ตอนที่ 306 พูดกับพวกนาง!
“หยุดนะ!”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของลิ่งหูชง แล้วก็เห็นเงาร่างหลงผิดที่ตัวเองคุ้นตา มุมปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยยิ้มอย่างอ่อนโยนเปี่ยมเมตตา
ถ้าในถ้ำของผาสำนึกตนมีเพียงเฟิงชิงหยางคนเดียว เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จัดการค่อนข้างยากแล้ว เพราะเฟิงชิงหยางย่อมดูเยี่ยเว่ยหมิงทรมานเถียนปั๋วกวงจนตายบนผาสำนึกตนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่ลิ่งหูชงทำไม่ได้!
ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงตะโกนว่าจะสังหารเถียนปั๋วกวง เขาก็จะพุ่งออกมาแน่นอน
ขนาดลิ่งหูชงยังออกมาแล้ว เฟิงชิงหยางจะอยู่ห่างได้หรือ
อย่างไรเสีย บนผาสำนึกตนแห่งนี้ ลิ่งหูชงก็คือจุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเฟิงชิงหยาง!
“เฮ้อ…” หลังจากเสียงถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง เงาร่างของเฟิงชิงหยางก็ปรากฏอยู่บนแท่นหินด้านนอกแล้ว เขามองลิ่งหูชงที่ปกป้องอยู่ตรงหน้าเถียนปั๋วกวงแวบหนึ่ง แล้วก็มองเยี่ยเว่ยหมิงที่ยิ้มอย่างเป็นกันเองอีก ก่อนจะบ่นด้วยความจนใจว่า “เจ้ามือปราบคนนี้ หากต้องการจะสังหารเถียนปั๋วกวง เจ้าก็แค่กำจัดเขาเงียบๆ ไม่ได้หรือ จำเป็นต้องตะโกนบอกไหม”
“ทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ผาสำนึกตนแห่งนี้ถึงอย่างไรก็เป็นอาณาเขตของท่านผู้เฒ่าเฟิง หากท่านไม่ปรากฏตัว ข้าจะกำจัดแขกของท่านโดยพลการได้อย่างไร”
แขกบ้านมารดาเจ้าสิ!
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดว่าเถียนปั๋วกวงเป็นแขกของตน เฟิงชิงหยางก็ยิ่งรู้สึกว่ามือปราบที่อยู่ตรงหน้านี้รับมือยาก
แต่พอเห็นท่าทางของลิ่งหูชงที่เต็มใจพลีชีพเพื่อสหาย เฟิงชิงหยางก็ได้แต่กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ก่อนหน้านี้เจ้ารับปากข้าแล้วว่าภายในสามวัน…”
“ไม่!” ครั้งนี้เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ไว้หน้าผู้อาวุโสบู๊ลิ้มเลยสักนิด เขากล่าวอย่างมีเหตุผลว่า “เวลาจำกัดสามวันท่านเป็นคนเสนอเอง แต่ข้ายังไม่ได้รับปาก ตอนนั้นข้าบอกเพียงว่าจะไว้หน้าท่านสักครั้ง เรื่องครั้งก่อนถือว่าตกลงตามนั้น…
…แต่เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว ครั้งก่อนก็คือครั้งก่อน ตอนนี้นับเป็นครั้งนี้!…
…ครั้งนี้ข้าอยากจะยืนยันสักหน่อยว่าผู้อาวุโสเฟิงแห่งสำนักหัวซานตัดสินใจจะเป็นร่มคุ้มครองให้เถียนปั๋วกวงหรือไม่”
พอได้ยินประโยคสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิง เฟิงชิงหยางที่เดิมทีสงบนิ่ง ตอนนี้ร่างกายพลันโซเซ แทบจะเป็นลมล้มลงไปตรงนั้น
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่า หากเทียบกับมือปราบที่อยู่ตรงหน้าแล้ว ตรรกะของบรรดาคนต่ำช้าที่เขาเคยสรุปไว้ก่อนหน้านี้กลายเป็นเด็กน้อยไปเลย
เฟิงชิงหยางแห่งหัวซานเป็นร่มคุ้มครองให้โจรราคะเถียนปั๋วกวง!
ถ้ามีชื่อเสียงแบบนี้แพร่ออกไป คาแรคเตอร์ที่เขาลำบากสร้างมาทั้งชีวิตก็จะถูกทำลายจนหมดสิ้น
ถึงขั้นว่าไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แม้แต่บรรพบุรุษของสำนักหัวซานก็จะอับอายเพราะเรื่องนี้ไปด้วย!
บนยุทธภพ ในโรงน้ำชา ในโรงเตี๊ยมก็จะมีผู้เชี่ยวชาญฝ่ายกระพือข่าวเป็นโขยงโผล่ออกมาใส่ร้ายเฟิงชิงหยางเพื่อความบันเทิง เรื่องเล่าเกี่ยวกับเรื่องเฟิงชิงหยางรังแกคนอื่นในรูปแบบต่างๆ ก็จะกระจายอยู่ทั่วทุกมุมของยุทธภพ
มลทินนี้ต่อให้เขาตายก็ไม่มีทางลบล้างได้ ยิ่งไม่มีหน้าไปเจอกับบรรพบุรุษของสำนักหัวซานด้วย!
เพราะโดยเนื้อแท้แล้วเรื่องนี้ถือว่ามีอยู่จริง แม้ในนั้นจะมีข้อมูลบิดเบือนไปบ้าง แต่ใครจะสนใจรายละเอียดพวกนั้นล่ะ
ตอนนี้เอง ลิ่งหูชงที่ฟังอยู่ข้างๆ กลับกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย เจ้าดูสิว่าพี่เถียนถูกเจ้าทำร้ายตีจนสภาพเป็นอย่างไรแล้ว จะดีจะร้ายเขาก็เป็นชายที่หยิ่งในศักดิ์ศรีคนหนึ่ง ไม่กลัวตายเช่นกัน เจ้าต้องการจะสังหารให้สิ้นซากจริงๆ ใช่ไหมถึงจะพอใจ”
เยี่ยเว่ยหมิงขี้คร้านจะสนใจเขา จึงหันไปมองเฟิงชิงหยาง แต่กลับพบว่าตาเฒ่าคนนี้ได้แต่ขมวดคิ้วเงียบๆ จึงโบกมือหนึ่งที ศพสองร่างที่ห่อด้วยม้วนเสื่อก็ปรากฏอยู่บนพื้นหินเย็นเฉียบของผาสำนึกตน
เขาก้มลงเปิดม้วนเสื่อของศพสองร่างนี้เบาๆ เผยศพที่ตายตาไม่หลับของหญิงสาวสองคนต่อหน้าทั้งสอง พร้อมเอ่ยว่า “ระหว่างทางที่ไล่สังหารเถียนปั๋วกวง พวกเราพบศพของพวกนางที่อำเภอชิงฉวี่ของเมืองฉางอัน…
…สาวน้อยสองคนที่งดงามดุจบุปผา เป็นเพราะถูกเถียนปั๋วกวงย่ำยี พวกนางจึงปลิดชีพตัวเองเพราะทนความอับอายไม่ไหว” พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้สายตาที่คมกริบเหมือนมีดมองไปที่ลิ่งหูชง “ถ้าอยากให้ข้าปล่อยเถียนปั๋วกวงก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ แต่ถ้ามีเงื่อนไขข้อหนึ่ง”
“เงื่อนไขอะไร” ลิ่งหูชงได้ยินแล้วรีบถาม
เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวคำต่อคำด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เงื่อนไขของข้าง่ายมาก ขอเพียงจอมยุทธ์น้อยลิ่งหูกับผู้อาวุโสเฟิงมองตาที่หลับไม่ลงของพวกนาง แล้วเอาคำพูดที่ท่านเพิ่งช่วยพูดให้เถียนปั๋วกวงเมื่อครู่นี้มาพูดกับพวกนางอีกรอบ!”
พอได้ยินคำขอนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง ลิ่งหูชงกับเฟิงชิงหยางก็เงียบลงพร้อมกัน
ถ้าจะให้พูดสิ่งเหล่านี้กับผู้เคราะห์ร้าย เถียนปั๋วกวงอาจทำได้ แต่เฟิงชิงหยางกับลิ่งหูชงกลับทำไม่ได้
หลังจากพวกเขาได้ยินคำขอของเยี่ยเว่ยหมิงแล้วก็ถึงขั้นหันหน้าหนีพร้อมกัน ไม่กล้ามองตาสาวน้อยสองคนนั้น
เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขา เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งเผยท่าทีดุร้ายยิ่งขึ้น “เมื่อครู่นี้พวกท่านรู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผลมากไม่ใช่หรือ ตำหนิว่าข้าจะสังหารคนให้สิ้นซากไม่ใช่หรอกหรือ ตอนนี้ข้าให้โอกาสพวกท่านช่วยคนแล้ว แต่พวกท่านกลับ…”
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จากนั้นใช้พลังทั้งหมดที่มีตะคอกออกมาอย่างเดือดดาลว่า “พูดสิ!”
