ตอนที่ 87 ผู้ร่ำรวย
ค่าประสบการณ์ของกำลังภายในเหล่านี้ ควรจะเพิ่มไปที่ ‘เคล็ดชำระปราณ’ หรือเคล็ดวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ดีล่ะ
สองทางเลือกนี้ต่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และหากดูจากความจำเป็นในการฝึกกำลังภายในระดับสูงอย่าง ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ กำลังภายในสองวิชานี้ล้วนจำเป็นต้องอัปเลเวลต่อไป
หากดูค่าสเตตัสของกำลังภายในสองวิชานี้ ก็จะต้องเลือกวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ แน่นอน
เนื่องจากค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มหนึ่งเลเวลของวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ มากกว่าการเพิ่มสี่เลเวลของ ‘เคล็ดชำระปราณ’ เสียอีก!
อีกทั้งเนื่องจากความแตกต่างด้านระดับการฝึกของกำลังภายในสองวิชานี้ ค่าประสบการณ์ 7500 แต้มนี้ หากใช้กับวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ก็จะทำให้วิชากำลังภายในระดับกลางนี้เพิ่มขึ้นต่อเนื่องสามเลเวลได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ถ้าอยากอัปเลเวล ‘เคล็ดชำระปราณ’ ที่เดิมทีอยู่ในเลเวลเก้าให้ถึงเลเวลสิบ ก็เกรงว่าต้องทุ่มค่าตบะหมื่นกว่าแต้มที่เขาได้มาก่อนหน้านี้จนหมดด้วยถึงจะทำสำเร็จ
ไม่ว่าจะมองอย่างไร การอัปเลเวลวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ก็สอดคล้องกับความจริงมากกว่า
เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงมักรู้สึกว่าทักษะยุทธ์ใดๆ ก็ตาม หากเพิ่มขึ้นจนเลเวลเต็มแล้ว ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างที่คาดไม่ถึง
ก็เหมือนกับการอัปเลเวลจากเก้าเป็นสิบของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ซึ่งต้องใช้ค่าประสบการณ์สามแสนแต้มก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่เชื่อเลยว่าหลังจากมันอัปเลเวลถึงสิบแล้ว โบนัสค่าสเตตัสที่ได้รับจะมีแค่ ประสิทธิภาพ +100% ความแม่นยำ +100% ง่ายๆ แค่นั้น
ยามเผชิญหน้ากับผลลัพธ์ที่ล่วงรู้ไม่ได้เลยแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ย่อมต้องเลือก…
[หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น]
เลเวล: 4
ค่าประสบการณ์: 1000/4000
……
พลังชีวิตสูงสุด +1200
พลังภายใน +1200
ความแข็งแกร่ง +80
พละกำลัง +80
ท่าร่าง +80
ความว่องไว +80
สติปัญญา +8
ตระหนักรู้ +4
……
การนำค่าประสบการณ์เหล่านี้ไปใช้กับวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ผลประโยชน์ที่ได้รับทั้งหมดก็คาดเดาได้ ทั้งยังแน่ใจได้ด้วยว่าจะเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอน
แต่ถ้าหากนำค่าประสบการณ์ไปใช้กับ ‘เคล็ดชำระปราณ’ สุดท้ายก็ยากจะฟันธงว่าจะได้รับประโยชน์อะไร บางทีอาจจะกลายเป็นไร้ประโยชน์ด้วย หรือไม่ก็ห่างไกลจากวิชาในตอนแรก มีส่วนให้ต้องวัดดวงมากเกินไป
นี่ก็คือสาเหตุหลักว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงไม่รีบร้อนอัปเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าจะต้องมีเซอร์ไพรส์แน่ๆ ให้ถึงเลเวลสิบ
เนื่องจากมีสกิลเทพอย่าง ‘เวทบรรจุศพ’ ติดตัวอยู่แล้ว ความเร็วในการสะสมค่าประสบการณ์สกิลของเยี่ยเว่ยหมิงจึงเหนือกว่าผู้เล่นคนอื่น แต่ถ้าอยากจะสะสมให้ได้สามแสนแต็มเพื่อเคล็ดกระบี่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ภายในเวลาสั้นๆ แน่นอน
อย่างไรเสีย ภารกิจระดับหกดาวของสำนักคุ้มภัยฝูเวยก่อนหน้านี้ ก็ยังเป็นสถานการณ์ที่พบเจอได้แต่ไม่อาจเรียกร้องได้อยู่ดี ต่อให้เกิดเหตุการณ์อย่างนั้นอีก แล้วเขาใช้ ‘เวทบรรจุศพ’ เพื่อให้ได้ตำราลับตระหนักรู้มา ก็ไม่แน่ว่าจะได้ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เสมอไปอยู่ดี
หากตอนนี้เขาสิ้นเปลืองความคิดทั้งหมดไปว่าจะอัปเลเวลเคล็ดกระบี่ชุดนี้อย่างไร เช่นนั้นในอนาคตระยะยาว ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะพัฒนาความสามารถได้ทีละมากๆ ความได้เปรียบที่เคยสะสมไว้ก่อนหน้านี้ก็จะค่อยๆ ถูกผู้เล่นคนอื่นตามทันในช่วงเวลานี้เช่นกัน ถึงขนาดถูกนำหน้าไปด้วย
ในทางกลับกัน หากเขานำค่าตบะ ตำราลับตระหนักรู้ไปใช้กับทักษะที่เพิ่มความสามารถได้เร็ว ความสามารถของเขาก็จะก้าวหน้าไปหนึ่งขั้น จากนั้นก็ไปท้าสู้กับศัตรูที่เดิมทีไท้าสู้ไม่ได้ แล้วก็รับค่าตบะที่มากขึ้น รับตำราลับตระหนักรู้ที่คุณภาพดียิ่งขึ้น จากนั้นก็ไปสู้กับ BOSS ที่แข่งแกร่งกว่านั้น……
หลังจากกลิ้งหิมะจนเป็นก้อนแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะมีวันหนึ่งที่ค้นพบว่า ค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่สามแสนแต้มก็ไม่ใช่จำนวนที่เยอะมากขนาดนั้น
เมื่อจัดการ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ เรียบร้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนไปหยิบ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ห้าเล่มออกมา แล้วเริ่มอ่านทีละเล่ม
[ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่: บันทึกวิชากระบี่ของอวี๋ชางไห่ เจ้าสำนักชิงเฉิง เมื่อใช้เคล็ดกระบี่ทีกำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม!
หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง ได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 7500 แต้ม!]
……
[ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่: บันทึกวิชากระบี่ของโหวเหรินอิง ศิษย์สำนักชิงเฉิง เมื่อใช้เคล็ดกระบี่ที่กำหนด จะเพิ่มค่าประสบการณ์ 1000 แต้ม!
หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง ได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 1500 แต้ม!]
……
[ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่: บันทึกวิชากระบี่ของหงเหรินสยง ศิษย์สำนักชิงเฉิง…]
หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง…
……
เหมือนกัน
……
เหมือนกัน
……
หลังจากอ่าน ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ห้าเล่มจบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รับค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 13500 แต้ม เขาเพิ่มมันไปที่ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ทั้งหมด ทำให้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเลเวล กลายเป็นเลเวลสี่ และยังเหลือค่าประสบการณ์อีกประมาณครึ่งหนึ่ง และสิ่งที่สอดคล้องกันก็คือ ค่าสเตตัสของเขาก็เพิ่มขึ้นอีกแล้ว
เมื่อใช้ตำราลับตระหนักรู้ไปจนหมด เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มศึกษาวิธีการใช้ค่าตบะ 15000+ (รวมกับที่ได้จากภารกิจสำนักคุ้มภัยฝูเวยก่อนหน้านี้)
หลังจากตรวจดูแถบวิทยายุทธ์ของตัวเองแล้ว ก็พบว่าวิชา ‘หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ เพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลแล้ว เมื่อเห็นว่าแต้มค่าตบะยังเหลือเพียงพอ เขาจึงนำมันไปใช้กับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ จนได้เพิ่มหนึ่งเลเวล ทำให้เคล็ดกระบี่นี้เพิ่มขึ้นเป็นเลเวลห้าแล้วเช่นกัน
เมื่อดูค่าตบะที่เหลืออีก 1062 แต้ม ไม่ว่าจะนำไปใช้กับทักษะไหนก็เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ จึงหยุดล้างผลาญค่าตบะพวกนี้ด้วยความจนใจ
และจากการที่เขาทำซ้ำไปซ้ำมาอย่างนี้ ความสามารถโดยรวมของเขาก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก กลายเป็น…
[เยี่ยเว่ยหมิง]
เลเวล: 19
……
พลังชีวิต: 7300/7300
พลังภายใน: 3320/3320
ความแข็งแกร่ง: 287
พละกำลัง: 287
ท่าร่าง: 293
ความว่องไว: 187
สติปัญญา: 35
ตระหนักรู้: 35
[วิทยายุทธ์: หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น]
เลเวล: 5
ค่าประสบการณ์: 0/10000
พลังชีวิตสูงสุด +1500
พลังภายใน +1500
ความแข็งแกร่ง +100
พละกำลัง +100
ท่าร่าง +100
ความว่องไว +100
สติปัญญา +10
ตระหนักรู้ +5
……
……
[เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง)]
เลเวล: 5
ค่าประสบการณ์: 0/40000
โจมตี +100%
แม่นยำ +100%
พละกำลัง +100
รากกระดูก +100
พลังชีวิตสูงสุด +1000
……
……
[อุปกรณ์]
ข้าม
……
หลังจากมองดูรางวัลทั้งหมดที่ใช้ไป ก็พบว่าทำให้ความสามารถโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่า!
การทำภารกิจรอบนี้ กล่าวว่าเยี่ยเว่ยหมิงเป็นผู้ร่ำรวยได้เลย
เป็นภารกิจขนาดใหญ่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ด้วย!
ลองนึกถึงพวก BOSS กับตัวแทงค์อย่างสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงที่เจอในภารกิจครั้งนี้ ถ้าให้เยี่ยเว่ยหมิงลงไปสู้เอง อย่างมากก็ฆ่าได้แค่คนเดียว ทั้งยังต้องอยู่ในสถานการณ์ที่สู้กันตัวต่อตัวด้วย ถ้าสู้กับศัตรูสองคน อย่างมากก็ทำได้แค่ป้องกันตัวเอง ถ้าฝ่ายตรงข้ามมาพร้อมกันสามหรือสี่คน นอกจากจะทาน้ำมันใต้เท้าแล้ววิ่งหนีไป เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
สี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงแม้จะเป็นอย่างนี้ แต่ไม่ต้องพูดถึงตอนที่รวมพลังกันต่อสู้เลย แทบจะทำให้ทีมเล็กของสำนักมือปราบแพ้ย่อยยับให้กับอวี๋ชางไห่แล้ว
หากไม่ได้การต่อสู้อันร่วมแรงร่วมใจของทุกคน ก็ไม่มีค่าประสบการณ์มหาศาลของเยี่ยเว่ยหมิงในตอนนี้เช่นกัน
เหมือนคำกล่าวที่ว่า ‘ทุกคนร่วมใจ แม้โลหะแท่งใหญ่ก็บั่นได้’ ดูท่าแล้ว ในภายหลังยังต้องร่วมมือกับคนอื่นให้มากๆ หน่อย
คนมากพลังเยอะ
คิดแล้วฟิน!
แต่พอพูดถึงศพ จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกขึ้นได้ว่าศพของลูกศิษย์ห้าคนนี้ยังวางเรียงรายอยู่ในห่อสัมภาระอยู่เลย
ศพพวกนี้แตกต่างกับศพที่เขาเคยเจอมา คดีฆาตกรรมต่อเนื่องของ ‘สำนักคุ้มภัยฝูเวย’ ยังไม่จบลงโดยสมบูรณ์ ตามกฎแล้วพวกนี้เป็นหลักฐานในชั้นศาล เขาไม่อาจหาสถานที่จัดการศพตามอำเภอใจได้
เขาไม่พูดพน่ำทำเพลง ก็เดินไปที่ห้องชันสูตรศพแล้ว
ส่งศพทั้งหมดให้กับประเทศชาติ ก็ทำให้ตัวเองประหยัดแรงควงพลั่วขุดดินเหมือนกัน ถูกไหม