ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 229 ตราบชั่วฟ้าดินแทงไต!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 229 ตราบชั่วฟ้าดินแทงไต!

ตอนที่ 229 ตราบชั่วฟ้าดินแทงไต!

ก่อเหตุใต้รักแร้![1]

แม้ทุกคนจะเดาออกตั้งแต่ก่อนเข้าวัดแล้วว่าอีกฝ่ายอาจมีผู้ช่วยคนอื่นซ่อนตัวอยู่

แต่เนื่องจากเวลาจำกัดของสองภารกิจต่างกัน อีกฝ่ายค่อยๆ เสียเวลาได้ แต่พวกเยี่ยเว่ยหมิงกลับเสียเวลาไม่ไหว

ดังนั้น ต่อให้รู้อยู่แก่ใจว่ามีอันตราย เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังตัดสินใจอาศัยความได้เปรียบของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ มาปะทะซึ่งๆ หน้า

อยากร่ำรวยก็ต้องเสี่ยงอันตรายเยอะ!

ตั้งแต่ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงก้าวเข้าประตูวัดมา การต่อสู้ก็เข้าสู่จุดเดือดในชั่วพริบตา เยี่ยเว่ยหมิงปะทะกับหลวงจีนไว้ผมนั่นไม่ต้องพูดถึง คนอื่นก็เข้าสู่การต่อสู้ที่ตึงเครียดเช่นกันแม้การป้องกันว่าอีกฝ่ายจะมีแผนสำรองจะสำคัญมาก แต่ถ้าโจมตีจนตัวเองเป็นฝ่ายได้เปรียบภายในเวลาที่เยี่ยเว่ยหมิงถ่วงฟ่านเหยาไว้ไม่ได้ พวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่อันตรายมากขึ้น

ดังนั้น ทีมนี้จึงใช้ท่าไม้ตายออกมาหมด

ภายในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที การต่อสู้ก็แทบจะมีแนวโน้มไปในทางเดียว ทุกคนถึงขั้นแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายซ่อนผู้ช่วยเอาไว้ในที่ลับ

แต่กลับคาดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายไม่เพียงแค่ดักซุ่มเท่านั้น คนที่ดักซุ่มยังมีฝีมือร้ายกาจและอดทนอดกลั้นเก่งอีกด้วย!

ไม่น่าเชื่อว่าอีกฝ่ายจะซ่อนตัวจนถึงตอนนี้แล้วค่อยลงมือกับเยี่ยเว่ยหมิง

ต้องทราบว่าคนธรรมดาเดินดินแห่งสำนักดาบโลหิตถูกหนิวจื้อชุนกับถังซานไฉ่ฆ่าตายแล้ว!

พอโจมตีสำเร็จ ผู้ลอบโจมตีก็ชักกระบี่ยาวออกมาทันที เตรียมจะแทงเยี่ยเว่ยหมิงที่ถูกตรึงร่างไว้สักสองสามที

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่คิดจะไปช่วยเหลือคนธรรมดาเดินดินเลย

เนื่องจากไม่ว่าจะพิจารณาด้านไหน

การนำหัวของคนธรรมดาเดินดินมาแลกหัวของเยี่ยเว่ยหมิง สำหรับฝั่งศัตรูแล้วถือว่าเป็นการได้กำไร ทั้งยังเป็นกำไรที่เกินควรด้วย!

ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายมีแผนชั่ว ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช่ว่าจะไม่ได้เตรียมตัวรับมือ

ตั้งแต่เข้าวัดมา คนในทีมตัวเองก็สังหารเต็มที่ มีเพียงสะพานสวรรค์น้อยที่ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้อย่างสุดกำลัง แต่นางคอยใช้เข็มบินคอยยิงสนับสนุนการต่อสู้ของเพื่อนอีกสี่คนในทีม ความสนใจหลักอยู่ข้างกายของเยี่ยเว่ยหมิงมาตลอด

เพียงแต่คนที่ลอบจู่โจมคนนั้นซ่อนตัวได้ดีเกินไป แล้วตอนที่ปรากฏตัวก็อยู่ใกล้กับเยี่ยเว่ยหมิงมาก สะพานสวรรค์น้อยจึงไปช่วยไม่ทันเวลา

แต่ทันทีที่เยี่ยเว่ยหมิงถูกจิ้มจุดเลือดลม กระบี่มังกรคำรามและกระบี่จินสยาก็ปรากฏอยู่ในมือสองข้างของนางพร้อมกัน จากนั้นก็ใช้ท่าพเนจรสุดขอบฟ้าโจมตีผู้ลอบโจมตี

การช่วยเหลือของสะพานสวรรค์น้อยจะเรียกว่ามาไม่ทันก็ไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าผู้ลอบโจมตีก็มีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชนเช่นกัน เหมือนเดาออกตั้งแต่แรกแล้วว่าสะพานสวรรค์น้อยจะมาช่วย

เมื่อเห็นนางลงมือ ก็ไม่มีความคิดที่จะปะทะซึ่งหน้า แต่ดึงบ่าเยี่ยเว่ยหมิงที่ถูกควบคุมจุดเลือดลม ใช้ร่างกายของเยี่ยเว่ยหมิงมาเป็นโล่ ต้านการโจมตี ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ จากสะพานสวรรค์น้อยไว้

สะพานสวรรค์น้อยจะคาดคิดได้อย่างไรว่าจู่ๆ ศัตรูจะใช้วิธีการนี้

เนื่องจากกลัวว่าตัวเองจะโจมตีไปถูกเยี่ยเว่ยหมิง นางจึงรีบหยุดใช้กระบวนท่า แต่เนื่องจากปราณแท้ย้อนทำร้าย ทำให้นางตกอยู่ในสถานะแช่แข็งจุดห้าวินาทีแล้ว

ผู้ที่ลอบโจมตีเห็นแล้วยิ้มอย่างลำพองใจ แต่กลับไม่รีบแทงกระบี่ไปบนตัวเยี่ยเว่ยหมิง เขาชูนิ้วขึ้นมาอีกครั้ง เตรียมจะควบคุมเยี่ยเว่ยหมิงต่อไปแล้วค่อยว่ากัน

แต่ชั่วพริบตาที่เขาชูนิ้วขึ้นมา เหนือศีรษะของเยี่ยเว่ยหมิงกลับมีตัวเลขดาเมจสีแดงลอยขึ้นมาแล้ว

-1400!

ขณะเดียวกันนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีถูกโจมตที่จุดเลือดลมก็พลันขยับตัวได้แล้ว!

เห็นสองเท้าของเขาพลันแตะพื้น ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้แผ่นหลังกระแทกไปยังหน้าอกของผู้ลอบโจมตีอย่างแรง

เห็นได้ชัดว่าผู้ลอบโจมตีไม่เคยเห็นวิธีการอย่างนี้มาก่อน ภายใต้ความงงงวย เขาถูกชนกระแทกไปแล้วเต็มๆ

จากนั้นก็เห็นกระบี่แสงทองในมือเยี่ยเว่ยหมิงควงเข้าด้านในแล้วชูขึ้นสูง ตามด้วยแทงไปยังท้องน้อยของตัวเอง

ตราบชั่วฟ้าดิน!

เคล็ดกระบี่ระดับสูงของอู่ตัง แม้จะมีเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ประสิทธิภาพการใช้งานกลับค่อนข้างซับซ้อน ซับซ้อนถึงขั้นไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนท่าโดยละเอียด ได้แต่อาศัยการถ่ายทอดความจำหลังจากเรียนรู้แล้ว ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเข้าใจการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อยู่ในนั้นโดยตรง

ตราบชั่วฟ้าดิน: ตอนที่เปิดใช้งาน หากบนตัวติดสถานะควบคุม พลังชีวิต 10% ที่ต้องสละไปจะนำมาหักสถานะควบคุมทั้งหมดที่อยู่บนตัว เพื่อเป็นการรับประกันว่าจะใช้กระบวนท่าสำเร็จได้อย่างราบรื่น อีกทั้งเมื่อใช้ท่านี้แล้วห้ามถูกขัดจังหวะกลางคัน ไม่อย่างนั้นจะติดสถานะแช่แข็งนานถึงห้าวินาที

ติดสถานะแช่แข็งแม้จะไม่เสียค่าพลังชีวิต แต่เมื่ออยู่ในการต่อสู้ สถานะแบบนี้น่ากลัวกว่าคริติคอลดาเมจหนึ่งครั้งเสียอีก!

ดังนั้น ขอเพียงใช้งานตราบชั่วฟ้าดิน ไม่ว่าจะโจมตีถูกศัตรูสำเร็จหรือไม่ แต่กระบี่ก็ยังต้องแทงต่อไปอีกครั้ง

กระบี่แสงทองแทงทะลุท้องน้อยของเยี่ยเว่ยหมิงก่อน แทงผ่านท้องน้อยของเขาไปข้างหลัง แล้วก็แทงเข้าไปในแผ่นหลังช่วงเอวของผู้รอบโจมตีอย่างเหมาะเจาะ โจมตีครั้งเดียวทะลุไต!

ส่วนถ้าถามว่าทำไมตราบชั่วฟ้าดินต้องแทงเอวของศัตรู

ตอนที่คุยกับอินปู้คุยก่อนหน้านี้ อีกฝ่ายเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง

หลังจากอินหลีถิง อาจารย์ของเขาถูกหยางเซียวแย่งภรรยา ด้วยความโกรธแค้นจึงปรับปรุงตราบชั่วฟ้าดินให้ดีขึ้น เปลี่ยนจากเคล็ดกระบี่ระดับกลางให้เป็นเคล็ดกระบี่ระดับสูงแล้ว

ตำแหน่งโจมตีหลังจากปรับปรุงกระบวนท่านี้แล้ว ก็คือเอวของฝ่ายตรงข้าม!

อย่างไรเสีย นี่ก็คือกระบวนท่าที่อินหลีถิงเตรียมตัวจะพินาศย่อยยับไปพร้อมกับหยางเซียวอยู่แล้ว

ถ้าถามว่าอินหลีถิงอยากแทงจุดสำคัญตรงไหนของหยางเซียวมากที่สุด

คำตอบของคำถามนี้เดาได้ไม่ยาก

แน่นอนว่าต้องเป็นน้องชายตรงหว่างขาของเขา!

แต่เป้าหมายนั้นทำให้เป็นความจริงได้ยาก สุดท้ายอินหลีถิงก็ทำได้เพียงเปลี่ยนแผนสำรอง เปลี่ยนจากตัดอวัยวะเพศเป็นโจมตีไตแทน

-1522

-19864!

ตราบชั่วฟ้าดิน แม้จะเป็นทักษะที่ทำให้ผู้โจมตีพินาศย่อยยับไปพร้อมศัตรู แต่การปลิดชีพตัวเองเป็นเรื่องรอง เป้าหมายสุดท้ายยังคงเป็นการทำให้ศัตรูตาย

ดังนั้นหลังจากใช้กระบวนท่านี้แล้ว ดาเมจที่เกิดกับตัวเองกับดาเมจที่เกิดกับศัตรูก็จะไม่เหมือนกัน

ตอนที่กระบี่ล้ำค่าแทงตัวเอง นั่นคือสิ่งที่คำนวณไว้แล้ว เขาหลีกเลี่ยงอวัยวะสำคัญในร่างกาย ดังนั้นประสิทธิภาพของมันจึงทำให้เกิดแค่ดาเมจโจมตีขั้นพื้นฐานที่สุดหลังจากมองข้ามการป้องกันไป

กระบี่ที่แทงทะลุร่างกายไปถูกตัวศัตรูต่างหาก ที่แสดงประสิทธิภาพ 350% ที่แท้จริงออกมา! กอปรกับผลคริติคอลดาเมจเพราะแทงถูกจุดสำคัญ ภายใต้กระบี่นี้ของเยี่ยเว่ยหมิง ผู้ลอบโจมตีถูกแทงจนกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว

ปลิดชีพ!

ผู้เล่นสกุลต้วนแห่งต้าหลี่ที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อ ดรอปยาจินฉวงหนึ่งขวด

หลังจากต่อสู้ซ้ำไปซ้ำมา ค่าพลังชีวิตเยี่ยเว่ยหมิงก็เหลือเพียง 1800 นี่ยังเป็นผลที่ฟื้นฟูกลับมาโดยอัตโนมัติหลังจากสังหารผู้ลอบโจมตีไปบ้างแล้ว

เขาในตอนนี้ ขอเพียงถูกอีกฝ่ายโจมตีอีกสักครั้งสองครั้ง ก็จะถูกปลิดชีพคาที่ทันที

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อครู่นี้ผู้ลอบโจมตีใช้แผนสำรองเรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่ฝั่งเยี่ยเว่ยหมิงสังหารผู้ลอบโจมตีนิรนามตาย หนิวจื้อชุนกับถังซานไฉ่ที่ร่วมมือกันก็สังหารจนคนธรรมดาเดินดินแห่งสำนักดาบโลหิตกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว

จากนั้น ภายใต้การบัญชาการของเยี่ยเว่ยหมิง ถังซานไฉ่ก็เริ่มไปช่วยเหลือน้องดาบ ส่วนหนิวจื้อชุนก็ไปร่วมกับสะพานสวรรค์น้อยแล้วเริ่มซ้อมฟ่านเหยาที่สองแขนพิการไปแล้ว

ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ถอยไปด้านข้าง แล้วเริ่มกินยาฟื้นฟูพลังชีวิต

ตอนนี้ อวิ๋นหวาซั่งเซียนที่ถูกฉางซิงอวี่โจมตีมาตลอดกลับยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะฝ่าเงาทวนที่ลอยเต็มฟ้าของฉางซิงอวี่ จิ้มลงมาที่จุดเลื่อนลมตรงหน้าอกของเขาแล้ว

ฉางซิงอวี่เห็นแล้วตกใจ รีบวางทวนในแนวขวาง ใช้ด้ามทวนกั้นนิ้วอันรวดเร็วปานสายฟ้าของเขาไว้

ติ๊ง!

ตามด้วยเสียงที่ไพเราะหนึ่งครั้ง ฉางซิงอวี่ตัวแข็งทื่อทันที ทั้งตัวถูกผนึกด้วยน้ำแข็งหนึ่งชั้น ติดสถานะแช่แข็งแล้ว!

[1] ก่อเหตุใต้รักแร้ 变生肘腋 อุปมาว่าเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างกายตัวเอง

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท