ตอนที่ 8 ลูกเต๋าไม้ประหลาด
พี่ใหญ่ แบบนี้มันหลอกลวงกันนะ!
จะดีจะร้ายก็ทำภารกิจสำเร็จไปหนึ่งอย่างแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงทำใจไม่ได้ที่จะมองดูซานเย่ว์กับตัวเองกระโดดลงหลุมกับดักไฟอย่างจวนมือปราบเทพด้วยกัน
กำลังคิดจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง โหยวจิ้นกลับชิงเอ่ยปากก่อนแล้วว่า “สำนักมือปราบเทพแม้จะไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนัก แต่กลับมีทักษะเฉพาะของสำนักอย่างอื่นที่ชดเชยกันได้ ในจุดนี้เยี่ยเว่ยหมิงน่าจะเข้าใจแจ่มแจ้งที่สุดนะ?”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างเก้อเขิน เวทชันสูตรศพกับเวทบรรจุศพเป็นสกิลเทพจริงๆ จุดนี้จำต้องยอมรับ แต่ถ้าเทียบกับการไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนัก แบบนี้นับว่าได้อย่างเสียอย่างหรือเปล่าล่ะ
“สำนักมือปราบเทพ ในฐานะที่เป็นสำนักลับ ย่อมต้องแตกต่างกับสำนักในยุทธภพพวกนั้นอยู่แล้ว โอกาสก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว แม่นางน้อย เจ้าต้องเกาะกุมเอาไว้ให้มั่นสิ ผู้แซ่โหยวขอตัว!” พอพูดจบ ทั้งสองก็เห็นเพียงเงาดำถลันวูบ พอเสียงดัง ฟิ้ว! โหยวจิ้นก็หายไปแล้ว
พอโหยวจิ้นปรากฏตัวครั้งแรก ก็แสดงสุดยอดท่าร่างที่เดินทางไปมาได้อย่างไร้ร่องรอยแล้ว แสดงให้ผู้เล่นทั้งสองเห็น ทำให้อดทะเยอทะยานบ้างไม่ได้
หล่อเท่เกินไปแล้ว!
ต้องรอเมื่อไรกัน ตัวเองถึงจะมีความสามารถแข็งแกร่งขนาดนี้ได้
“ในที่สุดก็ถึงเวลาตรวจสอบคุณสมบัติประจำตัวแล้ว!” ซานเย่ว์ยังกำป้ายอาญาสิทธิ์เข้าจวนมือปราบเทพไว้ในมือ กำลังมองจุดที่โหยวจิ้นหายตัวไปอย่างเหม่อลอย เยี่ยเว่ยหมิงดึงสติกลับมาจากความตกตะลึงก่อนแล้ว กำหมัดถูฝ่ามือพร้อมถามว่า “เจ้าจะคลำหรือจะให้ข้าคลำ”
ซานเย่ว์อึ้งไปชั่วขณะ ถามโดยสัญชาตญาณว่า “คลำอะไร” แต่ตอนที่พูดออกไป นางก็ตระหนักได้ทันที ว่าเหมือนตัวเองจะถามคำถามที่ปัญญาอ่อนมากออกไป จึงรีบพูดเสริมว่า “ที่จริงเมื่อก่อนข้าก็ไม่เคยเจอ BOSS มาก่อน ไม่รู้โชควาสนาของตัวเองเป็นอย่างไรด้วย แต่เมื่อก่อนตอนเล่นเกมอื่น ข้าก็ดวงไม่แย่เลยนะ”
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ว่านางพูดอย่างนี้ก็เพราะอยากจะลองเสี่ยงโชคตรวจคลำศพดูสักหน่อย จึงแสดงความใจกว้าง “สุภาพสตรีเชิญก่อน”
นึกไม่ถึงว่าเขาจะไม่สนใจเก็บของแบบนี้ ทำให้ภาพพจน์ของเขาในก้นบึ้งหัวใจซานเย่ว์สูงขึ้นอีกหลายส่วน คำว่าจิตใจกว้างขวาง กล้าได้กล้าเสีย และศัพท์ต่างๆ ถูกผลักไปที่ตัวเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ต้องทราบไว้ว่าจนกระทั่งตอนนี้ ทั้งสองยังรู้จักกันได้ไม่ถึงหนึ่งวัน ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะวางใจตัวเองขนาดนี้ ไม่กังวลเลยสักนิดว่าตัวเองจะแอบเก็บของดรอปจากตัว BOSS ไว้เองคนเดียว นี่เขามีความสามารถในการมองคนมองออกว่าตนไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้น หรือว่า…
ขณะบนใบหน้าสื่ออารมณ์หลากหลายปนกัน ซานเย่ว์ก็ยื่นมือไปคลำศพของโฉวป้า
เยี่ยเว่ยหมิงจะกลัวซานเย่ว์แอบดรอปของบนตัว BOSS ไว้คนเดียวหรือเปล่า
แน่นอนว่าไม่กลัวอยู่แล้ว!
