บทที่ 172 ก่อตั้งหอสวรรค!
เย่เทียนรับหลินซีและหลินอี้อี้เข้าร่วมหอสวรรค์ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องออกจากเขตพลเรือน
ทั้งสองไม่มีอะไรต้องเก็บ สองพี่น้องมีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด หลังจากเก็บเสื้อผ้าเสร็จสิ้นพวกเขาก็เดินตามเย่เทียนไป
สําหรับงานของหลินซี ไม่ได้พูดถึงเลย หลินซีติดตามเย่เทียนที่เป็นบุคคลสําคัญแล้ว ยังสนใจเรื่องงานหนักที่มีเงินเดือนแค่ 2,000 หยวนอีกเหรอ?
เขตทะเลสาบกระจก
เย่เทียนพาหลินซีและหลินอี้อี้ไปพักอยู่ในวิลล่าของเขาชั่วคราว จากนั้นก็เดินทางไปซื้อตึกสร้างเป็นสํานักงานใหญ่ของกองกําลังหอสรรค์ แล้วพาหลินซีและหลินอี้อี้มาอาศัยอยู่ที่นี่
หลังจากนั้นเย่เทียนก็บอกให้เย่หยูสอนหลินซีเกี่ยวกับการฝึกฝน เย่หยูเป็นปรมาจารย์ดังนั้นการชี้แนะนักรบจึงเป็นเรื่องง่าย
ส่วนหลินอี้อี้อายุยังน้อย เธออายุเพียง 13 ปี ตอนนี้เธอจําเป็นต้องเสริมสารอาหารและยาที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เพื่อให้เธอสามารถเริ่มฝึกฝนได้ภายในครึ่งปี
ตอนนี้มีสิ่งสําคัญอีกเรื่องหนึ่งที่เย่เทียนต้องจัดการ
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของหลินซีต๋าเกินไป เขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับรองเท่านั้น ถ้าไม่ยกระดับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของหลินซี คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าหลินซีจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบชั้นยอดได้
ดังนั้นเขาจึงต้องยกระดับพรสวรรค์ของหลินซี แต่เย่เทียนไม่ได้ให้ความช่วยเหลือง่ายๆ นี่เป็นเพียงการมอบโอกาศรอชําระคืนในภายหลัง
ในวันเดียวกันเย่เทียนและเย่หยูได้วางแผนระบบการแลกคะแนนโดยนําสมบัติมากมายมาวางไว้ เพื่อให้สมาชิกของหอสวรรค์แลกเปลี่ยน
ในอนาคต สมาชิกหอสวรรค์ทุกคนสามารถใช้คะแนนเพื่อแลกกับสมบัติบางอย่างหรือแม้แต่สมบัติที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ได้
วิธีการรับคะแนนขึ้นอยู่กับความสําเร็จของภารกิจหรือการน่าสมบัติที่มีมาแลกเปลี่ยน และคําถามปัญหาทั้งหมดนี้ มอบให้เย่หยูรับผิดชอบ เย่เทียนมีหน้าที่ค้นหาผู้มีพรสวรรค์เท่านั้น หลังจากวางระบบคะแนนเรียบร้อย เย่เทียนก็เรียกหลินซีมาพบ
“หลินซี นายรู้หรือไม่ว่าระดับของพรสวรรค์ในการบ่มเพาะนั้นแบ่งเป็นกี่ระดับ?”
เย่เทียนถาม
“นายท่านแบ่งออกเป็นระดับอ่อนแอ, ระดับรอง, ระดับเริ่มต้น, ระดับกลาง, ระดับสูง, ระดับสูงสุดใช่หรือไม่?”
หลินซีบอกสิ่งที่เขารู้
เย่เทียนพยักหน้าและพูดต่อว่า “ในความเป็นจริงพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดนั้นธรรมดามากในฐานจงไห่ และระดับที่เหนือระดับสูงสุดคือระดับหลุดพ้น ซึ่งผู้มีพรสวรรค์ระดับหลุดพ้นสามารถฝึกฝนได้ถึงระดับราชา ซึ่งก็คือระดับที่สูงกว่าระดับปรมาจารย์ ด้วยพรสวรรค์ในการบ่มเพาะของนายในตอนนี้ไม่ทางที่ฝึกจนถึงระดับราชาได้ นายคงจะรู้ดี”
“นายท่าน ผมรู้เรื่องนี้ดี!”
หลินซีเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น
เย่เทียนกล่าวต่อว่า “มีสมบัติมากมายที่สามารถเพิ่มพรสวรรค์ของคนๆหนึ่งได้ พรสวรรค์ระดับ รองของนายสามารถยกระดับขึ้นได้ ตอนนี้ภายในหอสวรรค์มีสมบัติชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโอสถระดับหลุดพ้น ซึ่งสามารถยกระดับพรสวรรค์ ในการบ่มเพาะให้กลายเป็นระดับหลุดพ้นได้ มูลค่าของมันคือหนึ่งล้านแต้ม นายเพิ่งเข้าร่วมกับ หอสวรรค์มีคะแนนเพียง 100 คะแนน ไม่สามารถแลกเป็นโอสถระดับหลุดพ้นได้ แต่ฉันจะให้โอ กาศนายแลกโอสถเม็ดนี้ก่อนล่วงหน้า แต่นายต้องชําระ 1 ล้านคะแนนในอนาคต จํากัดระยะเวลาสามปี หากทําไม่ได้ ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นถ้า 100,000 คะแนนต่อปี นายสามารถเลือกรับข้อเสนอนี้
หรือจะค่อยๆสะสมคะแนนก็แล้วแต่จะเลือก”
“นายท่าน ผมยินดีแลกเปลี่ยนโอสถระดับหลุดพ้นล่วงหน้า!”
หลิน ตอบโดยไม่ลังเล
พรสวรรค์ระดับหลุดพ้นนั้นเหนือกว่าพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุด แม้แต่จางหลงที่รังแกเขามาโดยตลอดก็มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับปานกลางเท่านั้น ถ้าเขากลายเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับหลุดพ้นแล้วละก็
เขาอาจจะสามารถกลายเป็นระดับราชาได้ในอนาคต
แม้ว่าเขาจะต้องชําระคืนคะแนนให้หมดภายในสามปี และหากเกินกําหนดเขาจะจ่ายดอกเบี้ยเป็นจํานวนมาก แต่เขามั่นใจว่าเขาจะจ่ายคืนได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่เขากลัวจริงๆคือไม่การที่ไม่สามารถฝึกฝนให้ก้าวหน้าได้ ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าคะแนนและหนี้สิน
“ตกลง เซ็นสัญญาซะ แล้วโอสถระดับหลุดพ้นนี้จะเป็นของนาย!”
เย่เทียนหยิบสัญญาออกมาและกล่าว
หลินซีรีบเซ็นสัญญาโดยไม่รีรอ จากนั้นเย่เทียนก็มอบโอสถระดับหลุดพ้นให้กับหลินซี เพียงไม่นานหลังจากกลืนเม็ดยาลงไป
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของหลินซีก็ยกระดับกลายเป็นระดับหลุดพ้น
เย่เทียนมีสมบัติมากมายที่คล้ายกับโอสถระดับหลุดพ้น และพรสวรรค์อื่นๆของหลินซีนั้นยอดเยี่ยมมาก มันคุ้มค่ากับการที่เขาลงทุน
แต่สมบัติอย่างโอสถระดับหลุดพ้นนั้นคือความเป็นไปได้สูงสุดแล้ว เพราะการที่จะยกระดับพรสวรรค์ของคนๆหนึ่งให้กลายเป็นดาราได้นั้น เป็นเรื่องยากแม้กระทั้งในกองกําลังมหาอํานาจระดับสูง
ครั้งสุดท้ายที่เย่เทียนใช้สมบัติเช่นนั้นก็เพื่อช่วยน้องสาวของเขายกระดับเป็นพรสวรรค์ในการบ่มเพาะให้กลายเป็นระดับดารา เขาได้รับโอสถนี้มาโดยบังเอิญ และมีเพียงเม็ดเดียวไม่มีสอง ต่อให้มีสมบัติเช่นนั้นอีก เขาก็ไม่สามารถมอบมันให้กับหลินซีได้
ในอนาคตถ้าหลินซีต้องการเพิ่มพรสวรรค์ของเขา เขาคงต้องออกไปค้นหาโอกาสด้วยตนเอง
ไม่กี่วันถัดมา เย่เทียนได้เดินทางไปทั่วฐานทัพจงไห่ เพื่อค้นหาพลเรือนที่เหมาะสม ท้ายที่สุด เขาก็ได้สมาชิกใหม่ทั้งหมด 100 คน
ในบรรดาสมาชิกใหม่เหล่านั้นล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่ไม่มีพื้นหลังอายุ ไม่เกิน 20 ปี 18 คนในนั้นมีพรสวรรค์ที่พิเศษมาก แต่พรสวรรค์ในการบ่มเพาะของพวกเขาไม่ได้ดีนัก แต่หากฝึกฝนพวกเขาให้ดีในอนาคตพวกเขาจะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน
ส่วนที่เหลือเป็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15 ปีหรือต่ํากว่านั้น ซึ่งอย่างน้อยๆ ก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุด เหตุผลที่เย่เทียนเลือกคนที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับสูงสุดมาก็
เพราะว่าเด็กเหล่านี้มีพรสวรรค์พิเศษระดับสูงสุด
ในบรรดาคนที่เขารับมามีเพียงสามคนเท่านั้นที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับดารา แม้เย่เทียนออกค้นหาพื้นที่พลเรือนทั้งหมดในฐานจงไห่เขาก็พบพรสวรรค์ระดับดาราเพียง 3 คน อัจฉริยะเช่นนี้มีจํานวนน้อยเกินไปในหมู่คนธรรมดา
แต่ถึงอย่างไรเย่เทียนก็พอใจมากแล้ว สําหรับกองกําลังที่พึ่งสร้างการมีผู้มีพรสวรรค์ระดับดารา 3 คนและอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์พิเศษระดับสูงสุดมีอะไรที่ต้องไม่พอใจ
เมื่อสมาชิกหอสวรรค์กลุ่มแรกได้ขยายอํานาจออกไป ชื่อเสียงของหอสวรรค์ก็จะต้องแพร่สะพัดออกไปอย่างแน่นอน ในอนาคตการจะรับสมัครอัจฉริยะก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นนี้อีก
เพื่อที่จะฝึกฝนอัจฉริยะกลุ่มนี้ เย่เทียนได้ใช้เงินไปจํานวนมหาศาลในการสร้างห้องฝึกฝนระดับสูงสุด 20 ห้อง และเพื่อจะใช้ห้องฝึกฝนระดับสูงสุดเขาต้องจ่ายหินปราณไปเป็นจํานวนมาก ในอนาคตคงจะมากกว่านี้แน่นอน
การจะเข้าใช้ห้องฝึกฝนระดับสูงสุดได้นั้นต้องใช้คะแนนที่ได้จากการภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งคนจัดการหน้าที่นี้คือเย่หยู
ปัจจุบันภารกิจทั้งหมดที่มอบหมายให้กับสมาชิกคือการเก็บรวบรวมข้อมูลและอื่น ๆ
หอสวรรค์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เย่เทียนก็พยายามฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อพยายามเปิดพื้นที่สมองให้กว้างขึ้นโดยเร็ว
5 วันต่อมา มีข่าวจากหอสวรรค์
เสวี่ยนเฟิงกําลังจะเข้าไปในหอคอยเทพสงคราม
นี่เป็นข่าวที่สมาชิกหอสวรรค์รายงานมามันถูกส่งไปยังมือของเย่เทียนทันที
การรวบรวมความเคลื่อนไหวของอัจฉริยะแห่งฐานทัพจงไห่ เป็นหนึ่งในภารกิจของหอสวรรค์
และศิษย์หอสวรรค์สังเกตการอยู่ใกล้ๆ หอคอยเทพสงคราม เพราะนี่เป็นภารกิจที่ได้รับคะแนนจํานวนมาก!
เมื่อทราบข่าวเย่เทียนที่กําลังเก็บตัวอยู่ก็รีบมุ่งหน้าไปยังหอคอยเทพสงครามทันที เขา
ต้องการคัดลอกพรสวรรค์ระดับลึกลับของเสวี่ยนเฟิงมานานแล้ว ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาศคัดลอกพรสวรรค์ระดับลึกลับของอีกฝ่ายได้
พรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับ จะทําให้พรสวรรค์ด้านพละกําลังของเขากลายเป็นระดับลึกลับอย่างสมบูรณ์
หอคอยเทพสงคราม
เมื่อเย่เทียนมาถึงที่นี่ ก็ทําให้เกิดเสียงพูดคุยขึ้นทันที
ถึงอย่างไรเย่เทียนก็เป็นยอดฝีมือของในการจัดอันดับศักดิ์สิทธิ์ และข่าวนี้ก็แพร่กระจายออกไปนานแล้ว หลายคนย่อมรู้จักเย่เทียน
“คารวะท่านมหาปราชญ์เย่เทียน!”
“คารวะท่านมหาปราชญ์เย่เทียน!”
“คารวะท่านมหาปราชญ์เย่เทียน!”
ยอดฝีมือระดับราชาหลายคนประสานมือคารวะแล้วกล่าวทักทายเย่เทียนด้วยความเคารพ
ไกลออกไป
ศิษย์ของหอสวรรค์หลายคนจ้องมองจ้าวหอของพวกเขาด้วยความเคารพ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าจ้าวหอคือมหาปราชญ์เย่เทียนผู้โด่งดังบนอันดับศักดิ์สิทธิ์
ยอดฝีมือระดับมหาปราชญ์!
แต่เดิมพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา แต่ตอนนี้พวกเขาได้เข้าร่วมกองกําลังที่มีผู้นําเป็นระดับมหาปราชญ์ ทําให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขานั้นโชคดีอย่างแท้จริง!
อย่างไรก็ตามพวกเขายังจําคําแนะนําของเย่เทียน และค้นหาข่าวอย่างเงียบ ๆ โดยไม่เปิดเผยตัวตน