บทที่ 177 พรสวรรค์เนตรโลหิตระดับกลาง!
เย่เทียนเดินตามระดับราชาผ่านการตรวจสอบและเข้าไปในป้อมปราการขนาดใหญ่จากนั้นเขาก็ได้รับเหรียญตรา
เหรียญตรานี้เป็นหนึ่งในหลักฐานในการเข้าสู่รอยแยกมิติเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์อสูรลอบเข้ามายังโลกเพราะในยุคนี้มีพรสวรรค์ในการปลอมตัว
หลายคนที่ฐานจงไห่มีพรสวรรค์ในการปลอมตัว ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งค่าเหรียญตรานี้ให้เป็นตัวแทนในการยืนยันตัวตน
หากผู้ครอบครองตายไป เหรียญตราของพวกเขาก็จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆมันถูกสร้างขึ้นโดยกระบวนการพิเศษซึ่งทําให้ผู้ครอบครองสามารถผ่านม่านพลังค่ายกลเข้าออกรอยแยกมิติได้หากไม่มีเหรียญตรานี้ไม่มีทางที่จะผ่านค่ายกลไปได้
เย่เทียนเดินผ่านรอยแยกของมิติและเห็นฐานทัพขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
ฐานนี้มีขนาดเล็กกว่าฐานทัพจงไห่อย่างไม่ต้องสงสัยแต่ในแง่ของระดับการป้องกันฐานนี้แข็งแกร่งกว่าฐานทัพระดับพิเศษเสียอีก (ฐานทัพระดับสุดยอดเปลี่ยนเป็นฐานทัพระดับพิเศษนะครับ)
ภายในฐานไม่ได้มีอาคารสูงมีเพียงปราสาทขนาดใหญ่แต่ละส่วนของประสาทถูกสร้างขึ้นโดยวัสดุที่แข็งแกร่งและมีค่ายกลป้องกันถูกจัดวางไว้เป็นจํานวนมากแน่นอนว่ามันมีราคาที่สูงมากแต่ก็ทําอย่างไรได้ หากไม่ทําเช่นนั้นฐานทัพจะถูกทําลายเมื่อสัตว์อสูรบุกโจมตีตัวอย่างเช่นในฐานจงไห่มีอาคารสูงจํานวนมากแต่ไม่แข็งแรงเนื่องจากภายในฐานมีความ ปลอดภัยสูงจึงสามารถสร้างอาคารเหล่านั้นขึ้นมาได้
แต่ที่นี่คือแนวหน้าซึ่งเกิดการต่อสู้อยู่บ่อยครั้งการจะสร้างอาคารที่สูงใหญ่หรูหรามันไม่มีประโยชน์เมื่อเข้าไปในฐานเย่เทียนก็รายงานตัวภายใต้การนําของของทหารยามเขาประจําการอยู่ที่ฐาน
นี้อย่างเป็นทางการ
ไม่กี่วันต่อมา เย่เทียนก็เข้าใจฐานนี้เบื้องต้นแล้ว
ประการแรกฐานนี้มีจํานวนผู้ฝึกยุทธไม่มากนักส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือระดับราชาขึ้นไปและยังมีปรมาจารย์อีกจํานวนหนึ่ง ปรมาจารย์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกของกองกําลังขนาดใหญ่ ที่
ร่วมมือกันสร้าง
กองทัพมีหน้าที่จัดการกับการโจมตีของสัตว์อสูรระดับสูงและสัตว์อสูรระดับสูงสุดเนื่องจาก
สัตว์อสูรจํานวนมากไม่ได้มีสติปัญญามากนักพวกมันไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของฐานทัพและจะโจมตีทันทีเมื่อเห็นมนุษย์การจัดการปัญหาเหล่านี้เป็นหน้าที่ของกองทัพ
ภายใต้สถานการณ์ปกตินอกเหนือจากภารกิจพิเศษแล้วยอดฝีมือระดับราชาขึ้นไปต่างก็ฝึกฝนอยู่ในฐาน
แต่สําหรับตอนนี้การฝึกฝนตามปกตินั้นไม่สามารถทําได้เพราะบริเวณนี้มักจะมีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์และสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิบุกโจมตีอยู่บ่อยครั้งยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปมักจะ ต้องออกไปตรวจสอบสถานการณ์และรับมือกับพวกมันอยู่บ่อยๆ
เย่เทียนเพิ่งมาใหม่ดังนั้นจึงมีการเตรียมตัวหนึ่งเดือน และหลักจากครบหนึ่งเดือนเขาก็ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจ
สําหรับเย่เทียนแล้ว ประโยชน์เพียงอย่างเดียวของฐานนี้คือมีพรสวรรค์ระดับลึกลับปลอมอยู่มากมาย
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิและระดับศักดิ์สิทธิ์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง หากสามารถมาถึงที่นี่ได้เร็วแล้วละก็เขาก็ไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องพรสวรรค์ด้านการป้องกันลึกลับพรสวรรค์ด้านพละกําลังระดับลึกลับและพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับลึกลับ
และในตอนนี้
พรสวรรค์ในการคัดลอกของเย่เทียนก็คูลดาวน์จบลงแล้ว เขาสามารถคัดลอกได้อีกครั้งดังนั้น
เย่เทียนจึงเลือกคัดลอกพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับลึกลับของจักรพรรดิคนหนึ่งทันที
“หลอมรวม!”
สิบนาทีต่อมา พรสวรรค์ด้านความเร็วของเย่เทียนก็เปลี่ยนไป กลายเป็นพรสวรรค์ด้านความเร็วระดับลึกลับ
ในตอนนี้เย่เทียนมีพรสวรรค์ระดับลึกลับทั้งหมดสามอย่างแล้ว
“พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ลึกลับ”
“พรสวรรค์ด้านการป้องกัน: ลึกลับ”
“พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ลึกลับ”
เย่เทียนที่มีพรสวรรค์ระดับลึกลับ 3 อย่างเพียงคนเดียวในฐานทัพจงไห่
และเขายังมีโอกาสคัดลอกอีกครั้งที่เย่เทียนไม่ได้ใช้เพราะเขาเตรียมจะคัดลอกพรสวรรค์ของจักรพรรดิเนตรโลหิต
พรสวรรค์เนตรโลหิตเป็นพรสวรรค์ด้านเนตรมันเกี่ยวข้องกับจิตสํานึกวิญญานมันสามารถใช้ต้านทานทักษะการโจมตีประเภทวิญญาณได้หากเขาคัดลอกพรสวรรค์นี้แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้า
กับสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่มีพรสวรรค์ในการโจมตีด้วยจิตวิญญาณเขาอาจจะมีโอกาสรอดได้
อย่างไรก็ตาม เขาสอบถามผู้ฝึกยุทธภายในฐานจึงได้รู้ว่าจักรพรรดิเนตรโลหิตและจักรพรรดิจันทราได้ออกไปตามหาสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่มีพรสวรรค์ด้านจิตวิญญาณจนถึงตอนนี้เขาก็ ยังไม่กลับมาดังนั้นเย่เทียนจึงทําได้เพียงรอคอยอย่างเงียบๆ
อย่างไรก็ตามเย่เทียนได้พบกับคนรู้จักหลายคนในฐานนี้
ทั้งนักบุญหญิงแห่งนิกายเทพจันทราและหวังเยี่ยน
นักบุญหญิงแห่งนิกายเทพจันทราทะลวงเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์แล้ว เธอในฐานะนักบุญหญิงแห่งนิกายจันทราก็ถูกส่งมาเช่นกัน ส่วนหวังเยี่ยนโชคร้ายมาก
เธอได้รับเลือกให้อยู่ในกองกําลังของระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปในวันนี้
เย่เทียนและหวังเยี่ยนนั่งจิบชาในป้อมปราการ
“เย่เทียน นายกลัวไหม?”
หวังเยี่ยนกล่าวออกมา
“กลัวอะไร?”
