บทที่ 162 ชายคนนี้เป็นสัตว์อสูร!
การมาถึงของเย่เทียนดึงดูดความสนใจของหยุนเมิ่งหลี่ที่กําลังปกป้องรอยแยกมิติอย่างรวดเร็วพรีบ!
หยุนเมิ่งหลี่บินออกมาและมองไปที่เย่เทียน
เขารู้จักเย่เทียน แต่เมื่อเขารู้สึกถึงกลิ่นอายของระดับศักดิ์สิทธิ์จาง ๆ บนร่างของเย่เทียน
ทําให้เขาตระหนักได้ทันทีว่าเย่เทียนเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว
“เย่เทียนกลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์แล้วเหรอ? เป็นไปได้ยังไง!”
หยุนเมิ่งหลี่ตกใจมากระดับศักดิ์สิทธิ์!
นั่นเป็นขอบเขตที่ระดับราชานับไม่ถ้วนต่างใฝ่ฝันถึง ปรมาจารย์มีอายุขัย 200 ปี ระดับราชามีอายุขัย 500 ปี และผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์มีอายุขัย 1,000 ปี
แน่นอนว่าระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีรากฐานที่สมบูรณ์แบบมีอายุขัยถึง 1,500 ปี
ไม่เพียงแค่อายุขัยเท่านั้น แต่ยังส่งพลังกว่าอีกด้วย นอกจากนี้จิตสํานึกของระดับศักดิ์สิทธิ์ยังสามารถตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวในระยะพันลี้ได้แม้แต่การเคลื่อนไหวของมดตัวหนึ่งก็ยากที่จะหลบหนีจากการตรวจสอบของผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้
หยุนเมิ่งหลี่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นเท่านั้น หากปราศจากสมบัติที่ช่วยในการปรับแต่งพลังจิตของเขายากที่เขาจะสามารถบรรลุไปถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ได้หลายปีมานี้เขาได้เดินทางไปยังฐานจงไห่และได้รับโอกาสมากมายแต่เขาก็ยังไม่สามารถ
ครอบครองสมบัติที่ช่วยในการปรับแต่งพลังจิต ดังนั้นเขาจึงยังไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ได้ผู้แข็งแกร่งสามารถสร้างความอิจฉาในใจของผู้คนได้เสมอ
‘คารวะท่านเย่เทียน!”
หยุนเมิ่งหลี่โค้งคํานับและกล่าวด้วยความเคารพ
“ไม่จําเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก!”
เย่เทียนกล่าวอย่างแผ่วเบา
หิมม!!!
ผู้ฝึกยุทธระดับราชาอีก 29 คน รีบหันมามองอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาเห็นว่าราชาไร้เทียมทานทักทายเย่เทียนอย่างสุภาพมันทําให้พวกเขาต่างก็ต้องตกตะลึง
“ทําไมราชาหยุนเมิ่งหลี่ถึงเคารพเขาถึงเพียงนี้?นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“กลิ่นอายของเย่เทียนดูเหมือนว่าจะเหนือกว่าระดับราชา!”
“หรือว่าเขาจะบรรลุขั้นเหนือกว่าระดับราชาแล้ว?”
“สวรรค์ เย่เทียนสามารถเปิดจุดชีพจรได้ 365จุดอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? เป็นไปได้ไหมว่าเขานั้นมีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะที่สูงเป็นอย่างมาก?หรือว่าพรสวรรค์ของเขาสูงกว่าพรสวรรค์ใน
การบ่มเพาะระดับหลุดพ้น?”
“สมควรแล้วที่จะได้รับความเคารพ ตัวตนเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถอยู่ได้!”
ทันใดนั้นจอมเวทย์ค่ายกลระดับราชาและราชาที่มีชื่อเสียงก็เดินเข้ามาและกล่าว
“คารวะท่านเย่เทียน!”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่รอยแยกต่างมิติให้
ฉันดูหน่อย เพราะถึงอย่างไรฉันเองก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของฐานทะเลมารมาก่อน!” “ท่านเย่เทียนเชิญ!”
หยุนเมิ่งหลี่ได้เชิญเย่เทียนไปที่ค่ายกลระดับสูงสุด
เย่เทียนตามหยุนเมิ่งหลี่เข้าไปในค่ายกลในปราสาทที่หยุนเมิ่งหลี่สร้างขึ้น
กลุ่มราชาทั้งหมดต่างก็นั่งลง
“ราชาเมิ่งหลี่ เกิดอะไรขึ้น? ทําไมสัตว์อสูรจากทะเลถึงมาโจมตีค่ายกล? เท่าที่ฉันรู้แม้ว่าทะเลจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่แต่สัตว์อสูรในทะเลไม่ชอบสภาพแวดล้อมที่ไม่มีน้าตราบใดที่พวกมันไม่ถูกรบกวน สัตว์อสูรทะเลเหล่านั้นไม่มีทางโจมตีง่ายๆ”เย่เทียนถามด้วยความสงสัยหยุนเมิ่งหลี่ขมวดคิ้วและกล่าว”ท่านเย่เทียนข้าเองก็สงสัยเช่นกันตอนแรกไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่จู่ๆสัตว์อสูรจากทะเลก็โจมตีพวกเราและพวกมันเกือบจะทําลายค่ายกลกลผนึกรอยแยกไปแล้วโชคดีที่ราชาคนอื่นๆทยอยมาถึงที่นี้ได้ทันเวลาข้าเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับกลับมาจากฐานจงไห่จากการคาดการณ์ของข้าคงจะมีบางอย่างที่ดึงดูดพวกมันไม่แน่ว่าสัตว์ อสูรจากรอยแยกมิตินี้มีสมบัติบางอย่างที่ดึงดูดความสนใจของสัตว์อสูรทะเลแต่เราตรวจสอบมา
เป็นเวลานานก็ยังไม่รู้ว่าสมบัติดังกล่าวอยู่ที่ไหน ”
“สมบัติ?”
เย่เทียนครุ่นคิดบางอย่าง
เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูง
เหล่าสัตว์อสูรในโลกของสัตว์อสูรนั้นต้องการที่จะครองโลกใบใหม่ ดังนั้นพวกมันจึงบุกเข้ามาอย่างต่อเนื่องแน่นอนว่าพวกมันคงจะไม่ตัดใจจากรอยแยกมิตินี้โดยง่าย
นี่อาจจะเป็นแผนของพวกมัน
บางทีสัตว์อสูรใช้สมบัติดึงดูดสัตว์อสูรทะเลบนโลกเพื่อช่วยพวกมันโจมตีรอยแยกของมิติเพื่อทําลายค่ายกลที่ผนึกรอยแยกไว้และทําให้รอยแยกมิติกลายเป็นระดับสามดาวด้วยวิธีนี้พวกมันสามารถส่งกองทัพสัตว์อสูรออกมาโจมตีอีกครั้ง
ด้วยการเตรียมการของพวกมัน กองทัพอสูรที่จะบุกเข้ามาโจมตีอีกครั้งคงจะไม่ได้ง่ายดายเหมือนครั้งแรกมันจะต้องเป็นกองทัพสัตว์อสูรที่ร้ายกาจกว่าเดิมอย่างแน่นอน
“ท่านเย่เทียน ท่านลองหาสมบัติชิ้นนั้นดูได้หรือไม่?”
หยุนเมิ่งหลี่เสนอ
“ตกลง ฉันจะลองดู!”
จิตสํานึกของเย่เทียนเริ่มแผ่ขยายออกไป เขาสามารถตรวจสอบทุกสิ่งทุกอย่างภายในรัศมี
หนึ่งพันล้ําได้อย่างง่ายดายแม้แต่มดตัวเล็กๆก็ไม่สามารถซ่อนตัวจากจิตสํานึกของเย่เทียนหลังจากตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ไม่พบมัน
“พรสวรรค์ล่าสมบัติ!
เย่เทียนกระตุ้นพรสวรรค์ล่าสมบัติที่ไม่ได้ใช้มานานนี้ หากมันเป็นสมบัติจริงๆแล้วล่ะก็ไม่มีทางที่มันจะหลบหนีจากการตรวจสอบของพรสวรรค์ล่าสมบัติระดับสูงได้
แต่สิ่งที่ทําให้เย่เทียนผิดหวังก็คือเขาไม่พบร่องรอยของสมบัติดังกล่าวเลย
ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่งคือไม่มีสมบัติใดๆ และสองคือมันอาจถูกเก็บในถุงเก็บสมบัติ
หากสมบัติอยู่ในถุงเก็บของใครบางคน พรสวรรค์ล่าสมบัติและสัมผัสทางจิตวิญญาณของเขาไม่มีทางตรวจสอบได้
“ราชาเมิ่งหลี่ สามารถเรียกทุกคนมารวมตัวกันได้หรือไม่?”
เย่เท่ยนถาม
“ได!”
หยุนเมิ่งหลี่พยักหน้าและมองไปที่เย่เทียนราวกับว่าเขาเดาความตั้งใจของเย่เทียนออก
“หรือว่ามีคนสร้างปัญหา?”