เสียงที่แฝงไปด้วยความแค้นเคืองดังก้องทะลุเมฆบนฟ้า ดังสะท้อนก้องไปทั่วหมู่ขุนเขา
สัตว์ป่าและนกตกใจบินกระเจิง สั่นสะเทือนทั้งป่า!
ท่ามกลางเสียงคำรามของเยี่ยเว่ยหมิง ลิ่งหูชงรู้สึกว่าเลือดลมสูบฉีด ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยแดงก่ำ ถึงขั้นเริ่มหายใจลำบากแล้วด้วย
นี่คือสัญญาณก่อนถูกธาตุไฟเข้าแทรก!
ตุ้บ!
เฟิงชิงหยางที่เห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาตกใจมาก พลันยกมือสับท้ายทอยของลิ่งหูชงจนสลบไปแล้ว
จากนั้นเฟิงชิงหยางก็ประคองร่างของลิ่งหูชงนอนลงบนแท่นหิน หลังจากสัมผัสได้ว่าลมหายใจของเขากลับมาสงบแล้ว ถึงได้ยืนขึ้นอีกครั้งแล้วมองไปทางเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาหลากหลายอารมณ์ “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย สหายทั้งสองคนของเจ้า ตอนนี้คงแยกย้ายกันกลับไปที่สำนักมือปราบเทพกับอู่ตังแล้วสินะ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าตอบตามความจริง “ตอนนี้เฟยอวี๋คงกำลังเดินเตร่อยู่ในสำนักมือปราบเทพ ส่วนอินปู้คุยก็อาบแดดอยู่ตรงประตูของวิหารเจินอู่”
ความจริงก็เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงบอก ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่รับประกันได้ว่าเฟยอวี๋กับอินปู้คุยปลอดภัยแน่นอน เขาถึงจะมีความมั่นใจในการท้าทายเฟิงชิงหยาง
เพราะถ้าเฟิงชิงหยางอาศัยความสามารถของตัวเองปลิดชีพเขาอย่างไร้เหตุผลเมื่อไร เฟยอวี๋กับอินปู้คุยก็จะบอกเรื่องนี้ให้หวงโส่วจุนกับจางซานเฟิงรู้ทันที!
เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องที่เฟิงชิงหยางปกป้องเถียนปั๋วกวงก็จะกลายเป็นเหมือนคนที่มีดินสีเหลืองติดเป้ากางเกง ต่อให้ไม่ใช่อุจจาระแต่คนก็คิดว่าเป็นอุจจาระอยู่ดี
สาเหตุที่ต้องทำอย่างนี้ ก็เพราะนี่คือการตั้งค่าประเภทหนึ่งในเกม
เขาต้องป้องกันไม่ให้เฟิงชิงหยางฆ่าปิดปาก!
ในเกมที่ผู้เล่นคืนชีพได้ไม่จำกัด NPC จะฆ่าปิดปากผู้เล่นได้หรือ
ที่จริงแล้วคำตอบก็คือได้
เพราะหากผู้เล่นตายเมื่อไร ระบบจะกำหนดให้กลายเป็นคนตายเท่านั้น คำพูดของพวกเขาจะเป็นเพียงสิ่งที่ใช้ประกอบการพิจารณาเท่านั้น ไม่เพียงพอที่จะทำให้ NPC ส่วนใหญ่เชื่อได้ ยิ่งไม่มีทางกลายเป็นหลักฐานในชั้นศาลได้เลย
แม้คาแรคเตอร์ของเฟิงชิงหยางไม่น่าจะถึงขั้นทำเรื่องอย่างนั้นได้ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังยอมควบคุมทุกอย่างไว้ในมือตัวเอง ดีกว่าปล่อยให้จุดอ่อนตกอยู่ในมืออีกฝ่าย
ตอนนี้มีคนรอดอยู่ข้างนอกสองคน และข้างกายของสองคนนั้นก็มี BOSS ใหญ่เลเวลสองร้อยอยู่ด้วย เฟิงชิงหยางพอรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเสียเปรียบ นอกจากปล่อยให้เยี่ยเว่ยหมิงฆ่าคนแล้ว เขายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