นี่เป็นลานฝึกอัศวินค่ะ”
“โอ้โห เป็นลานฝึกที่ดูดีและกว้างใหญ่ขนาดนี้เชียว”
วันถัดมาหลังจากข้าหาที่พักได้แล้ว
ข้าก็มาถึงลานฝึกอัศวินโดยมีอลิเซียเป็นคนแนะนำ
จะว่าไป ที่พักของข้านั้นอยู่ห่างจากถนนเส้นหลักของเมือง ซึ่งห่างจากกองอัศวินและกิลด์นักผจญภัยนิดหน่อย
ถ้าเดินจากที่พัก สักพักก็จะเจอเข้ากับย่านร้านค้า ร้านอาหาร และที่สำคัญใกล้ๆกันนั้นก็มีร้านตีเหล็กด้วย
จะด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ อลิเซียมีท่าทีคัดค้านต่อการตัดสินใจของข้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ข้าจะต้องเก็บมาคิดหรอก
แล้วเพราะที่นี่เป็น “ที่พักชั้นดี ราคาไม่แพง” ตามมาตรฐานของเซเลน่าที่เป็นนักผจญภัยขั้นสีนิลซึ่งมีรายได้ไม่ธรรมดา
จึงเป็น “ที่พักดี สมราคา” ตามมาตรฐานของข้าไปโดยปริยาย
ที่พักแถวรอบๆกิลด์และกองอัศวินมันก็ดีอยู่หรอก
แต่เพราะเป็นแถบใจกลางเมือง ค่าที่พักจึงมีราคาค่อนข้างสูง
ไม่ใช่ว่าข้าไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าที่พักค้างคืนได้ แต่ถ้าคำนึงถึงการอาศัยอยู่เมืองนี้ในระยะยาวแล้ว
ค่าใช้จ่ายอะไรที่ไม่จำเป็น ตัดได้ก็ตัดออกเลยดีกว่า
“ระดับท่านอาจารย์ ควรได้ที่พักโรงแรมที่ดีกว่านี้นะคะ” เซเลน่าบอกกับข้าอย่างนั้น แต่ข้ายืนยันว่าราคาที่พักที่นี่เหมาะสมกับข้าดีแล้ว
ข้าไม่ได้อยากใช้ชีวิตหรูหราและไม่มีปัญหาอะไรถ้าจะใช้ชีวิตตามอัตภาพในเมืองนี้
เดิมทีข้าก็เป็นตาลุงบ้านนอกอยู่แล้ว จึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องคุณภาพชีวิตในเมืองหลวงมากนัก
“ดูเหมือนทุกคนก็พยายามฝึกฝนตามแนวทางของตัวเองอยู่นะ”
“ค่ะ เป็นอย่างนั้นแหละค่ะ”
อลิเซียตอบกลับข้าหลังจากที่ข้าเลิกคิดเรื่องวุ่นวายในหัว ก็สังเกตเห็นว่าในลานฝึกนั้น มีอัศวินอยู่หลายคนที่พยายามฝึกฝนอย่างหนักทีเดียว บางคนก็กำลังฝึกฟันดาบกับหุ่นไม้ บางคนก็ซ้อมประลองดาบกัน บางคนก็ฝึกเรื่องการเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย และบางคนก็นั่งพักหลังฝึกซ้อม
“ทุกคน จงฟัง!”
อลิเซียประกาศเสียงก้องกังวาลไปทั้งลานฝึกนั้น นั่นทำให้เหล่าอัศวินที่กำลังฝึกซ้อมอยู่พลันหยุดกึกในทันใด
“เราได้เลื่อนกำหนดการฝึกเดิมของท่านอาจารย์เบริล ให้เปลี่ยนมาเป็นเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป”
อลิเซียกล่าวต่อ “ขอให้ทุกคนตั้งใจฝึกให้มากขึ้นด้วย”
“ก่อนอื่นต้องขอโทษที่อยู่ดีๆ ข้าก็เข้ามาขัดจังหวะการฝึกของทุกคนแบบนี้”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนนะ”
พอข้าแนะนำตัวเสร็จ ทุกอย่างก็เงียบสงัด มีลมพัดมาวูบหนึ่งพร้อมกับสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ข้า อื้อหืออออ อะไรวะเนี่ย
ดูท่าทางแล้ว การที่ตาแก่อย่างข้าอยู่ดีๆก็เข้ามาเป็นครูฝึกแบบนี้ คงทำให้พวกเขาสงสัยและไม่ไว้วางใจข้าอยู่มั้ง
“เดี๋ยวก่อนครับ ท่านหัวหน้า” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวและก้าวออกมาข้างหน้าแถวทำลายความเงียบสงัดขณะนั้น
“…เฮนบริทช์รึ? เจ้ามีปัญหาอะไรไม่ทราบ” อลิเซียถามเขา
เท่าที่สังเกตดู ข้าคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะมีอายุมากกว่าอลิเซียนิดหน่อย เขาเป็นชายผิวสีแทน (น้ำตาลอ่อน) จมูกโด่งเป็นสัน รูปตาเรียวยาว ลักษณะรูปร่างที่มองผ่านเครื่องแต่งกายของเขาแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและร่างกายที่สมบูรณ์พร้อม
“พวกเราคืออัศวินแห่งริเบลิโอ้อันทรงเกียรติ” เฮนบริทช์กล่าว
“ตัวข้านั้นไม่ได้ติดใจถึงชื่อเสียงของท่านเบริล….แต่ข้าก็อยากจะพิสูจน์ฝีมือท่านด้วยตาข้าเอง”
สายตาของเฮนบริทช์ทิ่มแทงมาที่ข้าอย่างเห็นได้ชัด
นั่นไง โผล่ออกมาจนได้ ในตอนที่ข้าแนะนำตัว ข้าก็รู้สึกได้ถึงสายตาไม่เป็นมิตรที่จับจ้องมาที่ข้า
นี่มาจากชายคนนี้จริงรึนี่? ข้าไม่ได้บอกว่าข้าดูถูกเขานะ แต่ข้ารู้สึกว่า “เจ้าหมอนี่ใหญ่มาจากไหนกันฟระ”
“อลิเซีย เขาเป็นใครรึ?” ข้าหันไปถามนาง
“เฮนบริทช์ ดราวช์” เธอตอบชื่อของเขากลับมาและเสริมว่า “เขาเป็นรองหัวหน้าของหน่วยอัศวินริเบลิโอ้ค่ะ”
“หืมมมม? รองหัวหน้าเหรอ?”
มิน่าล่ะ ถึงได้ทำท่าทางซะใหญ่โต น่ากลัวแฮะหมอนี่
“ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว นับเป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้ให้ท่านอาจารย์แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมของท่านให้เป็นที่ประจักษ์”
และนั่นคือสิ่งที่อลิเซียกล่าวต่อไป
“เอ๋?”
เมื่อกี้นางพูดจริงรึพูดเล่น?
“ท่านเบริล ที่ข้าทำแบบนี้ ไม่ได้หมายความว่าข้าดูหมิ่นท่าน” เฮนบริทช์กล่าวแล้วยื่นดาบไม้มาให้ข้า
“ข้าเพียงอยากทำความรู้จักกับท่านให้แน่นแฟ้นมากกว่านี้”
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ เวลานี้ ข้าคงไม่อาจปฏิเสธเขาได้ ลำบากซะแล้วสิ นี่ไม่มีตัวเลือกอื่นเลยเรอะ?
“เมื่อเป็นโอกาสดีแบบนี้แล้ว ก็ไปเรียกพวกอัศวินที่เหลือมาเป็นประจักษ์พยานให้หมดเลยดีมั้ย?”
อลิเซียยังชงเข้มๆแบบไม่หยุดยั้ง ไร้นม ไร้น้ำตาล
“อะเด๊ะ? ว่าอะไรนะ?”
