ตอนที่ 14 เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน
ในเมื่อไม่เคยเรียนฝีมือทำครัวกับวิชาแพทย์ยังใช้ตำราลับตระหนักรู้มาเพิ่มเลเวลได้ เช่นนั้นตัวเองที่ไม่เคยเรียนวิชาดาบ ก็สามารถใช้ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ มาเรียนรู้เทคนิคบางอย่างในการใช้ดาบได้น่ะสิ?
ใจคิดไม่สู้ลงมือทำ เยี่ยเว่ยหมิงนำความคิดนี้ไปปฏิบัติจริงทันที ใช้ ‘ตระหนักรู้ฝีมือทำครัว’ มาปลดล็อก ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เล่มนี้
[ติ๊ง! คุณไม่เคยเรียนรู้วิชาดาบใดๆ มาก่อน ยืนยันจะใช้งาน ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ หรือไม่?]
[ใช่/ปฏิเสธ]
ทำได้จริงๆ ด้วย!
เยี่ยเว่ยหมิงเลือกปฏิเสธทันที แม้จะทำได้ แต่ในคำแนะนำของระบบก็ไม่ได้บอกชัดเจนว่าทำอย่างนี้จะเกิดผลอย่างไรตามมา และตามที่เยี่ยเว่ยหมิงวิเคราะห์เอง ผลที่ร้ายแรงที่สุดน่าจะเป็นการสิ้นเปลืองตำราลับตระหนักรู้ไปหนึ่งเล่มเท่านั้น น่าจะไม่ถึงขั้นส่งผลกระทบไม่ดีต่อร่างกายตัวเอง แต่ในเมื่อเป็นการทดลอง ก็ย่อมไม่ควรใช้เล่มที่ดีที่สุดมาเสี่ยงอยู่แล้ว
พอเก็บตำราลับวิชาดาบของตูต้าจิ่น ก็เปลี่ยนเป็นนำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ ที่ได้จากตัวผู้คุ้มภัยบางคนออกมาเล่มหนึ่ง เป็นเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ 200 แต้ม
ไม่ต้องพูดอะไรมาก เลือกใช้งานไปเลยสิ จากนั้น…
[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ฝีมือทำครัว 50 แต้ม!]
เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน?
เล่นแบบนี้ก็ได้เหรอ!
แม้ของทดลองเล่มนี้จะทำให้รู้กว้างไปถึงด้านฝีมือทำครัว อีกทั้งค่าประสบการณ์ก็หดน้อยลงจากเดิมหนึ่งในสี่ส่วน แต่กลับไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้ช่องทางในการอัปเลเวลแบบพลิกโฉมใหม่แล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ลังเลอีก นำ ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ สองเล่ม ‘ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ สี่เล่ม และ ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ สองเล่มที่เหลือมาใช้เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเสียเลย
[ติ๊ง! คุณศึกษา ‘ตระหนักรู้เคล็ดวิชาดาบ’ เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ได้รับค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ 400 แต้ม!]
[ติ๊ง! เคล็ดกระบี่วีรสตรีอัปถึงเลเวล 7!]
[ติ๊ง! คุณศึกษา…]
หลังจากเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันต่อเนื่องหลายครั้ง นอกจาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่อัปถึงเลเวลเจ็ดแล้ว ค่าประสบการณ์ของอีกสองทักษะก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน แม้จะไม่ได้อัปเลเวล แต่กลับเข้าใกล้การอัปเลเวลมากขึ้นอีกก้าวหนึ่งแล้ว
แต่จะเห็นได้ว่า ‘เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน’ แม้จะสุ่มเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับสกิลบางรายการ แต่ก็ยังมีแนวโน้มไปในทิศทางตรงกันข้ามพอสมควร สรุปก็คือ ถ้าเพิ่มไปบนทักษะยุทธ์จะได้มากกว่าหน่อย แม้ในจำนวนนั้นจะมี ‘ตระหนักรู้วิชากระบอง’ หนึ่งเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ตีเหล็กให้เขาสี่สิบแต้มก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงค่อนข้างลำบากใจ
หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้ไปหมดแล้ว ค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนไป…
[ทักษะยุทธ์]
[เคล็ดชำระปราณ (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 6]……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 1654/3200
……
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ไม่เข้าขั้น) เลเวล: 7]
……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 50/6400
ประสิทธิภาพ +70% แม่นยำ +70%
……
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น) เลเวล: 3]
……ค่าประสบการณ์ค่าประสบการณ์: 818/1000
ท่าร่าง +60
การอัปเลเวลเคล็ดกระบี่ทำให้การตระหนักรู้ในก้นบึ้งหัวใจเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นอีกครั้งอย่างหาคำนิยามไม่ได้ ต่อให้ไม่เพิ่มโบนัสสเตตัส แต่เขาก็มั่นใจในตัวเองว่ายามเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน ตัวเองในตอนนี้จะทำได้ดีกว่าเมื่อก่อนแน่นอน
ส่วนสกิลรายการอื่นๆ ก็เข้าใกล้การอัปเลเวลขึ้นอีกก้าวแล้ว
ในขณะเดียวกันนี้ กระเป๋าสะพายหลังของเขาก็มีที่ว่างเพิ่มอีกยี่สิบเอ็ดช่อง เขาพยายาม เก็บศพต่อไปทันที
แต่เนื่องจากศพของผู้คุ้มภัยรวมทั้งตูต้าจิ่นถูกเยี่ยเว่ยหมิงเลือกเก็บกวาดไปก่อนแล้ว ไอเทมที่ได้จากการเก็บศพอีกครั้งจึงไม่น่าปลื้มใจเท่าไร เฉลี่ยแล้วต้องเก็บศพประมาณสามร่างถึงจะได้ตำราลับตระหนักรู้สักเล่ม อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นสกิลการดำรงชีวิตเป็นหลัก แม้บางครั้งจะได้ตำราเคล็ดจิตที่เกี่ยวข้องกับทักษะยุทธ์จากตัวคนงาน แต่ค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นก็น้อยจนน่าสงสาร
ถึงขั้นว่า แม้แต่อาวุธลับก็ไม่มีแล้ว
เพราะคนงานที่มีทักษะยุทธ์เล็กน้อยกับเด็ก สตรี และคนชรา ที่ไม่มีทักษะยุทธ์เหล่านั้น ล้วนถูกสังหารด้วยพลังกรงเล็บ!
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บศพไปพลาง ตบตำราไปพลาง สำหรับตำราลับตระหนักรู้ที่ไม่ได้มีประโยชน์มากพวกนั้น เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจ ยังคงเก็บเข้ากระเป๋าสะพายหลังอย่างสนุกลืมเหนื่อยเหมือนเดิม เก็บไปตบไป เดินตามศพไปเรื่อยๆ จนถึงโถงด้านหลัง ที่นี่คงจะเป็นที่พักอาศัยของสมาชิกครอบครัวสำนักคุ้มภัย แต่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีผู้หญิง มีเพียงศพผู้หญิงเท่านั้น
[ติ๊ง! ได้รับตำราลับ ‘ตระหนักรู้การตัดเย็บเสื้อผ้า’ ×1]
[ติ๊ง! ค่าประสบการณ์การตัดเย็บเสื้อผ้าของคุณ +135 แต้ม]
……
หลังจากจัดการศพผู้หญิงในห้องแล้ว ก็ใช้ตำราลับตระหนักรู้ที่เก็บได้ด้วยความชำนาญ จากนั้นเยี่ยเว่ยหมิงก็กวาดสายตามองรอบห้อง ตอนที่พบว่าไม่มีศพอื่นอีกและกำลังจะจากไป เสียงแจ้งเตือนระบบกลับเด้งขึ้นมากะทันหัน
[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าผ้าม่านข้างเตียงขยับเองเล็กน้อยโดยไร้ลม เหมือนด้านหลังมีคนกำลังหายใจ]
ส่วนการแจ้งเตือนของระบบก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่หยุดนิ่ง แสร้งหันตัวเดินไปทางประตูต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากเดินออกไปสองก้าว ก็พลันชักกระบี่ออกจากฝัก กระบี่หลงเฉวียนกลายเป็นลำแสงสีเงินอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี แทงไปทางผ้าม่านข้างหลังที่อยู่ไม่ไกลโดยตรง คมกระบี่เสียดสีกับอากาศ ส่งเสียงกระบี่แหลมเล็ก!
แควก!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงหันตัวแทงกระบี่ออกไป ผ้าม่านพลันถูกฉีดขาดครึ่ง จากนั้นเขาก็เห็นเงาคนสีดำกระโจนตัวขึ้นกลางอากาศแล้ว ขณะหลบหลีกดาบที่แทงไปตรงหน้าอก ก็ใช้กรงเล็บสองข้างพร้อมกัน ข้างหนึ่งคว้าไปทางคอเยี่ยเว่ยหมิง อีกข้างคว้าไปทางข้อมือที่ถือกระบี่ กระบวนท่ารวดเร็วดุดันถึงขีดสุด
ใจรู้ว่าเจอกับตอแข็งที่จัดการยากเสียแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงหมุนคมกระบี่ทันที เปลี่ยนจากแทงเป็นปาดคออีกฝ่าย ระหว่างที่เปลี่ยนกระบวนท่านั้นราบรื่นดุจดั่งเมฆเหินน้ำไหล มองไม่ออกแม้แต่น้อยว่าเปลี่ยนแปลงฉับพลัน ราวกับว่าเดิมทีกระบวนท่านี้จะต้องเปลี่ยนอย่างนี้อยู่แล้ว
ความจริงก็เป็นอย่างนั้น การโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าที่ชื่อว่า ‘เขี่ยหญ้าหางู’ ที่จริงเป็นท่าหลอกของเคล็ดกระบี่วีรสตรี ดูเหมือนรวดเร็วดุดัน แต่ความจริงไม่ได้สำแดงฤทธิ์เดชช่วงสุดท้ายออกมา เปลี่ยนท่ากลางคันได้ทุกเมื่อ ยืดหดอย่างอิสระ อย่างไรเสียระบบก็แจ้งเตือนแค่ว่าหลังม่านมีคน ด้วยความสามารถของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ยังแยกข้อมูลที่มากกว่านี้ไม่ออก
หากคนที่หลบอยู่หลังม่านเป็นเด็กกำพร้าผู้รอดชีวิตบางคนในสำนักคุ้มภัยล่ะ อีกฝ่ายทนรับความอัปยศหลบพ้นภัยล้างสำนักได้ แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่แทงตายขึ้นมา แบบนั้นก็ไม่ดีแล้ว
อีกทั้งตามแนวพล็อตละครจอมยุทธ์คุณธรรม คนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาได้ล้วนเป็นตัวเอกทั้งนั้น!
เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากสังหารบุคคลยอดเยี่ยมรุ่นหลังในยุทธภพทิ้งเพียงเพราะความมุทะลุของตัวเอง
แต่ก็โชคดีที่เป็นอย่างนี้ เขาถึงได้รับมือสถานการณ์ได้ดีที่สุดยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ต่อให้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ในด้านกระบวนท่าก็ไม่ได้ด้อยกว่าเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นการเปลี่ยนกระบวนท่าของเยี่ยเว่ยหมิงยอดเยี่ยมขนาดนี้ คนชุดดำก็อดอุทาน “เอ๋” ออกมาไม่ได้ ตามด้วยออกแรงตรงเอว ร่างกายพลันเอนไปข้างหลังขณะลอยอยู่กลางอากาศ ขณะหลบกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงที่เล็งมาตรงคอได้อย่างหวุดหวิด ก็ใช้เท้าที่กรอกพลังภายในสิบส่วนโจมตีไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิง
“ปีที่แล้วข้าซื้อนาฬิกามาเรือนหนึ่ง[1]!” คนชุดดำเปลี่ยนท่าเร็วเกินไปจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะชักกระบี่กลับมาก็ไม่ทันแล้ว แต่ยังด่าทัน รีบโคจรพลังภายในไปบนแขนซ้าย แล้วยกหมัดขึ้นรับฝ่าเท้าของอีกฝ่าย
ผัวะ!