เย่เทียนยิ้มและพูด
“สงคราม!” หวังเยี่ยนกล่าวอย่างจริงจังว่า “จากสถานการณ์ปัจจุบัน ฐานทัพจงไห่และสัตว์อสูรมีโอกาสสูงที่จะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น และอาจรุนแรงมากกว่าที่เคยเป็นในสงครามระดับศักดิ์สิทธิ์ไม่รู้ว่าจะตกตายไปมากน้อยเพียงใดแม้แต่ระดับจักรพรรดิเองก็ต้องตายไปไม่น้อยฉัน
จ๋าได้ว่าเมื่อ 20 ปีก่อนฐานจงไห่ได้ทําสงครามกับกองทัพกับสัตว์อสูรที่ออกมาจากรอยแยกมิติระดับดาวนี้และสามารถขับไล่สัตว์อสูรออกจากรอยแยกมิตินี้ได้โลกจึงกลับมาสงบสุขอีกครั้งแต่ การต่อสู้ครั้งนั้นทําให้ระดับจักรพรรดิหลายสิบคนต้องตายและแม้แต่ 36 จักรพรรดิยังตายไปถึง
3 คน จนกระทั่งสิบปีที่ผ่านมาเราสามารถบุกเข้ามาในรอยแตกมิติและสร้างฐานใหม่ขึ้นมาได้ฉัน
ไม่ได้มีการต่อสู้ในสงครามครั้งนั้น แต่ไม่คิดว่าทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเรียกตัวมาปกป้องสถานที่แห่งนี้ฉันไม่รู้ว่าการก้าวไปมาอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี””ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติต้องมีคนหยุดสัตว์อสูรพวกนั้นไว้ถึงแม้อาจจะน่ากลัวอยู่บ้าง แต่ผมเชื่อว่าผมจะไม่ตายง่ายๆแน่!”เย่เทียนเอ่ยขึ้นน้าเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
หวังเยี่ยนกล่าวอย่างไม่มั่นใจ
เย่เทียนรู้ถึงความกังวลในใจของหวังเยี่ยน อย่างไรเสียหวังเยี่ยนก็เป็นเพียงระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไประดับศักดิ์สิทธิ์เช่นเธอก็ตายได้ง่ายที่สุดเมื่อสงครามปะทุขึ้นเธอจะต้องถูกส่งไปรับมือกับสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
หากเธอโชคร้ายพบสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่าเล็กน้อยเธอไม่มีทางจะต้านทานมันได้แน่
เมื่อไม่สามารถต้านทานได้ผลลัพธ์จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั้นก็คือความตายหากเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เธอจะรอดมีน้อยกว่า 10% !
ดังนั้นระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปที่ถูกเรียกตัวมา พวกเขาต่างจะตระหนักได้ว่าสงครามกําลังจะมาถึงอารมณ์ของพวกเขาจึงไม่ดีนัก
หลายวันมานี้เย่เทียนได้เห็นระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีสีหน้ามืดมนมากมาย
แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นสัตว์อสูรบุกโลก และมนุษย์ต้องปกป้องบ้านของพวกเขาทั้งสองฝ่ายจึงต้องต่อสู้กัน มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!
หลังจากหวังเยี่ยนจากไปเย่เทียนก็เดินไปตามถนนคนเดียว
ทันใดนั้น
เกิดความโกลาหลที่ข้างหน้าของเย่เทียน เขามองออกไปและเห็นแสงห้าหรือหกสายตกลงมาในฐาน
นั่นคือผู้ฝึกยุทธระดับจักรพรรดิ!
เย่เทียนกวาดสายตามองและเห็นหญิงสาวที่งดงามมากดวงจันทร์ส่องแสงอยู่ด้านหลังของเธอราวกับว่าเธอเป็นเทพธิดาจันทราตัวจริง
แต่พระจันทร์เต็มดวงที่อยู่เบื้องหลังของเธอนั้นเต็มไปด้วยรอยแตกและใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย
ด้านข้างเป็นชายร่างกํายําที่มีดวงตาสีเลือดอยู่ตรงหว่างคิ้ว มองก็รู้ว่าเขาเป็นพ่อมด
เขาคือจักรพรรดิเนตรโลหิต!
“จักรพรรดิจันทราและจักรพรรดิเนตรโลหิตกลับมาแล้ว!”
สีหน้าของเย่เทียนเปลี่ยนไปและรีบเดินตามฝูงชนไปทันที
เพียงไม่นานเขาก็เข้าใกล้จักรพรรดิเนตรโลหิต ในระยะ 2,000 เมตร
พรสวรรค์ในการคัดลอกของเขาตรวจสอบพรสวรรค์ของอีกฝ่ายในทันที
พ่อมด: สิงหยวน
พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ: จันทรา
พรสวรรค์เนตรโลหิต: ปานกลาง
พรสวรรค์ด้านการป้องกัน: ลึกลับปลอม (50%)
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ลึกลับ
พรสวรรค์ด้านความเร็ว: ลึกลับ
พรสวรรค์ค่าสาป: ระดับเริ่มต้น
พรสวรรค์ของจักรพรรดิเนตรโลหิตไม่เลวเลย เขามีพรสวรรค์ระดับลึกลับถึงสองอย่างนอกจากพรสวรรค์เนตรโลหิตระดับกลางแล้ว ยังมีพรสวรรค์คําสาประดับเริ่มต้นอีกด้วย
“พรสวรรค์ค่าสาป!”
เย่เทียนอยากรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์นี้มากแต่พอคิดดูดีๆแล้วเขาก็ยังรู้สึกว่าการคัดลอกพรสวรรค์เนตรโลหิตนั้นมีประโยชน์มากกว่า นี่เป็นพรสวรรค์ที่จะช่วยชีวิตเขาไว้ได้! ”
“คัดลอก!”
เย่เทียนคัดลอกพรสวรรค์เนตรโลหิตระดับกลางทันที!