บทที่ 151 โบราณสถานวิหารแห่งแสง ใต้แม่น้ำฉางหลิง!
แม่นําฉางหลิง
ในวันนี้ผู้ฝึกยุทธระดับราชาจํานวนมากเดินทางมายังที่นี่กลิ่นอายของทุกคนเหนือกว่าระดับราชาทั่วไปสัตว์อสูรระดับราชาที่เข้ามาใกล้ถูกพวกเขาสังหารในทันที
ไม่นานตามแนวชายฝั่งของแม่น้ำฉางหลิงมีระดับราชารวมตัวกันอยู่มากกว่า 100 คนและยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“ถึงแล้ว!
เย่เทียนบินลงมาจากฟากฟ้าร่อนลงไปที่ริมฝั่งของแม่น้ำฉางหลิง เขากวาดสายตามองและ
เห็นผู้ฝึกยุทธระดับราชาจํานวนมาก
“เย่เทียน คุณก็มาด้วยเหรอ?”
เสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น
เย่เทียนหันมองกลับไปและพบคนรู้จักซึ่งก็คือนักบุญหญิงแห่งนิกายเทพจันทรา
“อื้ม!”
เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ
ในขณะเดียวกันนักบุญหญิงก็เดินเข้ามาหาเขา
เมื่อเป็นเช่นนั้นเย่เทียนก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่เป็นปฏิปักษ์มากมายจ้องมองไปยังเขาเห็นได้ชัดว่านักบุญหญิงแห่งนิกายเทพจันทราเป็นที่หมายตาของครูฝึกยุทธมากมาย
แต่เขาก็ไม่สนใจสายตาของคนเหล่านี้ สําหรับเขาแล้วการให้ความสําคัญกับสุนัขไก่กามันเป็นเรื่องที่เสียเวลา
“เย่เทียน ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะได้รับกุญแจวิหารแห่งแสงด้วย?”
นักบุญหญิงกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“มีคนให้ผมมา!”
เย่เทียนตอบแบบขอไปทีและไม่ได้พูดอะไรอีก
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!”
นักบุญหญิงพยักหน้า และอบคิดอยู่ในใจ เธอคิดว่าเย่เทียนคงจะได้กุญแจมาจากพันธมิตรพเนจรเพราะยังไงพันธมิตรพเนจรก็มีโควต้าเช่นกันเย่เทียนเห็นว่านักบุญหญิงเหมือนจะเข้าใจผิดแต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
“ท่านนักบุญ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับโบราณสถานวิหารแห่งแสงนี้บ้าง?” เย่เทียนถาม”ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากนักนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่แต่ผู้อาวุโสของนิกายเทพจันทราเคยเข้าไปในวิหารแห่งแสงมาก่อนฉันจึงเคยได้ยินข้อมูลมาบ้างมิติของวิหารแห่งแสงมีขนาดใหญ่มากที่นั้นมีอาคารโบราณมากมายสมบัติบางอย่างถูกซ่อนอยู่ในอาคารแต่ในอาคารเหล่านั้นจะสามารถเก็บสมบัติออกมาได้เพียงชิ้นเดียวและเมื่อได้รับสมบัติแล้วจะถูกเคลื่อนย้ายออกจาก
อาคารโดยอัตโนมัติและจะไม่สามารถเข้าอาคารซ้ำได้อีกต่อไป แน่นอนว่าการได้รับสมบัตินั้นเป็นเรื่องยากมากเพราะอาคารส่วนใหญ่ต่างมีผู้พิทักษ์คอยรักษาสมบัติเหล่านั้นอยู่”นักบุญหญิง
กล่าวแนะนํา
“ผู้พิทักษ์?”
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เทียนได้ยินเรื่องนี้ หวังเยี่ยนก็ไม่เคยบอก บางทีแม้แต่หวังเยี่ยนก็คงจะไม่รู้
เพราะสถานะของหวังเยี่ยนในหอทหารรับจ้างขวานสงครามก็ไม่ได้สูงมากนักถึงแม้ว่าเธอจะครอบครองกุญแจที่ใช้เข้าสู่วิหารแห่งแสงแต่ความแข็งแกร่งของเธอนั้นไม่มี
คุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าไปในวิหาร ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจสถานการณ์ของวิหารแห่งแสงมากนัก
“ใช่แล้ว เป็นผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์เหล่านี้เป็นเหมือนเทพเกราะทอง รูปลักษณ์ของมันไม่ต่างอะไรกับมนุษย์แต่แท้จริงแล้วพวกมันเป็นเพียงหุ่นเชิดชนิดหนึ่ง!” นักบุญหญิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ ” มีเพียงการเอาชนะผู้พิทักษ์เท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปในอาคารและนําสมบัติออกมาได้”
“ขอบคุณท่านนักบุญหญิง!”
เย่เทียนกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไร ถึงฉันไม่ได้บอกคุณก็จะได้รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ฉันแค่บอกคุณล่วงหน้าเท่านั้นเอง!”นักบุญหญิงยิ้มเล็กน้อย
ถึงแม้ว่าเย่เทียนจะกําลังพูดคุยกับนักบุญหญิงอยู่ แต่พรสวรรค์ในการคัดลอกของเขายังคงตรวจสอบผู้ฝึกยุทธคนอื่นตลอดเวลา
“มีผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดาราอยู่ไม่น้อย และยังมีผู้มีพรสวรรค์ระดับจันทราอยู่ด้วย!”
เย่เทียนไม่สนใจพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดารา และระดับจันทราแล้วเพราะในตอนนี้
พรสวรรค์ของเขาได้ยกระดับกลายเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับตะวันเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือพรสวรรค์พิเศษของผู้ฝึกยกระดับราชาเหล่านี้
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ฝึกยุทธระดับราชาก็มาถึงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยแบ่งออกเป็นสองฝ่ายใหญ่ได้แก่ฐานจงไห่และฐานแม่น้ำแยงซี!
ในฐานจงไห่มีพ่อมดและเผ่าสามตา แต่ฐานแม่น้ำแยงซียังมีของขวัญอีก 1,000 บาทซึ่งก็คือเผ่ามนุษย์ทะเล!
มนุษย์ทะเลมีรูปลักษณ์คล้ายกับมนุษย์ปกติ เพียงแต่ว่าร่างกายบางส่วนของพวกเขามีเกล็ดปรากฏขึ้น และโครงสร้างการหายใจของพวกเขาก็เหมือนคนปกติ
มนุษย์ทะเลเป็นมนุษย์โบราณที่พัดลมเข้าไปส่งเขตแดนรับในพื้นที่ทะเลและค่อยๆวิวัฒนาการขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปแต่น่าเสียดายที่ภัยพิบัติได้มาถึงเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
สัตว์อสูรจํานวนนับไม่ถ้วนเข้ายึดครองมหาสมุทรเขตแดนลับของเผ่ามนุษย์ทะเลก็ถูกยึด
ครองโดยสัตว์อสูร พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกทําได้เพียงแค่หลบหนีไปตามแม่น้ำแยงซีและในที่สุดก็เข้าร่วมฐานแม่น้ำแยงซี
เย่เทียนพบว่าชาวทะเลเหล่านี้มีพรสวรรค์ด้านธาตุนําเป็นส่วนใหญ่ พวกเขาจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเมื่ออยู่ในน้ำ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้ฝึกยุทธระดับราชาของฐานทัพทั้งสองก็มากันจนครบ
“พรสวรรค์ระดับลึกลับที่แท้จริงนั้นไม่มีเลย!”
เย่เทียนตระหนักได้ว่าพรสวรรค์ระดับลึกลับนั้นหายากมาก ต่อให้มีสมบัติฟ้าดินอย่างศิลาเทพ
สงครามคอยช่วยเหลือก็ยากยังที่จะบรรลุพรสวรรค์ระดับความลึกลับที่แท้จริงได้
แต่สิ่งที่ท่าให้เย่เทียนสนใจคือพรสวรรค์สองอย่าง
หนึ่งคือพรสวรรค์ด้านการป้องกันระดับลึกลับ 50% สองคือพรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งระดับลึกลับ 60%
พรสวรรค์ด้านความแข็งแกร่งระดับลึกลับ 60% เป็นของอันดับ 1 ราชาของฐานจงไห่และพรสวรรค์ด้านการป้องกันระดับลึกลับ 50% นั้นเป็นของผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งของฐานแม่น้ำแยงซีเขาคือพ่อมดที่ชื่อว่าไทเกอร์
“ถ้าเราคัดลอกพรสวรรค์ในการป้องกันระดับลึกลับ 50% ของไทเกอร์ พรสวรรค์ด้านการป้องกันของเราอาจจะเปลี่ยนเป็นระดับลึกลับที่แท้จริงและในตอนนี้พรสวรรค์ด้านพละกําลังของ
เรานั้นไปถึง 60% แล้ว หากเราคัดลอกพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับ 60% และหลอมรวมมันบางทีพรสวรรค์ของเราอาจจะครบ 100% เลยก็ได้!”
ต้องบอกว่าเวลานี้เย่เทียนรู้สึกตื่นเต้นมาก…
แต่ก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกัน เพราะว่าพรสวรรค์ในการคัดลอกของเขานั้นเหลือเวลาคูลดาวน์อีก 2 วัน
เขาไม่สามารถคัดลอกพรสวรรค์ทั้งสองในตอน!
“เห้อ!! ถ้าฉันรู้แต่แรกว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ฉันคงจะเก็บโอกาสในการคัดลอกไว้ก่อน!” เย่เทียน
ถอนหายใจด้วยความเสียดาย
แต่จะเสียดายไปก็ไร้ประโยชน์ เย่เทียนได้แต่หวังว่าจะได้เจอพวกเขาภายในมิติของวิหารแห่งแสงอีกครั้ง
“ได้เวลาแล้ว!”
ทันใดนั้นราชาคนหนึ่งก็กล่าวออกมา
ผู้ฝึกยุทธระดับราชาคนอื่นๆต่างก็พยักหน้าเช่นกัน ไม่ถึงสิบนาทีต่อมาด้านล่างของแม่น้ำฉาง
หลิงก็เปล่งแสงออกมา และลําแสงนี้ก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ซากปรักหักพังของวิหารแห่งแสงปรากฏขึ้นแล้ว!
“คลื่นพลังแห่งมิติ!”
เย่เทียนสัมผัสได้ถึงความผันผวนของคลื่นพลังแห่งมิติที่รุนแรง
ในเวลานี้เขาเพิ่งนึกถึงสถานการณ์ที่หวังเยี่ยนได้กล่าวถึงกับเขา
มิติวิหารแห่งแสงนี้อยู่ด้านล่างของแม่น้ำ และจะปรากฏขึ้นในทุกๆ 10 ปี ก่อนหน้านี้จึงไม่มีใคร
คบมันมาก่อน กระทั่งจักรพรรดิคนหนึ่งได้มาพบเข้าโดยบังเอิญ
ตอนนี้ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจ
“โบราณสถานของวิหารแห่งแสงควรจะซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างของมิติ เว้นเสียแต่ว่าจะสามารถทําลายมิติจึงจะมิติของโบราณสถานวิหารแห่งแสงได้มิฉะนั้นก็ไม่มีทางที่จะหาวิหารแห่งแสง
ได้เจอ “เย่เทียนตระหนักได้ทันที
“พวกเราลงไปกันเถอะ!”
ราชาคนหนึ่งกระโดดลงไปในแม่น้ำฉางหลิง และเริ่มการต่อสู้ทันที
แม่น้ำฉางหลิงเป็นสวรรค์ของเหล่าสัตว์อสูร ไม่รู้ว่ามีสัตว์อสูรระดับราชาอยู่กี่ตัวและบางครั้งก็
สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้น ด้วยความแข็งแกร่งของเย่เทียนเพียงคนเดียว
กลัวว่าแม้แต่ประตูมิติทางเข้าวิหารแห่งแสงก็ไม่สามารถไปถึง
เย่เทียนจึงกระโดดลงไปในแม่น้ำฉางหลิงเช่นกัน
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาข้ามแม่น้ำฉางหลิงเพียงลําพัง เขากลัวว่าจะได้พบกับสัตว์อสูรที่ทรงพลัง
จึงในเสี่ยวเสวียนข้ามแม่น้ำฉางหลิงด้วยความเร็วสูงสุด
แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาแข็งแกร่งกว่าตอนนั้นไม่รู้กี่เท่า แม้ว่าสัตว์อสูรในแม่น้ำฉาง
หลังจะมีจํานวนมากก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สําหรับเขา แม้แต่สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปก็ยังถูกตัด
เป็น 2 ส่วนในกระบวนท่าเดียว
ราชา 5 ดารา ก็เพียงพอที่จะต่อสู้กับระดับนักบุญทั่วไปได้ แต่พลังที่แท้จริงของเย่เทียนไม่ใช่แค่เพียงราชา 7 ดาราแต่เป็นระดับราชาแปดดาราหรืออาจจะสูงกว่าราชาแปดดาราทั่วไปเสียอีก
ในตอนนี้เขานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ในแม่นั่าฉางหลิง
สัตว์อสูรจํานวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้ามาและถูกเย่เทียนสังหารในดาบเดียวแม้แต่อสูรระดับ
ราชาที่มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งก็ไม่ต่างกันไม่นานเขาก็มาถึงก้นแม่น่าฉางหลิง