หมัดเท้าปะทะกัน เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนท่ากะทันหันจึงโคจรปราณแท้ได้ไม่พอ โดนอีกฝ่ายถีบจนถอยหลังไปสามก้าวติดต่อกัน ส่วนคนชุดดำคนนั้นก็ถือโอกาสหมุนตัว ชนหน้าต่างหลังห้องแตกพัง ถามทิ้งท้ายไว้ว่า ‘นาฬิกาอะไร?’ ก่อนจะหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว
“จะไปไหน!” เยี่ยเว่ยหมิงจะปล่อยเขาหนีไปง่ายๆ ได้อย่างไร รีบใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกไล่ตามไปพลางโจมตี
ทว่าสิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจก็คือ อีกฝ่ายไม่เพียงแค่มีหมัดเท้าแข็งแกร่ง แม้แต่ท่าร่างก็ต่างกับเขาไม่มากนัก แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะโคจรกำลังภายในที่เท้าสองข้าง แสดงอานุภาพของท่าแปดก้าวไล่ทันคางคกจนถึงขีดสุด แต่ก็ไล่ตามอีกฝ่ายไม่ทันภายในเวลาอันสั้น เพียงแต่ระยะห่างระหว่างทั้งสองยิ่งเข้าใกล้กันเรื่อยๆ แถมอีกฝ่ายยังเหมือนถูกเขาไล่ตามจนลนลานไม่เลือกหนทาง ไม่น่าเชื่อว่าจะเลือกไปทางมุมกำแพงลานบ้านด้านหลังของสำนักคุ้มภัย
อาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ เยี่ยเว่ยหมิงมองเห็นว่าในนั้นมีสิ่งที่ตั้งอยู่เหมือนบานประตูสีดำมืด แต่นั่นไม่ใช่ประตูหลังแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายเห็นบานประตูนั่นเป็นเหมือนประตูไม้ผุ แล้วใช้ศีรษะโหม่งใส่จริงๆ…
พอนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากเผยรอยยิ้มซ้ำเติม
เพียงแต่รอยยิ้มนี้กลับอยู่บนใบหน้าเขาไม่ถึงวินาที เพราะอีกฝ่ายไม่ได้เตรียมจะพังประตูออกไปเลย เมื่ออยู่ห่างจากลานบ้านได้ระยะหนึ่ง ก็พลันกระโจนตัวจากพื้น กระโดดสูงขึ้นมาหนึ่งจั้ง จากนั้นมือขวาของเขาก็เปลี่ยนเป็นกรงเล็บคว้าอิฐดำที่หัวกำแพง แล้วร่างกายก็พลิกออกไปด้านนอกอย่างนั้นแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงไล่ตามหลังไปติดๆ กระโดดสุดแรงเช่นกัน แต่กลับกระโดดสูงได้แค่ครึ่งจั้งเท่านั้น เมื่อเห็นว่าหน้ากำลังจะชนกำแพง ก็รีบยื่นมือซ้ายออกมา ออกแรงผลักหนังกำแพงหนึ่งที แล้วกลับมาตกในลานบ้านอย่างมั่นคงปลอดภัย
ก็ช่วยไม่ได้ วิชาตัวเบาอย่างแปดก้าวไล่ทันคางคก ในด้านความเร็วนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ ท่าร่างที่เพิ่มขึ้นมาใกล้จะตามทันวิชาตัวเบาระดับกลางบางวิชาได้แล้ว ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาระดับต้น การมีข้อได้เปรียบอันโดดเด่นอย่างนี้ได้ ก็หมายความว่ามีข้อด้อยเช่นเดียวกัน
ในฐานะที่เป็นวิชาตัวเบาติดพื้น ข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดก็คือกระโดดสูงลำบาก!
[1] ปีที่แล้วฉันซื้อนาฬิกามาหนึ่งเรือน 我去年买了个表 พ้องเสียงกับประโยค 我去你妈了个逼 (WQNMLGB) ที่แปลว่า ฉันได้กับแม่แกแล้ว