หยุนเมิ่งหลี่เองก็เคยคิดเรื่องนี้เช่นกัน แต่หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วไม่มีใครเลยที่มีเหตุจูงใจในการลงมือ?
มนุษย์จะช่วยสัตว์อสูรอย่างนั้นหรือ? มันจะเป็นไปได้ยังไง?
แต่เขาก็ยังปฏิบัติตามคําขอของเย่เทียน เหล่าจอมเวทย์ค่ายกลและผู้ฝึกยุทธระดับราชามารวมตัวกันที่ปราสาททันที
เย่เทียนกวาดสายตามองและถามว่า”นี่คือคนทั้งหมดแล้วหรือ?”
“ยังมีจอมเวทย์ค่ายกลระดับกลางอีกคนที่เก็บตัวบ่มเพาะอยู่ ชายคนนี้เก็บตัวอยู่นานแล้วเอาเป็นเพียงนักรบผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง ไม่น่าจะเป็นปัญหา!” หยุนเมิ่งหลี่กล่าว
ในความคิดของเขา แค่นักรบผู้เชี่ยวชาญไม่มีค่ามากพอที่จะต้องใส่ใจ? คนที่อ่อนแอเช่นนี้ไม่มีทางที่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
“อืม ฉันจะไปตรวจสอบเขา!”
เย่เทียนเคลื่อนไหวและบินไปในทิศทางหนึ่ง ส่วนระดับราชาคนอื่นๆต่างมองหน้ากันและบินตามไปทันที
ระยะทางไม่ได้ไกลมากนะ ด้วยความเร็วของผู้ฝึกยุทธระดับราชา ไม่นานคนทั้งหมดก็มาถึงที่ พักของจอมเวทย์ค่ายกลขั้นกลางดังกล่าวทันใดนั้น!
เย่เทียนทําลายบ้านของจอมเวทย์ค่ายกลทันที ด้านในเผยให้เห็นชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ ในขณะเดียวกันชายวัยกลางคนก็ตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว “นายท่านทําไมท่านถึงโจมตีที่พักของข้า?”
เย่เทียนจ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชา “แกเป็นคนเป็นคนชักนําสัตว์อสูรจากทะเลมาใช่ไหม?”
“นายท่านล้อเล่นแล้ว? ข้าจะดึงดูดสัตว์อสูรจากทะเลได้อย่างไร? ” ชายวัยกลางคนรีบส่ายหัวใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัว
“ท่านเย่เทียน ชายคนนี้เป็นเพียงจอมเวทย์ค่ายกลขั้นกลางจากฐานของเรา และยังมีตระกูล ใหญ่อยู่เบื้องหลัง เขาจะดึงดูดสัตว์อสูรได้อย่างไร?” ราชาคนหนึ่งก้าวออกมา
“เพราะเขาไม่ใช่จอมเวทย์ค่ายกลขั้นกลาง แต่มันเป็นสัตว์อสูร?” เย่เทียนยิ้มเยาะเมื่อได้ยินดังนั้น
ร่างของจอมเวทย์ขั้นกลางคนนั้นก็สั่นสะท้าน แต่เขายังคงอดกลั้นเอาไว้ได้
“สัตว์อสูร?”
หยุนเมิ่งหลี่ขมวดคิ้ว “ท่านเย่เทียน พวกเราไม่ได้โง่ คนๆนี้จะเป็นสัตว์อสูรได้อย่างไร?”
เขารู้สึกว่าเย่เทียนพูดเกินจริงไปเล็กน้อย การที่เย่เทียนกล้าพูดว่าจอมเวทย์ขั้นกลางเป็นสัตว์อสูรคงไม่ใช่เพราะความแค้นหรอกนะ?
“พวกคุณไม่เชื่อหรือ?”เย่เทียนส่ายหัวและกล่าวต่อว่า “ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นที่นี่เขาเก็บตัวอยู่
ตลอดใช่หรือไม่พวกคุณเคยเห็นเขาออกไปรักษาค่ายกลสักครั้งไหม?”
“ใช่แล้วอย่างไร? แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหน?”
ราชาคนหนึ่งกล่าว
“เช่นนั้นก็ให้เขาสร้างค่ายกลระดับเริ่มต้นขึ้นมาเพื่อทดสอบ หากเขาสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ฉันจะเชื่อว่าเขาไม่ใช่สัตว์อสูร!” เย่เทียนกล่าวเยาะเย้ย
เมื่อได้ยินค่าพูดของเย่เทียน สีหน้าของจอมเวทย์ขั้นกลางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก