บทที่ 188 หยกแห่งโชคชะตา!
“จักรพรรดิเนตรโลหิตตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เย่เทียนตกใจมาก
คนคนนี้คือผู้ก่อตั้งวิหารเทพทมิฬแต่เขากลับต้องมาตายในสนามรบ!”แล้วมันคือสัตว์อสูรประเภทไหนกัน?”
เย่เทืยนถาม
“ฉันก็ไม่แน่ใจ!” จักรพรรดิจันทราส่ายหัว “สัตว์อสูรตัวนั้นมีขนาดใหญ่มาก ร่างของมันมีความยาวประมาณ 3,000 เมตร มันพุ่งออกมาจากพื้นดินและใช้หางของมันสังหารจักรพรรดิเนตรโลหิตจากนั้นมันก็ใช้กรงเล็บฆ่าจักรพรรดิไปอีก 10 กว่าคนหากไม่ใช่เพราะฉันมีสมบัติป้องกันที่ช่วยป้องกันกรงเล็บของสัตว์อสูรตัวนั้นได้ เกรงว่าฉันคงถูกฆ่าในการโจมตีเดียวจากลักษณะภายนอกของมัน แม้ว่ามันจะไม่ใช่มังกรที่แท้จริงแต่มันกรอบน่าจะมีสายเลือดมังกร!
“มังกร?”
เย่เทียนไม่แปลกใจเลยที่มีมังกรในโลกของสัตว์อสูรเสี่ยวเสวี่ยนก็เป็นมังกรเช่นกัน
“ผิวของสัตว์อสูรตัวนั้นสีอะไร?”
เย่เทืยนถาม
“สีดา!” จักรพรรดิจันทรากล่าว
เย่เทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าสีดําก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเสี่ยวเสวียนเขากลัวว่าอสูรตัวนี้อาจจะเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันกับเสี่ยวเสวียน
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเสี่ยวเสวียนนั้นไม่เลวเขาไม่อยากจะต่อสู้กับญาติของเสี่ยวเสวียน
“จักรพรรดิจันทรา ตอนนี้พวกเราควรทําอย่างไรดี? เราสามารถกลับไปได้หรือไม่?”เย่เทยนถาม
จักรพรรดิจันทราส่ายหัว”เราไม่สามารถกลับไปได้ในตอนนี้ถ้ารอยแยกมิติถูกปิดกั้นไว้มันจะไม่เปิดมันในระยะเวลาอันสั้นมิฉะนั้นสัตว์อสูรจะบุกเข้าไปในโลกผลที่ตามมาคุณก็น่าจะรู้ดีเรา
ทําได้เพียงแค่บ่มเพาะพลังอย่างเงียบๆรอคอยเวลาอยู่ที่นี่เท่านั้น”
“ถ้าสัตว์อสูรสีดําตัวนั้นโจมตีรอยแยกมิติ มนุษย์คงไม่สามารถต้านทานมันได้ใช่ไหม?”
เย่เทียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
“อย่าห่วงไปเลย ฐานจงไห่มีไพ่ตายเช่นกันมันไม่ง่ายเลยที่สัตว์อสูรจะเอาชนะมนุษย์ได้ยกตัวอย่างเช่นกองทัพอสูรที่บุกเข้าไปในอดีตไม่สามารถทําอะไรได้นี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุด!”
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“ไพ่ตาย? ไพ่ตายอะไร?”
เย่เทียนถามอย่างสนใจ
“หอคอยเทพสงคราม!
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“หอคอยเทพสงคราม?” เย่เทียนนึกถึงหอคอยเทพสงครามที่ลึกลับที่สุดในฐานทัพจงไห่เขาอย่างอื่นอยู่อีก ?
คิดว่าหอคอยเทพสงครามเป็นเพียงสมบัติที่ช่วยมนุษย์ในการฝึกฝนหรือว่ามันยังมีประโยชน์
“แม้ว่าคุณจะเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของหอคอยเทพสงคราม แต่สิ่งที่คุณได้รับนั้นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเมื่อคุณได้รับสิทธิ์เพิ่มขึ้นอีกระดับคุณสามารถใช้หอคอยเทพสงครามโจมตีได้ 1 ครั้ง และในตอนนี้ที่ฐานจงไห่มี 3 คนที่มีอํานาจนี้คนหนึ่งคือจักรพรรดิขวานสงครามอีกคนคือฉินตี้จากฉินจงและจักรพรรดิจ้านหลง จักรพรรดิจ้านหลงคนนี้คอยปกป้องหอคอยเทพสงครามมาโดยตลอดความแข็งแกร่งของเขาเป็นรองแค่จักรพรรดิ์ขวานสงคราม จักรพรรดิทั้งสามคนนี้สามารถเปิดใช้งานการโจมตีของหอคอยเทพสงครามได้คนละ 1 ครั้งบางทีพวกเขาอาจจะใช้มัน
เพื่อโจมตีสัตว์อสูรตัวสีดํานั่น!”จักรพรรดิจันทรากล่าว
“เป็นเช่นนี้นี่เอง!
เย่เทียนตอบ
ไม่แปลกใจเลยด้วยความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรสีดํามันสามารถทําลายฐานทัพในโลกของสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดายแต่มันไม่ได้บุกฝ่าไปยังรอยแยกมิติว่าที่แท้มนุษย์ก็มีไพ่ตายอย่างหอคอยเทพสงครามอยู่ด้วย
ไพ่ตาย!
“จักรพรรดิจันทรา หลังจากเปิดใช้งานการโจมตี 3 ครั้งของหอคอยเทพสงครามแล้วมันจะยังใช่ได้อยู่อีกไหม?”เย่เทียนถามอีกครั้ง
“ใช่มันสามารถใช้ได้อีกครั้ง แต่ต้องเว้นระยะห่าง 10 ปี การโจมตีของหอคอยเทพสงครามครั้งสุดท้ายเมื่อ 20 ปีก่อจนกระทั่งเมื่อ 10 ปีก่อน เพื่อที่จะกดดันสัตว์อสูรกลับไปยังรอยแยกโอกาส 3 ครั้งจึงถูกใช้งานไปจนหมด!”จักรพรรดิจันทรากล่าว
“เราต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด!”
เย่เทียนคิดกับตัวเอง
หากมนุษย์เปิดใช้งานหอคอยเทพสงครามจนครบ 3 ครั้งเช่นนั้นมันจะยากที่จะต้านทานสัตว์อสูรได้สนามรบกวนโลกจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนนั่นย่อมเป็นอันตรายต่อมนุษยชาติอย่างใหญ่หลวงบางทีแม้แต่ฐานทัพพิเศษยังฐานจงไห่อาจจะต้องเผชิญกับหายนะ
“ฝึกฝนให้มากขึ้น!”
เย่เทียนตัดสินใจทันที
แต่ขณะที่เขากําลังจะฝึกฝนจักรพรรดิจันทราก็เอ่ยขึ้นว่า”เย่เทียน คุณต้องการที่จะเข้าไปยังนําหนักเทพจันทรา?”
“ตําหนักเทพจันทราอย่างนั้นหรอ?” เย่เทียนสงสัย”ตอนนี้พวกเรายังไม่สามารถกลับไปที่ฐาน
จงไห่ได้ แล้วผมจะเข้าไปในตําหนักเทพจันทราได้อย่างไร?”
“ที่จริงแล้วตําหนักเทพจันทราอยู่กับฉันเสมอ ตําหนักเทพจันทราของนิกายเทพจันทราเป็นเพียงอาคารธรรมดาๆ เท่านั้นเอง!” จักรพรรดิจันทราเผยความลับเช่นนี้ต่อหน้าเย่เทียนอย่างง่ายดาย
“ตาหนักเทพจันทราอยู่กับคุณ!!!”
เย่เทียนตกใจอย่างแท้จริง
“ทําไมคุณถึงดีกับผมนัก?”เย่เทียนถามด้วยความสงสัย
ในเวลานี้ใบหน้าของจักรพรรดิจันทราปรากฏร่องรอยความลังเล และแก้มของเธอยังเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
“ไม่มีอะไร ฉันเพียงคิดว่านี่อาจจะเป็นโชคชะตา!”
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“โชคชะตา?” แน่นอนว่าเย่เทียนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ทําไมเขาถึงรู้สึกว่าจักรพรรดิจันทรากําลังเขินอายอยู่เล็กน้อยเรากลับสาวน้อยน่ารักคนนึงนี่เป็นจักรพรรดิจันทราตัวจริงหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่เย่เทียนไม่รู้ก็คือ โชคชะตานี้ไม่ใช่วาสนาธรรมดา แต่เป็นวาสนาของการแต่งงาน
มรดกที่จักรพรรดิจันทราได้รับคือมรดกของนิกายจันทร์ทราที่เป็นอารยธรรมโบราณในมรดกของนิกายจันทรามีสมบัติล้ําค่าชิ้นหนึ่ง นั้นก็คือหยกแห่งโชคชะตาใครก็ตามที่ปรับแต่งหยกแห่งโชคชะตาชิ้นนี้ จะสามารถสัมผัสถึงคู่ชีวิตที่จะได้แต่งงานในอนาคตได้
และครั้งสุดท้ายที่เย่เทียนเห็นจักรพรรดิจันทรากลับมาจากนอกฐานจักรพรรดิจันทราก็สังเกตเห็นเขาเช่นกันภายในใจของเธอนั้นสัมผัสได้ว่าคนๆนั้นคือเย่เทียนคนที่เธอจะต้องแต่งงานด้วย
ด้วยเหตุนี้เธอจึงยอมให้เย่เทียนเป็นคนที่ช่วยเธอในภารกิจ
มิฉะนั้น แม้ว่าภารกิจของเธอจะล้มเหลวแต่เธอก็ไม่อนุญาตให้ใครจับมือเธอแน่
จักรพรรดิขวานและคนอื่นๆต่างสงสัยว่าทําไมจักรพรรดิจันทราถึงมีนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน
แต่จักรพรรดิขวานและคนอื่นๆ นั้นไม่ได้รู้ถึงหยกแห่งโชคชะตา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะตกใจกับจักรพรรดิจันทราที่เปลี่ยนไป
แน่นอน
จักรพรรดิจันทราไม่สะดวกที่จะกล่าวเรื่องเหล่านี้ออกมาเธอรู้สึกเขินอายเกินกว่าที่จะพูด
นอกจากนี้ในตอนนี้เธอแค่มีความรู้สึกที่ดีต่อเย่เทียนและอยากรู้อยากเห็นเล็กน้อยเท่านั้นเธอยังไม่ถึงขั้นรัก
ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกว่าเย่เทียนยังอ่อนแออยู่ดังนั้นจึงต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งของเย่เทียนเพื่อให้เย่เทียนปกป้องตัวเองให้มากที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้
นี่เป็นสาเหตุว่าทําไมเธอถึงอนุญาตให้เย่เทียนเข้าไปฝึกฝนในตําหนักเทพจันทราเป็นเวลา 1 เดือน
“เย่เทียน นี่คือตําหนักเทพจันทรามันจะทําให้คุณสามารถก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น!”
อาคารทรงกลมที่ถูกสร้างขึ้นจากหยกขาวปรากฏบนฝ่ามือของจักรพรรดิจันทรามันมีทั้งหมด
3 ชั้น เดิมทีมันเป็นเพียงอาคารขนาดเล็ก แต่เมื่อปล่อยออกไปมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นที่มีความ
สูงราว 10 เมตร
เย่เทียนเดินเข้าไปในตําหนักเทพจันทราโดยไม่ลังเลโอกาสดีๆเช่นนี้เขาจะปล่อยมันไปง่ายๆได้อย่างไร
เมื่อเย่เทียนเข้ามาในตําหนักเทพจันทราเสียงของจักรพรรดิจันทราก็ดังขึ้น
“เย่เทียน ตอนนี้ฉันสามารถเปิดตําหนักเทพจันทราได้เพียงชั้นแรกเท่านั้น คุณสามารถฝึกฝนในชั้นแรกได้”
จักรพรรดิจันทรากล่าว
“เข้าใจแล้ว!”
เย่เทียนนั่งขัดสมาธิและเริ่มฝึกฝนพยายามเปิดพื้นที่สมองของเขา
ตูม!!!
กลิ่นอายลึกลับสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเย่เทียนช่วยเร่งการเปิดพื้นที่สมอง
“เร็วมาก!”
เย่เทียนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
จากนั้นเขาก็เริ่มเร่งความเร็วของเวลาขึ้นสามเท่าและฝึกฝนต่อไป
หลังจากนั้นไม่นาน เย่เทียนก็เปิดพื้นที่สมองขึ้นมา 1% ซึ่งมันเร็วกว่าเดิมตั้งไม่รู้กี่เท่า”จักรพรรดิจันทราสามารถเปิดพื้นที่สมองได้ 100% ในสามปีและเรามีพรสวรรค์ในการบ่ม เพาะระดับตะวันด้วยความเร็วเช่นนี้คาดว่าเราจะสามารถเปิดพื้นที่สมองได้ครบ 100% ภายใน เวลา 6-7 เดือนและเรายังสามารถเร่งเวลาขึ้น 3 เท่าซึ่งจะเท่ากับ 2 เดือนของโลกภายนอก!”
เย่เทียนคาดเดา
น่าเสียดายที่เขาสามารถฝึกฝนที่นี่ได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น
“หนึ่งเดือนก็ดีแล้วเราไม่ควรโลภมากเกินไปตามที่จักรพรรดิ์จันทราบอกการจะเปิดใช้งานตําหนักเทพจันทรานั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงมากคราวนี้เพื่อช่วยน้องเธอคงสูญเสียทรัพยากรไปไม่
น้อย!” เย่เทียนคิด
เวลาผ่านไปทุกวัน การบ่มเพาะของเย่เทียนพัฒนาขึ้นด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
พริบตาเดียว ก็เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว!