บทที่ 212 สิ่งมหัศจรรย์ระดับห้าดาว!
จักรพรรดิอสูรกลืนนภาที่ถูกสะกดจิตและได้เล่าทุกอย่างที่มันรู้ออกมาไม่นาน
เย่เทียนก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
ที่แท่โลกวานรมังกรนี้เป็นโลกที่เคยถูกสัตว์อสูรวานรปกครองแต่อยู่มาวันหนึ่งเผ่ามังกรกลุ่มหนึ่งก็ได้มาถึงหลังจากนั้นเผ่าวานรส่วนใหญ่ก็ล้วนถูกสังหารตั้งแต่นั้นมาในโลกแห่งนี้จึงถูกครอบครองโดยเผ่าพันธุ์มังกรนั่นเป็นเหตุที่ว่าทําไมถึงมีสายเลือดของมังกรอยู่มากมายในโลกใบนี้
ด้วยเหตุนี้โลกของสัตว์อสูรนี้จึงถูกเรียกว่าโลกวานรมังกร
ครั้งหนึ่งในโลกวานรมังกรนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากมีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิอยู่มากมายและยังมีสัตว์อสูรที่มีระดับสูงกว่าจักรพรรดิอยู่จํานวนเล็กน้อย
แต่สิ่งหนึ่งที่ทําให้โลกวานรมังกรนี้ตกต่ำลงนั่นก็คือเผ่ามังกรได้วางค่ายกลขนาดใหญ่เพื่อดูดซับพลังปราณของโลกทั้งใบเพื่อให้กําเนิดสิ่งมหัศจรรย์
นับแต่นั้นเป็นต้นมาปราณปฐมสวรรค์และปฐพีของโลกใบนี้ก็ค่อยๆถูกซึมซับไปทําให้พลังปราณของโลกลดลงเป็นอย่างมาก สัตว์อสูรที่มีพรสวรรค์ทางสายเลือดระดับตะวันก็ยังยากที่จะ
ปรากฎขึ้น ตอนนี้โลกใบนี้แทบจะกลายเป็นเพียงตํานานไปแล้ว
โลกวานรมังกรค่อยๆตกต่ำลงและเผ่ามังกรก็ได้จากไปนานแล้ว
ทุกๆ 10,000 ปี โลกวานรมังกรนี้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นหลังจากนั้นจะมีมังกรตัวหนึ่งมาเก็บสิ่งมหัศจรรย์นั้นแล้วจากไป
“พลังปราณของโลกสมควรที่จะเป็นพลังของดาวดวงนี้เมื่อพลังแห่งดวงดาวถูกดูดกลืนดวงดาวจะค่อยๆเสื่อมสภาพหากไม่ถอนค่ายกลนั้นออกไปแล้วละก็โลกวานรมังกรนี้อีกไม่นานคงจะกลายเป็นดาวมรณะ!” เย่เทียนคาดเดา
เมื่อสอบถามตี้หลิงเย่เทียนก็ค้นพบความลับที่สําคัญอย่างรวดเร็ว นั่นคือที่มาของศิลาแห่งการรู้แจ้ง!
ศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่เผ่ามังกรให้กําเนิดขึ้น!
ศิลาแห่งการรู้แจ้งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อ 13,000 ปีก่อนเนื่องจากมันอยู่ในอาณาเขตของสัตว์อสูรกิเลนสวรรค์มันจึงถูกสัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ยึดครองและตั้งแต่นั้นมาสัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ก็แข็งแกร่งขึ้นเป็นอย่างมาก
แต่ถึงอย่างนั้น สัตว์อสูรกิเลนสวรรค์ก็ไม่กล้าขยับแผ่นศิลาแห่งการหนูแจ้งเพราะพวกมันต่าง
รู้ดีว่าศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้เป็นของเผ่าพันธุ์มังกรพวกมันจึงทําเพียงใช้งานศิลาแห่งการรู้แจ้งแต่ไม่กล้าเคลื่อนย้ายมัน
แต่หลังจาก 10,000 ปีผ่านไปเผ่ามังกรยังไม่ปรากฎตัวสัตว์อสูรกิเลนสวรรค์จึงมีความคิดที่จะครอบครองมันอย่างถาวรในขณะเดียวกันสัตว์อสูรตัวอื่น ๆ ก็เริ่มมีความคิดที่จะแย่งชิงมัน
เพียงแต่ว่า
พวกมันยังคงกังวลว่าเผ่ามังกรอาจจะมาช้ากว่ากําหนดจึงไม่กล้าแย่งชิงแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งหากเผ่ามังกรปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆแล้วเราก็เผ่าของสัตว์อสูรเหล่านั้นอาจจะได้รับผลกระทบซึ่งไม่ใช่สิ่งที่พวกมันต้องการ
แต่หลังจาก 3000 ปีผ่านไป ท้ายที่สุดความอดทนของเหล่าสัตว์อสูรก็หมดลง เผ่าวานรสามตาจึงเริ่มเคลื่อนไหวก่อสงครามแย่งชิงศิลาแห่งการรู้แจ้งสุดท้ายมันก็ตกมาอยู่ในมือของตี้หลิง !
ตี้ หลิง คิดว่าเผ่ามังกรคงจะละทิ้งโลกวานรมังกรไปแล้วหรืออาจจะเกิดปัญหาขึ้นภายในเผ่าของพวกมันทําให้เขามังกรไม่ได้เดินทางมานําศิลาแห่งการรู้แจ้งไป
“สิ่งมหัศจรรย์อย่างนั้นหรอ!”
เย่เทียนจ้องมองที่แผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งเขาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความปรารถนา
เขาได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการแบ่งแยกระดับของสิ่งมหัศจรรย์จากปากของตี้ หลิง สิ่งของล้ำค่าเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่แปลกประหลาดที่ถูกสร้างขึ้นจากสวรรค์และโลกพวกมันจะแบ่งเป็น 1 ดาวถึง 9 ดาวตามความสามารถและหน้าที่ของพวกมัน
และศิลาแห่งการรู้แจ้งมีระดับห้าดาว!
จากที่เย่เทียนคาดเดาศิลาเทพสงครามน่าจะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ระดับสี่ดาว ซึ่งด้อยกว่าศิลาแห่งการรู้แจ้งที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ระดับ 5 ดาวเล็กน้อยรอ?”
“ไม่ว่าโลกไหนก็ตาม หากมีพลังปราณก็สามารถให้กําเนิดสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆได้อย่างนั้นเหเย่เทียนคาดเดา
แต่โลกใบนี้มีขนาดใหญ่มากพื้นที่ที่เขาเคยเข้ามาเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ําแข็งเท่านั้นหาก
เขาต้องการตามหาสิ่งมหัศจรรย์ของโลกใบนี้ให้เจอแล้วล่ะก็ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยอย่างไรก็ตามสิ่งมหัศจรรย์ระดับห้าดาวนั้นมีค่ามาก ใครก็ตามที่ได้ครอบครองสิ่งมหัศจรรย์
ระดับ 5 ดาวนับได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ได้รับกําไรมากมายมหาศาล
“เก็บ!”
เย่เทียนพยายามเก็บศิลาแห่งการรู้แจ้งไว้ในมิติส่วนตัว แต่เขาก็ต้องแปลกใจ
ศิลาแห่งการรู้แจ้งนี้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ เขาไม่สามารถส่งมันเข้าไปในมิติส่วนตัวได้
“ไม่สามารถเก็บไว้ในมิติส่วนตัวได?”
เย่เทียนขมวดคิ้ว
เขาถามตี้หลิงอีกครั้งก่อนที่จะรู้ถึงสาเหตุของเรื่องนี้
มันเป็นเพราะสิ่งมหัศจรรย์ไม่สามารถเก็บได้โดยอุปกรณ์มิติ ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีกฎเกณฑ์ที่
แปลกประหลาดไม่ว่าจะต้องการส่งมันเข้ามิติอย่างไรก็ไม่สามารถทําได้มิฉะนั้นตี้หลิงคงเก็บมันไว้ในมิติของมันนานแล้วไม่มีทางที่มันจะทิ้งไว้ในถ้ำเช่นนี้
“ยุ่งยากจริงๆ!”
เย่เทียนถอนหายใจ
ทันใดนั้น
เขาเปิดใช้งานพรสวรรค์ในการปลอมตัวปลอมตัวเป็นวานรยักษ์ที่สูงกว่าพันเมตรแล้วคว้าแผ่นศิลาแห่งการรู้แจ้งขนาด 100 เมตรแล้วจากไป
สําหรับตี้หลิงเขาทําลายจิตวิญญาณของมันด้วยหนามวิญญานไปแล้ว
สําหรับศัตรูเย่เทียนไม่มีทางเห็นใจ
วานรยักษ์ที่แบกศิลาแห่งการรู้แจ้งไว้มันดูดึงดูดหายนะเกินไป ใครจะรู้ว่าโลกวานรมังกรนี้อารจะมีสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่น่ากลัวซ่อนอยู่หรือไม่ดังนั้นเย่เทียนจึงเปิดใช้งานพรสวรรค์ล่องหน
ด้วยวิธีนี้แทบจะไม่มีสัตว์อสูรตนใดสังเกตถึงการคงอยู่ของเย่เทียนไม่นาน
เย่เทียนก็มาถึงรอยแยกของมิติ และในตอนนี้เขาก็พบวานรยักษ์ขนาดมหึมาตัวหนึ่งกําลังนั่งอยู่ใกล้ๆรอยแรกราวกับภูเขาลูกใหญ่ ดวงตาคู่นั้นของมันเป็นสีทอง
ข้างกายวานรยักษ์ตัวนี้มีสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์และสัตว์อสูรระดับราชาอยู่มากมาย
“ดวงตาสีทองของมันช่างคุ้นเคยยิ่งนัก มันคงจะเป็นสัตว์อสูรระดับจักรพรรดิที่โจมตีเราด้วยหอกสีทอง!”
เย่เทียนจดจํามันได้ในทันที
ตรวจสอบ!
พรสวรรค์ในการคัดลอกปกคลุมอีกฝ่ายและไม่นานพรสวรรค์ของวานรยักษ์ก็ปรากฏขึ้นบนจอประสาทตาของเย่เทียน
ประเภท: คิงคองเนตรโทสะ
พรสวรรค์ทางสายเลือด: จันทรา
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง: ระดับสูง
พรสวรรค์ด้านการป้องกัน: ระดับสูง
พรสวรรค์หอกทอง: ปานกลาง
“พรสวรรค์ของมันนําเกินไปหรือเปล่า?”
ตอนแรกเย่เทียนคิดว่าเจ้าของดวงตาสีทองนั้นต้องมีพรสวรรค์ที่น่ากลัวอย่างแน่นอนแต่เขาไม่คิดเลยว่าพรสวรรค์ของมันจะไร้ค่าขนาดนี้!
แม้แต่สัตว์อสูรจํานวนมากที่เป็นลูกน้องของมันยังมีพรสวรรค์พิเศษที่มากกว่ามันข้อได้เปรียบอย่างเดียวของคิงคองเนตรโทสะก็คือพลังบ่มเพาะไม่เช่นนั้นมันคงจะเป็นเพียงแค่สัตว์
อสูรทั่วไปในขณะเดียวกัน
เย่เทียนยังพบสัตว์อูรพิเศษอีกตัว
ประเภท: วานรโลหิตอมตะ
พรสวรรค์ทางสายเลือด:ดารา
พรสวรรค์ด้านพละกําลัง:ระดับสูง
พรสวรรค์ด้านการป้องกัน:ระดับสูง
พรสวรรค์ด้านความเร็ว:ระดับสูง
พรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณ:ระดับสูง
“พรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงวานรวิญญาณทองที่ถูกหยุนเมิ่งหลี่สังหารไปก่อนหน้านี้น่าจะเป็นร่างที่วานรโลหิตอมตะยึดครองเข้าสู่โลกของมนุษย์วานรวิญญาณทองในเวลานั้นมีพรสวรรค์ด้านพละกําลังด้านการป้องกันด้านความเร็วอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งสอดคล้อง กับเงื่อนไขของพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณ หากยึดครองร่างเป้าหมายเมื่ออยู่ในร่างนั้นพรสวรรค์จะลดลง 1 ระดับ”
เย่เทียนคิดในใจ
แม้ว่าวานรโลหิตอมตะจะเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์แต่ด้วยพรสวรรค์ในการถ่ายโอนวิญญาณระดับสูงมันเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง ตราบเท่าที่มันมีเวลามากพอในการเติบโตมันจะสามารถยึดครองร่างของสัตว์อสูรตัวอื่น บุกไปยังโลกครั้งแล้วครั้งเล่า โดยที่ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อมัน
เพราะตราบใดที่วิญญาณยังไม่ตายมันก็สามารถกลับเข้าสู่ร่างจริงได้
“สัตว์อสูรเช่นนี้เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงเราไม่สามารถปล่อยมันไปได้!”
เย่เทียนเปิดใช้งานทักษะหนามวิญญาณ
พรูดดด!!!!
หนามวิญญานพุ่งทะลุวิญญาณของวานรโลหิตอมตะ
วานรโลหิตอมตะอยู่ในร่างจริงของมัน แต่ถึงแม้ว่ามันจะใช้ร่างของสัตว์อสูรตัวอื่นอยู่ การโจมตีของเย่เทียนก็สามารถทําลายวิญญาณของมันได้โดยตรง
“เกิดอะไรขึ้น?”
คิงคองมองไปที่วานรโลหิตอมตะซึ่งเป็นลูกน้องคนสําคัญของเขาในขณะที่มันล้มลงและตอนนี้ลมหายใจของมันหายไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อเห็นเช่นนั้นมันก็ตกใจมาก
ทําไมจู่ๆสัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ถึงตายอย่างกะทันหัน?
“มีศัตรูโจมตี!”
ทันใดนั้น คิงคองก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้เอง
คมดาบมิติเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นและโจมตีเข้ามา
“ตี้ หลิง!!!!”
คิงคองเข้าใจผิดคิดว่าตี้ หลิง เป็นสัตว์อสูรที่ลงมือ เพราะสัตว์อสูรที่มีพลังมิติที่มันรู้จักมีเพียงตี๋ หลิงเท่านั้น
หากตี้ หลิง ยังมีชีวิตอยู่ มันจะต้องสบถด่าคิงคองอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ตี้หลิงไม่รู้ว่ามันถูกคิงคองเข้าใจผิดแต่ก่อนที่คิงคองกําลังจะตามมันเป็นวานรยักษ์ที่มันไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้น
ใครกัน? ร่างของคิงคองถูกคมดาบมิติฟันขาดเป็นสองส่วนและตายไปอย่างสมบูรณ์
“กักขังมิติ!”
เสียงราบเรียบดังขึ้นจากความว่างเปล่า
วินาทีถัดมาสิ่งแวดล้อมทั้งหมดก็หยุดชงักสัตว์อสูรจํานวนนับไม่ถ้วนถูกกักขังในขณะเดียวกันทะเลเพลิงก็ปรากฎขึ้นแผดเผาสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนสลายกลายเป็นเถ้าธุลี