า
เย่เทียนและเสียวเสวียน ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ พวกเขามองไปยังฝูงสัตว์อสูรที่อยู่ไกลออกไป
“เสี่ยวเสวียน ข้าจะไปหยุดสัตว์อสูรระดับราชาตัวนั้นไว้ก่อน แล้วอีกสักพักเจ้าค่อยหยุดสัตว์อสูรชั้นยอดพวกนั้นส่วนสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ไม่ต้องไปสนใจพวกมัน!”เย่เทียนก่าชับอีกครั้ง
ที่จริงแล้วเขาอยากจะหยุดสัตว์อสูรทั้งหมดในครั้งเดียว แต่เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้
ด้วยแนวรบของสัตว์อสูรจานวนนับแสน เขาไม่มีอานาจพอที่จะหยุดพวกมันทั้งหมดได้แม้แต่ราชาที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่อาจทําเช่นนั้นดังนั้นเย่เทียนจึงตั้งใจจะตัดหัวผู้นําของมันก่อน
เย่เทียนบินไปหาราชาอสูรโดยไม่ได้ใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา
ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตาเป็นไพ่ตายของเขา และเขาไม่ต้องการจะเปิดเผยมันในตอนนี้
พริบตาเดียวเย่เทียนก็มาถึงเบื้องหน้าของราชาสัตว์อสูร และจ้องเขม็งไปที่มัน
พรสวรรค์ในการคัดลอกตอนนี้มีขอบเขตครอบคลุมถึง 1,000 เมตร ซึ่งเขาสามารถเห็นข้อมูลพรสวรรค์ของสัตว์อสูรราชาตัวนี้ได้อย่างรวดเร็ว
ประเภท: หมีสงครามหลังดํา
พรสวรรค์ทางสายเลือด: สูงสุด
พรสวรรค์ในการป้องกัน: ปานกลาง
พรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่ง: ปานกลาง
“เจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย!”
ใบหน้าของเย่เทียนพลันเปลี่ยนเป็นจริงจัง
พรสวรรค์ทางสายเลือดของสัตว์อสูรระดับราชาตัวนี้เป็นพียงระดับสุดยอด ซึ่งมันเป็นพรสวรรค์ที่ค่อนข้างต่ำสําหรับระดับราชา คาดว่ามันคงโชคดีกลายเป็นระดับราชาแต่นั่นก็ส่งผลให้มันไม่อาจพัฒนาต่อไปได้อีก
ด้วยความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับราชา มันมีความแข็งแกร่งเท่ากับ 300 ช่างซึ่งเทียบเท่า กับพลัง 150 ช้าง ของจอมยุทธระดับราชา เมื่อระดับราชาใช้พลังปราณพลังของพวกเขาจะเพิ่ม ขึ้นเป็น 300 ช่าง แต่ประเด็นคือหมีสงครามหลังดําตัวนี้มีพรสวรรค์ด้านพละกําลังปานกลาง มัน สามารถเพิ่มพลังได้มากกว่า 5 เท่า
หากเพียงแค่นี้ก็ยังถือว่าสามารถรับมือได้ แต่เจ้าอสูรราชาตัวนี้ยังมีพรสวรรค์ด้านการป้องกัน ระดับกลางซึ่งสามารถต้านทานพลังโจมตีได้ไม่น้อย
พลังโจมตีของเยเทียนสามารถทําร้ายหมีสงครามหลังดําตัวนี้ได้ แต่การจะฆ่ามันก็ต้องใช้ เวลา
และทุกวินาทีที่เสียไปอาจจะมีผู้ฝึกยุทธหลายคนที่ต้องตาย ดังนั้นเขาจึงจําเป็นต้องจบการต่อ สู้นี้โดยเร็วที่สุด
“ฆ่า!
เย่เทียนไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว ปราณดาบสีเขียวฟันออกไปยังหมีสงครามหลังดํา
“โฮกกกก!!!”
หมีสงครามหลังดําตบเย่เทียนด้วยความโกรธ ฝ่ามือทั้งสองของมันหนาราวกับแผ่นหิน
ตูม!!!
ปราณดาบของทักษะดาบฟาดฟันวายุครามตัดผ่านมือของหมีสงครามหลังดํา ทิ้งรอยเลือด ยาวสามนิ้วไว้ ร่างของหมีสงครามหลังดําถอยหลังกลับไปหลายก้าวมันเหยียบย่าสัตว์อสูรชั้นยอด และสัตว์อสูรระดับสูงอีกหลายตัว
“โฮก!!!”
หมีสงครามหลังดําออกคําสั่งให้สัตว์อสูรตัวอื่นพุ่งออกไปโจมตีฐานหลินไห่ทันที
การต่อสู้ระหว่างเย่เทียนกับหมีสงครามหลังดํายังคงดําเนินต่อไป
ตูม!
ตูม!
ตูม!
เย่เทียนใช้ทักษะดาบฟาดฟันวายุครามโจมตีใส่หมีสงครามหลังดําครั้งแล้วครั้งเล่า ทําให้หมี สงครามหลังดําได้รับบาดเจ็บทั่วทั้งร่าง แต่ก็ยังไม่โดนจุดสําคัญของมัน เพราะหมีสงครามหลัง ดําเป็นสัตว์อสูรระดับราชา ปฏิกิริยาตอบสนองของมันไม่ได้ช้า เพียงแต่พลังโจมตีของมันยังด้อย กว่าเย่เทียนเล็กน้อย
ห่างจากเย่เทียนไม่มากนัก
เสี่ยวเสวียนลงมือแล้ว มันพุ่งลงไปหาฝูงสัตว์อสูรชั้นยอด โดยไม่สนการโจมตีของเหล่าสัตว์ อสูรชั้นยอดเลย
ความเร็วของเสี่ยวเสวียนไม่ได้เร็วนัก เพราะระดับการบ่มเพาะของมันนั้นยังอ่อนแอ พรสวรรค์ ด้านความเร็วของมันก็อยู่ในระดับปานกลาง แต่ด้วยพรสวรรค์ในการบินระดับสูง ความเร็วของ เสี่ยวเสวียนจึงใกล้เคียงกับสัตว์อสูรชั้นยอดขั้นสูงสุด แต่หากเป็นสัตว์อสูรชั้นยอดที่มีพรสวรรค์ ด้านความเร็ว ความเร็วของเสียวเสวียนก็จะไม่สามารถตามทันได้
แต่พลังป้องกันของเสียวเสวียนนั้นสูงมาก ด้วยพรสวรรค์ด้านการป้องกันระดับสูงสุด มันจึงไม่ กลัวการโจมตีของสัตว์อสรชั้นยอดตัวอื่นๆเลย มันยังมีพรสวรรค์ด้านพละกําลัง พลังการโจมตี เพียงครั้งเดียวของมันก็เหนือกว่าสัตว์อสูรชั้นยอด
ที่สําคัญกว่านั้นคือมันมีพรสวรรค์พิเศษอยู่อีก ซึ่งก็คือ
“พรสวรรค์จิตวิญญาณแห่งมังกร!”
ตูม!
เงามังกรขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเสี่ยวเสวียน เมื่อเงามังกรปรากฏขึ้น เหล่าสัตว์ อสูรที่อยู่รัศมี 10 ลี้ ต่างหวาดกลัวพวกมันสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของสายเลือดอันสูงส่ง
นี่คือแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากพรสวรรค์จิตวิญญาณแห่งมังกร มันทําให้สัตว์อสูรทุกตัวที่อยู่ใน บริเวณไม่สามารถใช้พลังออกมาได้อย่างเต็มที่
“โฮกNNNN ”
เสี่ยวเสวียนได้เปล่งเสียงมังกรค่ารามออกมา นี่เป็นพรสวรรค์เสียงคารามของมังกรระดับสูง
ทันใดนั้นคลื่นเสียงที่ทรงพลังก็กระจายออกไปทุกทิศทาง
สัตว์อสูรจํานวนนับไม่ถ้วนถูกบดขยี้จนตายในทันที ในหมู่พวกมันมีสัตว์อสูรชั้นยอดที่อ่อนแอ อยู่ไม่น้อย
ซากศพไร้ชีวิตของสัตว์อสูรนอนเรียงรายอยู่บนพื้น
ไกลออกไป
บนกําแพงของฐานหลินไห่ เฒ่าหลี่กลืนน้ําลายเล็กน้อย เขาตกตะลึงกับพลังการต่อสู้ของ เสี่ยวเสวียน
เมื่อพูดถึงความเร็วในการฆ่าสัตว์อสูร แม้แต่เย่เทียนก็เทียบกับเสี่ยวเสวียนไม่ได้
ในความเป็นจริงมันเป็นเพราะเสี่ยวเสวียนมีพรสวรรค์อยู่มากมาย หนึ่งในนั้นก็เป็นพรสวรรค์ที่สามารถโจมตีได้เป็นวงกว้างไม่มีทางที่สัตว์อสูรที่มีสายเลือดระดับต่ำจะเทียบกับสายเลือดมังกรที่แท้จริงเช่นมันได้
“เรายังมีความหวัง!
ตาเฒ่าหลี่และคนอื่นๆคิดกับตัวเองและกาหมัดแน่น
แต่สัตว์อสูรก็ไม่ได้โง่ มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะปล่อยให้เสียวเสวียนสังหารพวกมันอยู่ฝ่ายเดียว
โฮก โฮกกก!!!!
สัตว์อสูรชั้นยอดพุ่งเข้าใส่เสี่ยวเสวียนเพื่อเตรียมจะสังหารกบฏนอกรีตตัวนี้
ใช่แล้ว พวกมันต่างคิดว่าเสียวเสวียนเป็นพวกนอกรีต เป็นสัตว์อสูรเช่นกันแต่กลับโจมตีเผ่าพันธุ์เดียวกัน
คนทรยศนอกรีตเช่นนี้ต้องตาย!
เสียวเสวียนสามารถดึงดูดสัตว์อสูรชั้นยอดทั้งหมดได้สําเร็จ แต่สัตว์อสูรที่มีระดับต่ำกว่าสัตว์อสูรชั้นยอดไม่ได้หยุดเดินทัพพวกมันยังคงมุ่งหน้าเข้าโจมตีฐานหลินไห่พวกมันได้รับคําสั่งให้ทําลายฐานมนุษย์ดังนั้นตราบใดที่พวกมันยังไม่ตายพวกมันจะไม่มีทางหยุด
สัตว์อสูรระดับสูง สัตว์อสูรระดับกลางและสัตว์อสูรระดับต่ำต่างหลั่งไหลเข้ามาและสัมผัสค่ายกลสังหารที่เย่เทียนจัดวางไว้ในป่าอย่างรวดเร็วสัตว์อสูรตัวหนึ่งบุกเข้าไปในค่ายกลโจมตีมันถูกค่ายกลฉีกกระชากเป็นชิ้นๆในพริบตา
สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่เข้าใจวิธีทําลายค่ายกล พวกมันใช้เพียงปริมาณในการฝ่าเข้าไปเท่านั้น
ด้วยวิธีการป่าเถื่อนเช่นนี้ ค่ายกลโจมตีที่ถูกจัดวางไว้จึงสังหารสัตว์อสูรไปเป็นจํานวนมากแต่สุดท้ายมันก็ถูกทําลายลง
ในตอนนี้กําแพงเมืองอยู่ตรงหน้าพวกมันแล้ว
ตาเฒ่าหลิ่มองไปยังฉากนี้แล้วก้าวออกมา
“นักรบใช้ลูกศรโจมตี นักรบชั้นยอดทั้งหมดโจมตีสัตว์อสูรระดับกลาง นักรบผู้เชียวชาญตามข้าไปฆ่าสัตว์อสรระดับสูงหากใครกล้าหนีข้าจะสังหารมันผู้นั้นเป็นคนแรก!”
โดยไม่พูดพร่ําทําเพลง ชายชราหลีเป็นคนแรกที่กระโดดลงจากกําแพงเมืองและออกไปต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูง
ผู้ฝึกยุทธคนอื่น ๆ ก็เริ่มเปิดฉากต่อสู้ต่อสู้เช่นกัน ไม่มีใครกล้าที่จะหลบหนีเพราะถ้าหากพวกเขาไม่สามารถต้านทานสัตว์อสูรเหล่านี้ได้พวกเขาก็ต้องตายเช่นกัน
ทุกวินาทีมีผู้ฝึกยุทธตายในสนามรบรวมไปถึงสัตว์อสูรจํานวนมากที่ถูกฆ่าตาย
ด้วยการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธนับหมื่น สัตว์อสูรที่เหลือไม่สามารถทําลายค่ายกลป้องกันบนกำแพงเมืองได้ในตอนนี้ฐานหลินไห่กลับสามารถต้านทานฝูงสัตว์อสูรได้จริงๆ
แต่นักรบทุกคนต่างรู้ดีว่าสนามรบที่แท้จริงคือการต่อสู้ระหว่างเย่เทียนและสัตว์อสูรระดับราชา
หากเย่เทียนชนะ ก็สามารถที่จะรักษาฐานหลินไห่ไว้ได้
แต่หากแพ้ ฐานหลินไห่ก็ต้องถูกทําลาย!