เพราะก่อนที่เขาจะตีมอนครั้งแรก ก็ได้ปรับโหมดดรอปไอเทมแบ่งของบนตัว BOSS ไว้แล้ว ปรับให้แบ่งให้หัวหน้าทีม…
ตามที่มือของซานเย่ว์สัมผัสโดนศพของโฉวป้า ตรงหน้าทั้งสองก็มีรายการไอเทมเด้งออกมาทันที
[ฝ่ามืออัสนีบาต (เคล็ดฝ่ามือระดับกลาง): เคล็ดฝ่ามือที่ดังกึกก้องเหมือนฟ้าร้อง รวดเร็วเหมือนฟ้าแลบ ลงมือว่องไว พลังน่าตกใจ
การฝึกที่จำเป็น: พละกำลัง 60 ท่าร่าง 80]
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (วิชาตัวเบาระดับต้น): วิชาตัวเบาที่เผยแพร่อย่างกว้างขวางในยุทธภพ เมื่อฝึกจนลึกซึ้งจะพบจุดมหัศจรรย์
การฝึกที่จำเป็น: แกนกระดูก 30 ท่าร่าง 50]
[สนับมือเหล็ก: สนับมือที่มีความรู้สึกหนาวเย็น โจมตี +60 ดาเมจเย็น +1]
[ลูกเต๋าไม้ประหลาด: ลูกเต๋าไม้ทรงสี่เหลี่ยมประหลาดก้อนหนึ่ง พื้นผิวสร้างด้วยก้อนสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก 54 ชิ้น บนก้อนสี่เหลี่ยมเล็กทุกก้อนล้วนมีภาพประหลาด]
[เงิน: 2เหรียญทอง 34 ตำลึง]
……
โฉวป้าดรอปตำราลับออกมาสองเล่มในรวดเดียว หนึ่งในนั้นยังรวมถึงเคล็ดฝ่ามือระดับกลางด้วย ดูจากอัตราดรอปของแล้ว เหมือนซานเย่ว์จะดวงดีใช้ได้เลย
แม่นางน้อยก็ห้าวหาญใจกว้างเช่นกัน หลังจากตรวจคลำศพแล้ว ก็หันไปบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ครั้งนี้ไม่ว่าจะหาฆาตกรตัวจริงที่สังหารผู้เฒ่าหลี่เจอหรือว่าสังหารโฉวป้าได้ ผลงานของท่านก็สูงกว่าข้า ให้เจ้าเป็นคนเลือกของก่อนแล้วกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “พวกเราเลือกคนละหนึ่งชิ้นตามธรรมเนียมแล้วกัน” ขณะที่พูด เขาก็เก็บ ‘ลูกเต๋าไม้ประหลาด’ เข้ากระเป๋าอย่างไม่เกรงใจแล้ว
แม้จะไม่รู้ว่าลูกเต๋าไม้ชิ้นนี้ใช้ทำอะไรกันแน่ แต่พอนึกเชื่อมโยงกับข้อมูลบางอย่างตอนทำภารกิจก่อนหน้า เขาก็รู้สึกว่าลูกเต๋าไม้นี้ต่างหากที่มีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาของทั้งหมดที่ดรอปได้จากตัวโฉวป้า
เห็นได้ชัดว่าซานเย่ว์นึกไม่ถึงว่าเขาจะสนใจลูกเต๋าไม้ชิ้นนั้น แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรมาก เลือกเคล็ดฝ่ามือระดับกลางที่ชื่อว่าฝ่ามืออัสนีบาตนั่นเสียเลย
จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็เก็บ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ไปอีก แม่นางน้อยเก็บสนับมือเหล็กไป เข้าชุดกับเคล็ดฝ่ามือพอดี ส่วนเงินที่เหลือก็แบ่งเป็นสองส่วนเท่ากัน ทุกคนล้วนปลาบปลื้มยินดี
เมื่อแบ่งของกันเสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงนำม้วนเสื่อผืนหนึ่งออกมาทันที เริ่มม้วนศพของโฉวป้าห่อไว้
แม้การยัดศพที่ตัวใหญ่ขนาดนี้เข้าไปในห่อจะไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์ แต่นี่ก็คือเกมเท่านั้น ไม่เพียงแค่นำศพไปห่อไว้ได้ ทั้งยังกินพื้นที่กระเป๋าเป้ไปแค่ส่วนเดียวด้วย
เมื่อซานเย่ว์ถามถึงสถานการณ์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมไม่เผยความลับเรื่องเวทบรรจุศพที่จะทำให้โดนอิจฉาอยู่แล้ว แค่ตอบไปส่งเดชว่า “นี่ก็เป็นหนึ่งในทักษะที่ข้าเรียนรู้มาจากสำนักมือปราบเทพ ใช้เก็บศพได้ และรับประกันความสมบูรณ์ของศพได้ในระดับสูงสุดด้วย สะดวกในการใช้เป็นหลักฐานตอนไขคดี”
แน่นอน ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้โกหก สิ่งที่เขาพูดออกไปก็คือหนึ่งในบทบาทสำคัญของเวทบรรจุศพ
“ศพของโฉวป้ายังมีค่าอะไรให้ตรวจสอบอีกเหรอ” ซานเย่ว์ถาม
“ทักษะก็ยังต้องฝึกฝน อีกเดี๋ยวค่อยฝังก็ได้” เยี่ยเว่ยหมิงตอบ
ซานเย่ว์เข้าใจกระจ่างในฉับพลัน เยี่ยเว่ยหมิงกลับเก็บ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ เล่มหนึ่งเอาไว้อย่างแนบเนียนไร้ร่องรอยแล้ว
[ตระหนักรู้กำลังภายใน: บันทึกการฝึกกำลังภายในของแร้งตาเดียวโฉวป้า ใช้งานกำลังภายในที่กำหนด เพิ่มค่าประสบการณ์ 1500 แต้ม!]
“ให้ข้าช่วยด้วยเถอะ” ซานเย่ว์กลอกตามอง “ท่านรอให้ข้าไปซื้อพลั่วสักเล่มก่อนแล้วกัน”
“ไปด้วย ที่จริงข้าก็ต้องซื้อสักเล่มเหมือนกัน” เยี่ยเว่ยหมิงตอบรับความปรารถนาดีของซานเย่ว์อย่างไม่เกรงใจสักนิด
จากนั้น เขาก็นึกเสียใจทีหลังแล้ว
ตามราคาป้ายในร้านค้าเบ็ดเตล็ด จะซื้อพลั่วหนึ่งเล่มต้องใช้เงินห้าสิบเหรียญทองแดง ถ้าซื้อสองเล่มก็ต้องจ่ายทั้งหมดหนึ่งเหรียญเงิน ส่วนแม่สาวน้อยอย่างซานเย่ว์ก็ใช้เวลาไปครึ่งค่อนชั่วโมงเพื่อต่อรองราคากับช่างเหล็ก สุดท้ายก็ตกลงซื้อขายพลั่วหนึ่งเล่มได้ในราคาสี่สิบเหรียญทองแดง
หรือพูดได้อีกอย่างว่า เยี่ยเว่ยหมิงโง่รอไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ สิ่งที่ได้ก็แค่ประหยัดไปสิบเหรียญทองแดงเท่านั้น!
แม้สิบเหรียญทองแดงก็ซื้อหมั่นโถวได้สองลูกเช่นกัน แต่เวลาครึ่งค่อนชั่วโมงนี้ ต่อให้ออกไปหาตีมอนตัวใหม่เล่นๆ สักหน่อย ก็ย่อมได้เงินมากกว่านี้สิบเท่าแน่นอน!
ขณะที่ขุดหลุมตรงภูเขาหลังหมู่บ้านตู้คัง เยี่ยเว่ยหมิงก็แอบสาบานว่า หลังจากนี้ต่อให้ตีให้ตายก็จะไม่ไปซื้อของพร้อมกับนางหนูนี่เด็ดขาด
“อาหมิง บอกให้ข้าฟังสักหน่อยสิว่าทักษะเฉพาะของจวนมือปราบเทพมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร”
นี่ก็คือความคิดเจ้าเล่ห์ของซานเย่ว์ ถ้าเกี่ยวข้องกับทักษะเฉพาะของสำนัก จะต้องปิดความลับเรื่องเอฟเฟกต์สกิลแน่นอน แต่ตอนนี้นางกำลังใจร้อนอยากรู้ว่าเอฟเฟกต์สกิลที่ได้นั้นคุ้มค่าที่จะให้นางทิ้งวิทยายุทธ์ของสำนักพวกนั้นที่มีอยู่แล้วหรือไม่ นางก็เลยเกิดความคิดจะช่วยฝังคน ฉันกระตือรือร้นช่วยทำงานขนาดนี้ นายคงไม่หน้าด้านพอที่จะไม่แสดงความเห็นอะไรสักนิดเลยหรอกมั้ง?
หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจังครู่เดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยอมเปิดปาก “ทักษะของข้าก็นับว่ายอดเยี่ยมเหมือนกัน ตามความเห็นของข้า น่าจะชดเชยความเสียใจจากการไม่มีวิทยายุทธ์ของสำนักได้ หลังจากเข้าสำนักมือปราบเทพแล้ว ก็จะมีสี่ทักษะให้เลือก แบ่งเป็น ‘ฟ้า’ ‘ดิน’ ‘คน’ ‘ผี’ ที่ข้าเลือกก็คือทักษะตัวอักษรฟ้า”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้บอกเอฟเฟกต์สกิลให้อีกฝ่ายรู้ แต่อธิบายผลดีผลเสียไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนรายละเอียดว่าจะเลือกอย่างไร ก็ต้องให้นางหนูนี่เลือกเองแล้ว
ซานเย่ว์แสดงออกว่าพอใจกับคำตอบนี้มาก จึงเผยรอยยิ้มออกมา “ขุดแบบนี้น่าเบื่อแย่เลย ให้ข้าร้องเพลงเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยเป็นไง”
“แบนนั้นก็ดีสุดๆ ไปเลย”
“ตะวันส่องแสง ฮูเร่ ฮูเร่ ฟ้าดินกว้างใหญ่ ฮูเร่ ฮูเร่ ใต้เขาเขียวน้ำไหล คดเคี้ยวเลี้ยวสิบแปดโค้ง…”