ความชิบหายมาเยือนละ
พอแล้วลูกกกกกกก อย่าชงต่อออออ
บอกตามตรง
ถ้าข้าไม่เอาจริง ทำตัวกากๆ คงทำให้ทุกคนผิดหวังกับฝีมือของข้าได้
ไม่สิ ข้าไม่ได้คิดอยากจะอวดฝีมือ เอาหน้าอะไรหรอก
แต่ถ้าพลาดถูกฟันดับอนาถต่อหน้ากองอัศวินขึ้นมานี่มันหนักกว่าขายหน้าอีกนะ
ถึงอย่างนั้น จะให้ข้าพูดอะไรได้ล่ะ เพราะตอนนี้ข้ารับบทบาทเป็นครูฝึกสอนพิเศษให้พวกเขาไปแล้วนี่ ขอโทษด้วยนะ
“งั้นก็ ทั้งสองพร้อมจะประลองรึยัง?” อลิเซียถามมาทางเราทั้งคู่
“ข้าพร้อมแล้ว” เฮนบริทช์ตอบอย่างไม่ลังเล
“…เออ เอาเถอะ พร้อมก็พร้อม” ข้าตอบแบบเซ็งๆ
หลังจากนั้น อลิเซียก็ใช้อำนาจในฐานะหัวหน้ากองอัศวิน เรียกรวมพลอัศวินริเบลิโอ้ทั้งหมด
กลายมาเป็นการประลองท่ามกลางประจักษ์พยานเหล่าอัศวินทั้งหลายแบบนี้
และกรรมการตัดสินการประลองหรือถ้าจะพูดให้ถูกคือ หัวหน้าประจักษ์พยานก็คือ อลิเซียนั่นเอง
“เฮ้ย นี่เรามารวมตัวกันดูอะไรวะเนี่ย?” อัศวินคนหนึ่งถามเพื่อนข้างๆ
“เอ็งไปอยู่ไหนมาวะ?” ไอ้เพื่อนก็ตอบกลับ
“นี่เป็นการประลองดาบระหว่างครูฝึกพิเศษคนใหม่อย่างท่านเบริลกับรองหัวหน้าเฮนบริทช์เลยนะเว้ย”
“เอาจริงดิ?” ยังไม่หยุด ไอ้คนแรกยังถามต่อ
“ข้าไม่ได้เห็นฝึมือของท่านรองหัวหน้ามานานแล้วเหมือนกันนะเนี่ย”
ถึงจะแก่ แต่หูยังดี ข้าได้ยินเสียงจ้อกแจ้กของพวกอัศวินแว่วเข้าหูมา
อืมมม ดูเหมือนว่า รองหัวหน้าเฮนบริทช์จะได้รับความน่าเชื่อถือจากเหล่าอัศวินริเบลิโอ้ไม่ใช่น้อย
ถึงเขาจะยังอายุไม่มากและแสดงท่าทีตอบสนองแบบคนหนุ่มไฟแรง
แต่ดูเหมือนว่าเขาก็ทุ่มเทในการทำหน้าที่อย่างจริงจังจนได้รับความเชื่อถือจากผู้ใต้บังคับบัญชา
กลับกัน มีแต่สายตาเคลือบแคลงสงสัยพุ่งมาที่ข้าผู้รับบทครูฝึกสอนพิเศษว่ามาฝืนสังขารทำอะไรตรงนี้
ข้าก็เข้าใจความรู้สึกของพวกเขาอยู่
อย่างที่เขาว่า การได้รับเลือกเป็นอัศวินคือตำแหน่งอันทรงเกียรติ
แล้วอยู่ดีๆก็มีตาแก่ที่ไหนไม่รู้เข้ามายุ่มย่าม มันก็เป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก บอกไม่ถูกล่ะนะ
ถ้าข้าเป็นพวกเขา ก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน
“ท่านเบริล ข้ายินดีทีได้ประลองกับท่าน” เฮนบริทช์กล่าว
“อืม เช่นกัน” ข้าตอบรับ “ยินดีที่ได้ประลอง”
เราต่างแสดงความนับถือให้กันที่ตรงกลางลานฝึก
นี่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติแสดงความเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นั่นทำให้ข้าเข้าใจในมุมมองของเขาและแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
สายตาของเหล่าอัศวินที่จับจ้องมาที่พวกเรานั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น
ส่วนใหญ่ก็ให้ความคาดหวังไปที่เฮนบริทช์มากกว่าข้าล่ะนะ
เรื่องนั้นดูไม่ยากว่าพวกเขาฝากความหวังไว้ที่ใคร
นั่นเพราะพวกเขารู้ซึ้งถึงความสามารถและบุคลิกภาพของเฮนบริทช์เป็นอย่างดี
รองหัวหน้าอัศวินริเบลิโอ้กับข้ากำลังจะฟาดดาบใส่กันแล้ว
ถึงจะเป็นแค่การซ้อมประลองกัน แต่ไปๆมาๆมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ
ข้าก็แค่ตาลุงบ้านนอกคนหนึ่งแค่นั้นเอง
เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ ตกกระไดก็พลอยโจนไปแล้วกัน
ทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยก็อย่าให้แพ้อย่างน่าอับอายก็แล้วกัน
-กำหนดจิต ตั้งสมาธิ
เฮนบริทช์ยกดาบไม้ขึ้นเตรียมพร้อมและเล็งไปที่จุดตาย
ชะอุ้ย สงสัยข้าคงต้องรับมืออย่างจริงจังซะแล้วสิ
“เช่นนั้นก็” อลิเซียประกาศ “เริ่มการประลองได้!”
เสียงประกาศของเธอดังก้องไปทั่วลาน
ทันทีที่สิ้นเสียง ข้าจับตาเห็นภาพเฮนบริทช์พุ่งตรงมาข้างหน้าอย่างเต็มกำลัง