บทที่ 200 ทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สอง!
หลังจากนั้นไม่นาน
เย่เทียนบินไปไกลแล้ว โลกของสัตว์อสูรนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ยากที่จ้าวแห่งสัตว์อสูรจะหาเขาพบ
ท้ายที่สุดเขาก็ประสบความสําเร็จ!
ผลมังกรศักดิ์สิทธิ์สองผลตกเป็นของเขาแล้ว!
อีกด้านหนึ่ง
ผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกผลบนต้นผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ถูกจ้าวแห่งสัตว์อสูรหกตนแย่งชิงไปจากนั้นพวกมันก็แยกย้ายกันหลบหนีเพราะกลัวว่าจะถูกตลบหลัง
จ้าวเต่าทมิฬ,จ้าวมังกรดําและเจ้าพยัคฆ์ทมิฬยังคงตามหาร่องรอยของเย่เทียนไม่เจอเห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกมันหมดหวังแล้ว
ไม่นาน
พวกมันก็เอะใจ ก่อนจะตระหนักได้อสูรคริสตัลตามังกรนั้นเป็นร่างปลอม
อสูรคริสตัลตามังกรเป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่มีชื่อเสียง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชอบมันแต่พวกมันก็รู้ถึงความสามารถของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีมันไม่มีทางที่จะล่องหนหรือเคลื่อนย้ายพริบตา ใช้คมดาบมิติได้?
อีกอย่างการล่องหนนี้ดูเหมือนจะเป็น ความสามารถของอสูรมายาตัวนั้น!
“อสูรคริสตัลตามังกรก่อนหน้านี้ออกไปไล่ล่าสัตว์อสูรมายาหลังจากที่มันกลับมามันสามารถล่องหนได้อสูรคริสตัลตามังกรตัวจริงจะต้องถูกฆ่าไปแล้วอย่างแน่นอนที่เราไล่ล่าอยู่จะต้องเป็นสัตว์อสูรมายาที่ปลอมตัวมา!”จ้าวมังกรดําคํารามด้วยความโกรธทันใดนั้น
“จริงสิ อสูรคริสตัลตามังกรไม่สิอสูรมายาตัวนั้นตอนที่มันหายไป เป็นไปได้ไหมว่ามันจะปลอมแปลงเป็นสัตว์อสูรชนิดอื่นอีกครั้ง?”
จ้าวมังกรดาคิดทบทวน
จากนั้นจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้งสามเจ้าก็กลับมาและมาถึงพื้นที่ที่พวกมันโจมตีอย่างบ้าคลั่งก่อนหน้านี้ก่อนจะใช้จิตสํานึกกวาดผ่านพื้นที่นี้และหวนนึกถึงสิ่งที่เห็นก่อนหน้านี้
ด้วยความทรงจําของระดับจักรพรรดิไม่นานพวกมันก็ค้นพบความแตกต่างระหว่างก่อนหน้านี้และปัจจุบัน
“มีศพของตัวนิ่มหายไปสัตว์อสูรในบริเวณนี้แทบตายกันไปหมดแล้วเป็นไปไม่ได้ที่สัตว์อสูรตัวอื่นจะกินศพของตัวนิ่ม!”เต่าทมิฬเอ่ยด้วยน้ําเสียงสั่นเทามันตกใจมากจ้าวแห่งสัตว์อสูรทั้งสามมองหน้ากันและคิดถึงความเป็นไปได้
“ตัวนิ่มตัวนั้นตั้งเป็นทักษะปลอมตัวของสัตว์อสูรมายาเป็นแน่แต่ตัวนิ่มตัวนั้นตายไปแล้วชัดๆ!เจ้าสัตว์อสูรมายาตัวนั้นแกล้งตายเพื่อหลอกพวกเรา!”
ดวงตาของจ้าวพยัคฆ์ทมิฬหดเล็กลงมันตกตะลึงกับความสามารถในการแกล้งตายของสัตว์อสูรมายามาก
ในขณะเดียวกันภายในถ้ำใต้ดินที่เย่เทียนซ่อนตัวอยู่
ในเวลานี้ซากศพของอสูรคริสตัลตามังกรที่เขาใช้อยู่นั้นอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างสมบูรณ์หากไม่ใช่ต้องน่าผลมังกรศักดิ์สิทธิ์กลับมาเขาคงจะสละร่างนี้ทิ้งไปแล้ว
ทันทีที่เขากลับมาถึง เย่เทียนก็นําผลมังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองผลออกมาและวางมันลงบนพื้น
จากนั้นเขาก็ปลดเปลื้องพรสวรรค์ถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงจากนั้นวิญญาณของเขากลับไปยังร่างจริง
เมื่อสูญเสียจิตวิญญาณไปอสูรคริสตัลตามังกรก็กลายเป็นศพที่ไม่สมบูรณ์
“ผลมังกรศักดิ์สิทธิ์สองผล!”
เย่เทียนจ้องเขม็งไปที่ผลมังกรศักดิ์สิทธิ์สองผล ภายในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก”เก็บมันไว้ก่อน!”
เย่เทียนเขาเก็บผลมังกรศักดิ์สิทธิ์สองผลไว้ในมิติส่วนตัวและออกจากสถานที่แห่งนี้ไป
เขายังไม่ได้รีบกลับไปที่ฐานจุงไห่แต่เตรียมที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาก่อน
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาแข็งแกร่งพอที่จะเทียบได้กับจักรพรรดิขวานสงครามก็จริงแต่มันก็ยังไม่เพียงพอ!
เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งสัตว์อสูรมังกรดําาแล้ว นับว่ายังน้อยกว่ามาก
หากต้องการปกป้องเยว่เอ๋อปกป้องน้องสาวและการปกป้องฐานทัพจงไห่เขาจะต้องมีความ
สามารถมากพอที่จะเอาชนะจ้าวแห่งสัตว์อสูรมังกรดําา
เย่เทียนเตรียมทําลายขีดจํากัดของร่างกายให้ถึงครั้งที่ 3แล้วค่อยกลับไปถึงตอนนั้นแม้ว่าเขาจะไม่สามารถต่อกรกับมังกรดําได้ อย่างน้อยเขาก็ยังพอที่จะรับมือมันได้อยู่บ้างแม้ว่าจะถูก
มังกรดาโจมตีเขาก็จะสามารถปกป้องชีวิตของตัวเองได้
ต่อมา
เย่เทียนก็มาถึงภูเขามังกรเพลิงอีกครั้งเขาวางแผนที่จะใช้ปราณอัคคีในที่แห่งนี้เพื่อขัดเกลา
ร่างกายของเขาอย่างน้อยพลังปราณปฐมแห่งอัคคีก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากมันทําให้เขาสามารถ
ขัดเกลาร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว วันแล้ววันเล่าก็ผ่านไป
เย่เทียนยังคงใช้ปราณอัคคีในลาวาเพื่อขัดเกลาร่างกายของเขา มันทําให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน
และในระหว่างการฝึกฝนเขาก็เปิดใช้งานพรสวรรค์ด้านเวลาเร่งเวลาขึ้น 3 เท่าบวกกับพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับตะวันของเขา ความเร็วในการฝึกฝนของเขารวดเร็วกว่าปกติถึงสิบส่วน
“ตามที่เยว่เอ๋อบอกการทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สองเป็นคอขวดแรกที่ง่ายที่สุดของการบ่มเพาะในระดับจักรพรรดิโดยทั่วไปแล้วไม่มีใครสามารถที่จะทําลายคอขวดนี้ได้ภายใน 10 ปี และการจะทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่ 3 นั้นหากไม่มีโอกาสและพรสวรรค์เพียงพอก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 30 ปีหรือ 40 ปีหรืออาจจะ 50 ปีเลยก็ได้เยว่เอ๋อมีมรดกของนิกายจันทรทราหลังจากใช้มันอยู่หลายครั้งไม่นานเธอก็สามารถทําลายขีดจํากัดครั้งที่ 3 ได้จักรพรรดิขวาน
สงครามเองก็เพิ่งจะทําลายกิจจํากัดทางร่างกายไปแค่ 3 ครั้งเท่านั้น!”
