บทที่ 128 จอมเวทย์ค่ายกลระดับสูง
เย่วหมิง” ไม่เสแสรั้งใดๆเพราะ ค่าตอบแทนนี้มีประโยชน์และมีค่าต่อตระกูลเย่วมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เต็มใจที่จะส่งมันคืน
“ในอนาคตข้าจะต้องตอบแทนเย่เทียนซักครั้ง!” “เย่วหมิงคิดในใจ
แต่เขารู้ว่าโอกาสนี้คงยากที่จะเป็นไปได้ เขาเดาว่าอีกไม่นานเย่เทียนก็คงจะไปยังฐานทัพระดับสุดยอด และเมื่อถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสได้เจอกับเย่เทียนอีกหรือไม่
เมื่อกลับถึงบ้าน
เย่เทียนกางแผนที่ออกและสังเกตสถานที่ต่างๆบนนั้นอย่างละเอียด ในแผนที่ระบุถึงมีที่ตั้งของฐานอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น ซึ่งรวมถึงฐานใหญ่สามแห่งและฐานขนาดกลางอีกไม่กี่แห่ง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ที่โดดเด่นอีกหลายแห่ง
“แผนที่นี้ไม่ละเอียดนัก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงที่ตั้งของฐานทัพจงไพ่ซึ่งอยู่ห่างจากฐานทะเลมารราว 1 ล้านกิโลเมตร ระยะทางนี้มันไกลมากจริงๆ!” เย่เทียนพึมพํา
ถ้าในชีวิตที่แล้วของเขา 1 ล้านกิโลเมตรนั้นไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ระยะทางนี้เป็นเรื่องปกติมากในโลกปัจจุบัน
เพราะโลกมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเทียบไม่ติด!
“ดูเหมือนว่าโลกจะใหญ่กว่าเดิมหลายร้อยเท่า ข่าวที่เรารู้ตอนอยู่ในฐานหลินไห่นั้นผิดเพี้ยนไปมาก ถ้ามันใหญ่ขึ้นร้อยเท่าจริง ไม่มีทางที่ฐานทะเลมันจะอยู่ห่างจากฐานจงไห่ 1 ล้านกิโลเมตร!
เย่เทียนครุ่นคิด
แผนที่นี้ไม่ได้วาดระบุถึงตามแนวชายฝั่ง คาดว่าหยุนเม็งหล็คงไม่ได้เข้าใกล้ทะเลมาก่อน มีข่าวลือว่าทะเลในปัจจุบันนั้นน่ากลัวมาก ส่วนเรื่องว่าทําไมถึงน่ากลัวนั้นเย่เทียนไม่รู้ แต่เขารู้ว่าแม้แต่ระดับราชาก็ไม่กล้าเข้าใกล้ชายทะเล
ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงรู้เพียงว่าฐานทัพใหญ่ทั้งสามแห่งอยู่ไม่ไกลจากทะเล แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน
“ออกจากฐานทะเลมารไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเดินทางไป 500,000 กิโลเมตร ก็จะต้องข้ามแม่น้าสายใหญ่ ว่ากันว่ามันเป็นแม่น้ําที่แยกมาจากแม่น้าแยงซี แต่ในตอนนี้มันได้กลายเป็นแม่น้ําที่กว้างใหญ่ขนาดถึงหนึ่งหมื่นเมตร นี้คือจุดที่อันตรายที่สุด หากไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่ก็ไม่สามารถข้ามแม่น้ํานี้ได้ แม้แต่ระดับราชาทั่วไปก็ยังต้องตาย!
นี่เป็นการแนะนําสั้น ๆ ของแม่น้ําในแผนที่และเป็นเพียงคําเตือนสั้นๆเท่านั้น
“ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมราชาจํานวนมากจากฐานทะเลมารถึงไม่กล้าไปที่ฐานทัพใหญ่ พวกเขาคงกลัวว่าจะต้องจบชีวิตลงที่แม่น้าสายนี้!”
เย่เทียนคาดเดา
อย่างไรก็ตามเขาต้องไปอย่างแน่นอน ตอนแรกเขาวางแผนที่จะพาเย่หยู เสี่ยวเสวียน, เสี่ยวจุนและเสี่ยวจ่อไปด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถทําเช่นนั้นได้ ไม่ใช่ว่าเย่เทียนไม่อยากพาพวกเขาไป แต่คงต้องรออีกสักพัก
ตามที่เย่วหมิงบอกฐานจงไฟไม่ยอมรับผู้ที่มีระดับต่ากว่าระดับราชา
เย่หยุเป็นเพียงนักรบผู้เชี่ยวชาญที่มีพรสวรรค์ระดับสูงสุดเท่านั้น แม้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ฐานทัพจงไห่ แต่เธอก็ไม่สามารถกลายเป็นพลเมืองได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจะจัดการอย่างไรต่อ?
ดังนั้น เย่เทียนเตรียมจะไปที่ฐานจงไห่ก่อน จากนั้นเขาค่อยคิดหาวิธีที่จะเข้าร่วมฐานจงไห่และกลับมารับเย่หยู
“ตอนนี้เตรียมตัวทะลวงเข้าสู่ระดับราชา เมื่อถึงระดับราชาแล้วเราจะเดินทางไปยังฐานทัพจงไหทันที!”
เย่เทียนตัดสินใจ
หลังจากนั้นเย่เทียนก็เริ่มเก็บตัวฝึกฝนอย่างหนัก ครั้งนี้เขาแทบจะไม่ออกไปไหนนอกจากพาเหยออกไปเดินเล่นบางครั้งเท่านั้น
เมื่อเย่เทียนก้าวหน้าเย่หยก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน ด้วยเลือดของสัตว์อสูรชั้นยอดที่เย่เทียนมอบให้ และพรสวรรค์ของเหยูก็ไม่เลว เธอมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดดังนั้นเธอจึงก้าวไปสู่ นักรบผู้เชี่ยวชาญระดับสูงอย่างรวดเร็ว
เย่เทียนต้องการที่จะซื้อสมบัติที่สามารถเปลี่ยนพรสวรรค์ของเธอให้กลายเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้น แต่สมบัติเช่นนี้ไม่สามารถซื้อได้ถึงแม้ว่าจะเป็นตระกูลหยุนก็ตาม มิฉะนั้นคงจะมีผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นมากมายแล้ว
แม้แต่สมบัติที่สามารถเปลี่ยนพรสวรรค์ให้กลายเป็นระดับสูงสุดยังพบได้ยากมาก จึงไม่มีทางที่จะพบสมบัติที่เพิ่มพรสวรรค์ในการบ่มเพาะให้กลายเป็นระดับหลุดพ้นในฐานะทะเลมาร
“แต่ที่ฐานจงไห่น่าจะมี!”
เย่เทียนวางแผนที่จะซื้อสมบัติที่สามารถเพิ่มระดับพรสวรรค์ที่ฐานจงไห่ แม้ว่าเขาจะต้องจ่ายราคาที่สูงมากเขาก็ต้องซื้อมันมา เย่หยเป็นน้องสาวของเขาและเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขาเท่านั้น เย่เทียนรักและทะนุถนอมเย่หยุมาก ดังนั้นหากมันดีต่อเย่หยุไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเขาจะต้องหามันมาให้ได้
พริบตาเดียว หนึ่งเดือนก็ผ่านไป
ในช่วงหนึ่งเดือนมานี้ เย่เทียนมีพละกําลังเพิ่มขึ้นอีก 9 ช้าง พลังกายของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 62 ช้าง และเขาก็ได้คัดลอกพรสวรรค์อีก 2 ชนึ่ง พรสวรรค์แรกคือพรสวรรค์ในการติดตามระดับสูง มันสามารถแยกแยะกลิ่นอายที่เหลืออยู่ในอากาศเพื่อติดตามศัตรูได้ และอีกพรสวรรค์ก็คือพรสวรรค์ด้านน้ําแข็งระดับสูง
เหตุผลที่เขาคัดลอกพรสวรรค์ด้านน้าแข็งระดับสูงมานั้นก็เพราะพรสวรรค์นี้ช่วยเขาได้มากเมื่ออยู่ในน้ํา มันสามารถแช่แข็งแม่น้าและเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ
เพราะเหตุนี้เขาจึงเลือกคัดลอกพรสวรรค์นี้ไว้เพื่อเตรียมพร้อมที่จะข้ามแม่น้าหมื่นลี้ในอนาคต
ในระหว่างนั้น เย่เทียนก็เริ่มเรียนรู้รูปแบบค่ายกลอย่างต่อเนื่อง เขามีพรสวรรค์ด้านค่ายกลระดับสูงสุด หากเขาไม่ศึกษารูปแบบค่ายกลต่อไป จะเป็นการเสียพรสวรรค์นี้ไปเปล่าๆ และห้องฝึกฝนที่เย่เทียนเก็บตัวบ่มเพาะอยู่ตอนนี้มีเพียงค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับกลางเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วยังมีค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงอยู่ และค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงยังสามารถรวบรวมพลังปราณได้มากกว่าสิบเท่า
ด้วยพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดาราและเทคนิคกายาโลหิตม่วง หากฝึกฝนในสภาพแวดล้อมที่มีพลังลมปราณ 10 เท่า มันจะช่วยเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะได้มากกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ดังนั้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนมากกว่าเดิมห้าเท่า เย่เทียนจึงศึกษารูปแบบค่ายกลเพื่อยกระดับความสามารถด้านค่ายกลของเขาให้กลายจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูง ส่วนว่าเขาจะหาแผนผังค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงหรือไม่นั้นคงต้องรอดูกันต่อไป
พริบตาเดียว
สองเดือนผ่านไป ความแข็งแกร่งของเย่เทียนเพิ่มขึ้นเป็น 80 ช้าง ชีพจรหยิน, ชีพจรหยาง, ชีพจรฉี, และชีพจรอื่นๆทั้งหมดถูกขัดเกลาจนเสร็จสิ้นแล้ว
เมื่อเสร็จสิ้นการขัดเกลาเส้นชีพจรลมปราณก็หมายความว่าอีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับราชาได้
และในในขณะเดียวกัน
เย่เทียนก็เข้าใจรูปแบบค่ายกลถึง 120 รูปแบบแล้ว ในที่สุดก็กลายเป็นจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูง
หลังจากนั้น
เย่เทียนก็เดินทางไปยังสมาคมค่ายกลเพื่อถามหาค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูง แต่หลังจากสอบถามอย่างละเอียดแล้วเขาถึงได้รู้ว่าทางสมาคมมีค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงอยู่จริงๆ แต่ไม่ได้เปิดให้มีการแลกเปลี่ยน มันอยู่ในมือของจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูงคนหนึ่ง ซึ่งเขาไม่ต้องการขายให้แก่ใคร แม้แต่ระดับราชาก็ยังบังคับให้เขาขายไม่ได้ เพราะจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูงคนนั้นก็เป็นผู้ฝึกยุทธระดับราชาเช่นกัน การเห็นแก่ตัวย่อมเป็นเรื่องปกติหากมีสมบัติล้ําค่าก็ต้องเก็บไว้กับตัวเองไม่มีทางที่จะแบ่งปันกับคนอื่นๆ
เย่เทียนเข้าใจเรื่องนี้ดี
เย่เทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
“มีที่เดียวที่สามารถได้รับแผนผังค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงได้!”
เย่เทียนนึกถึงหอคอยค่ายกลซางเหอ
ราชาซางเหอ เป็นจอมเวทย์ค่ายกลระดับสูง แน่นอนว่าเขาอาจจะครอบครองแผนผังค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงอยู่เช่นกัน แต่การจะหาแผนผังค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงจากหอค่ายกลซางเหอได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
เพราะทุกครั้งที่เขาผ่านด่านทดสอบของหอค่ายกลซางเหอ เขาจะได้รับแผนผังรูปแบบค่าย กลเพียงแผ่นเดียว ส่วนจะเป็นแผนผังค่ายกลอะไรนั้นขึ้นอยู่กับโชค อีกอย่างรางวัลเช่นนี้ได้รับแต่ เพียงการผ่านด่านทดสอบครั้งแรกเท่านั้น ดังนั้นโอกาสของทุกคนจึงมีจํากัด
“การทดสอบมีเก้าด่าน เมื่อผ่านด่านที่เก้า จะสามารถเป็นกลายเป็นผู้สืบทอดของราชาซางเหอได้ แต่หลังจากที่ทุกคนผ่านด่านทดสอบที่แปดแล้ว คนเหล่านั้นก็เลือกที่จะละทิ้งบททดสอบต่อไป คาดว่าคงจะเป็นเพราะเงื่อนไขการเป็นผู้สืบทอดของราชาซางเหอ มิเช่นนั้นคงไม่มีผู้ใดที่ ไม่สนใจในมรดกของราชาซางเหอ”
เย่เทียนคาดเดา
ดังนั้นตอนนี้เขามีโอกาสอีก 5 ครั้งเท่านั้น หากแผนผังค่ายกลรวบรวมลมปราณระดับสูงไม่ปรากฏขึ้น เขาก็คงต้องหมดหวัง
“มีแต่ต้องลองเสี่ยงดู!”
เย่เทียนพึมพํา