เย่เทียน ม ากับตัวเอง
ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับจันทราต้องการเวลา 10 ปีเพื่อทำลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สองแต่เขาไม่จําเป็นต้องท่าเช่นนั้น
เขามีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะระดับตะวันความเร็วในการบ่มเพาะของเขานั้นเหนือกว่าระดับ
จันทราอย่างน้อยห้าเท่าเท่ากับว่าเขาใช้เวลาในการทะลวงคอขวดขีดจํากัดทางร่างกายครั้งที่ 2 ในเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้นแต่การเร่งความเวลาขึ้นสามเท่าก็ช่วยประหยัดเวลาได้ถึงสามเท่าอย่าง มากก็ใช้เวลาเพียงแค่ 8 เดือนเพื่อทําลายขีดจํากัดทางร่างกายครั้งที่ 2 การสกัดปราณอัคคีของภูเขามังกรเพลิงมีผลดีและช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก
เย่เทียนคํานวณดูคร่าวๆเขาน่าจะใช้เวลาเพียงครึ่งปีก็สามารถทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สองได้แล้ว
เมื่อถึงเวลานั้นความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันเพียงพอที่จะเอาชนะจักรพรรดิ์ขวานสงครามได้อย่างง่ายดาย
ดังนั้นเย่เทียนจึงเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในภูเขามังกรเพลิงเป็นเวลาครึ่งปี เขาทุ่มเทฝึกฝนทั้งกลางวันและกลางคืนในขณะเดียวกันเขาก็ปลอมตัวเป็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งเพื่อไม่ให้เจอปัญหาและให้
พวกมันเข้าใจว่าดินแดนแห่งนี้เป็นของเจ้านายคนใหม่แล้ว
ดังนั้นเย่เทียนจึงสามารถทุ่มเทให้กับการฝึกฝนเป็นเวลาครึ่งปีภายใต้สภาพแวดล้อมที่ปราศจากการรบกวนของสัตว์อสูร
ปากปล่องภูเขาไปมังกรเพลิงภายในลาวา
เย่เทียนกําลังดูดซับพลังปราณอัคคีจากในลาวา
ในตอนนี้ กลิ่นอายของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เขากําลังทะลวงขีดจํากัดของร่างกายเป็นครั้งที่สองของระดับจักรพรรดิและเมื่อเขาทะลวงผ่านได้สําเร็จ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากน้อย
การทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่สองไม่ใช่เรื่องยาก ดังนั้นเย่เทียนจึงไม่ต้องกังวลแม้แต่ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ตูม!
ลาวาระเบิดและทั่วทั่งภูเขามังกรเพลิงสั่นไหว
กลิ่นอายที่น่าหวั่นเกรงระเบิดออกมาจากร่างของเย่เทียน
เขาทะลวงผ่านสําเร็จแล้ว!
“ครึ่งปีในที่สุดเราก็สามารถทําลายขีดจํากัดของร่างกายได้เป็นครั้งที่สองในตอนนี้เรามีความแข็งแกร่งทางร่างกาย 200 มังกรซึ่งมันแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนถึง 2 เท่าหากพูดถึงพลังโจมตีมันเทียบได้กับจักรพรรดิขวานสงครามนอกจากนี้เรายังมีพรสวรรค์อีกมากมาย จักรพรรดิความสงครามไม่นับว่าเป็นปัญหาอีกต่อไป!”
เย่เทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ
จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีกหลายวันเพื่อทําให้พลังของเขาหลังจากทะลวงผ่านระดับมั่นคง
แต่ไม่นานเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณปฐมอัคคีในที่แห่งนี้อ่อนลงมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
” แน่นอนว่าการใช้พรสวรรค์ร้านเปลวเพลิงระดับลึกลับในการขัดเกลาร่างกายเพียงอย่างเดียว
ผลลัพธ์ของมันจะน้อยลงเรื่อยๆหากเรายังคงใช้พลังปราณอัคคีในการขัดเกลาร่างกายต่อไปการทําลายขีดจํากัดของร่างกายครั้งที่ 3 มันคงต้องใช้เวลาอีกนาน!”
เย่เทียนไม่สามารถทนต่อการฝึกฝนที่เชื่องช้าเช่นนี้ได้เขาต้องเปลี่ยนพลังปราณธาตุเพื่อขัดเกลาร่างกายดังนั้น
เย่เทียนจึงมุ่งหน้าออกจากภูเขามังกรเพลิงเพื่อค้นหาสถานที่ใหม่เพื่อใช้ในการฝึกฝน
หลังจากสะกดจิตสัตว์อสูรด้วยพรสวรรค์สะกดจิตเย่เทียนก็ค้นพบสถานที่ฝึกฝนที่เหมาะสมกับเขาซึ่งมันก็คือผาวายุคลั่ง!ผาวายุคลั่งเป็นสถานที่แปลกประหลาดที่แห่งนี้มีพายุที่รุนแรงสามารถฉีกกระชากร่างของสัตว์อสูรระดับราชาได้นอกจากสัตว์อสูรที่มีธาตุลมบางตัวก็อาศัยอยู่ที่นั่นโดยที่ไม่ยอมให้สัตว์อสูรชนิดอื่นเข้าใกล้
ด้วยความที่มีพายุอันรุนแรงหมุนๆอยู่ตลอดเวลามันเป็นเรื่องง่ายที่จะถูกคัดออกไปดังนั้นโดย
ปกติแล้วสัตว์อสูรทั่วไปจะไม่อาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้
แต่พายุที่ทรงพลังเช่นนี้เป็นสิ่งที่เย่เทียนต้องการเขามีพรสวรรค์เบญจธาตุแปรผันระดับพระเจ้าที่สามารถเปิดใช้งานธาตุทั้ง 5 ได้ตามใจชอบและฝึกฝนในสถานที่เช่นผาวายุคลั่งจะทําให้เขาสามารถขัดเกลาร่างกายได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น