ตอนที่ 348 หลางเป้ยร่วมกระทำชั่ว
เมื่อถูกคลายจุดแล้ว มู่เนี่ยนฉือก็เอามือกุมตรงจุดตั้นจงเพราะยังไม่หายเจ็บ แล้วพยักหน้าขอบคุณเยี่ยเว่ยหมิง “ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยเยี่ยที่ช่วยเหลือ หญิงต่ำต้อยผู้นี้ตอบแทนอย่างไรก็ไม่หมด”
เมื่อเห็นมู่เนี่ยนฉือกลับมาเป็นปกติแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็มองกัวจิ้งที่ประคองหยางเถี่ยซินแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “อาการบาดเจ็บของพวกเจ้าฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
มู่เนี่ยนฉือส่ายหน้าก่อน “ที่จริงข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงถูกโอวหยางเค่อจี้สกัดจุดเลือดลมเท่านั้น ตอนนี้ไม่เป็นอะไรเลย”
กัวจิ้งที่มุมปากยังมีเลือดไหลก็ยิ้มแห้งเช่นกัน พอได้ยินคำถามก็ยื่นมือทุบหน้าอกตัวเอง พร้อมกล่าวอย่างจริงใจใสซื่อ “ข้าไม่เป็นอะไร ตอนอยู่ที่ทุ่งหญ้า ข้าวิ่งแข่งกับม้าทุกวัน ต่อสู้กับหมาป่าทุกวัน ร่างกายแข็งแรงมาก เมื่อครู่นี้โอวหยางเค่อแม้ร้ายกาจ แต่ก็ตีข้าไม่ตายหรอก”
เยี่ยเว่ยหมิงก็มองออกแล้วเช่นกัน หลังจากเจ้าหมอนี่ดื่มเลือดพญางูแล้ว คุณสมบัติอื่นยังไม่ปรากฏขึ้นมา แต่ความสามารถด้านการต่อต้านการโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ใช้ได้เลย มีศักยภาพแฝงของพระเอกแล้ว
อย่างไรเสีย ก่อนที่จะเรียนรู้การตีคนอื่น ตัวเองก็ต้องเรียนรู้การถูกตบตีก่อน หลังจากลุกขึ้นตรงหน้าศัตรูเพราะโดนตีล้มไปหลายครั้งก็จะปะทุความสามารถออกมาได้เอง
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วสายตาก็ย้ายไปยังสตรีวัยกลางคนผู้งดงามอีกคนที่อยู่ข้างๆ ลูกดีดเหล็กหนีบอยู่ระหว่างนิ้วอีกครั้ง มู่เนี่ยนฉือเห็นดังนั้นจึงรีบบอกว่า “ตรงนี้ไม่ต้องรบกวนจอมยุทธ์น้อยเยี่ยแล้ว ข้าเองก็เรียนการคลายจุดมาก่อนเช่นกัน”
พูดจบก็ตบลงบนจุดเลือดลมของสตรีวัยกลางคนสองที อีกฝ่ายก็กล่าวขอบคุณเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความซาบซึ้งใจ
“ในเมื่อทุกคนไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ” เยี่ยเว่ยหมิงมองหยางเถี่ยซินที่ลุกขึ้นมาอีกครั้งและยังมีพลังต่อสู้เหลืออยู่ แล้วกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “ข้าจะสกัดหลังให้พวกเจ้า!”
กัวจิ้งได้ยินแล้วบอกทันทีว่า “แต่โอวหยางเค่อนั่นรับมือด้วยไม่ได้ง่ายๆ ให้ข้าอยู่ช่วยเจ้าเถอะ”
เมื่อเห็นกัวจิ้งมีน้ำใจขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกปวดหัวอยู่พักหนึ่ง ยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงผ้าปะทะลมดังขึ้น ตามด้วยเสียงกล่าวเหน็บแหนมที่คุ้นหูของผู้หญิงคนหนึ่ง “ตอนนี้พวกเจ้าฆ่า BOSS ตายแค่คนเดียวเองหรือ ไม่เหมือนประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าเลยนะ”
พอหันไปมอง ก็เห็นเงาร่างงดงามสีแดง สีเขียว สีขาวต่างคนต่างใช้ท่าร่างลอยลงมาเหยียบข้างกายพวกเขา
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วถาม “ทางฝั่งพวกเจ้ากำจัดหมดแล้วหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว!” น้องดาบเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ “มี BOSS ทั้งหมดสามคน พญามังกรประตูปีศาจซาทงเทียนเป็น BOSS ทั่วไปโหมดภารกิจ บวกกับก่อนหน้านี้ถูกเจ้าฆ่าตายไปแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่มีประกาศเฟิร์สคิล เป็นอย่างไรล่ะ พวกเจ้ายังเหลือบอสอยู่อีกกี่คน”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขยิบตาให้ จากนั้นบอกหวงหรงว่า “แม่นางหวง จอมยุทธ์น้อยกัวเพิ่งดื่มเลือดของพญางูที่เหลียงจื่อเวิงเลี้ยงไว้ยี่สิบปีไป ตอนนี้พลังเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่เขายังควบคุมพลังได้ไม่ดีเท่าไร เดิมทีถ้าให้เขาพาพวกท่านลุงมู่ออกไป ข้าก็ยังไม่วางใจเท่าไร ตอนนี้มีเจ้าช่วยแล้ว ข้ากลับวางใจขึ้นไม่น้อย”
หวงหรงไม่ได้หลอกง่ายเหมือนกัวจิ้ง แต่กัวจิ้งกลับเป็นจุดอ่อนของนาง
แม้นางจะสงสัยในคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิง แต่อย่างไรเสียสภาพร่างกายของกัวจิ้งก็โกหกไม่ได้ ถ้าเทียบกับความอยากรู้อยากเห็นแล้ว บางทีอาจจะมีเพียงความปลอดภัยของกัวจิ้งที่จะทำให้นางเชื่อฟังตามแผนของตนได้อย่างว่านอนสอนง่าย
เป็นอย่างที่คาดไว้ เมื่อได้ยินว่ากัวจิ้งได้รับโอกาสเพิ่มพลัง หวงหรงก็ดีใจจนเลิกคิ้วทันที นางไม่ปิดบังอารมณ์แบบนี้เลยสักนิด ตอนหลังพอได้ยินว่าสภาพร่างกายของกัวจิ้งไม่แน่นอน ต้องมีคนคุ้มกันอยู่ข้างกาย นางก็เข้าไปยืนใกล้กัวจิ้งทันที
หลังจากรู้ว่าพวกเยี่ยเว่ยหมิงจะอยู่สกัดหลังให้ นางก็รีบกระตือรือร้นโน้มน้าวกัวจิ้งว่า ความปลอดภัยของท่านลุงหยางต้องมาก่อน บรรดาจอมยุทธ์น้อยมีวิทยายุทธ์แข็งแกร่ง ไม่เกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นแน่นอน
ส่วนกัวจิ้งแม้จะเป็นคนดื้อดึง แต่เขาก็ค่อนข้างเชื่อฟังคำพูดของหวงหรง
โดยเฉพาะข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิง ที่ดูจากภายนอกแล้วแม้แต่หวงหรงก็ยังมองไม่เห็นพิรุธใดๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกัวจิ้งเลย
ดังนั้นแม้กัวจิ้งจะไม่วางใจที่ปล่อยสหายร่วมทีมไป แต่สุดท้ายก็ยังเลือกเชื่อเยี่ยเว่ยหมิง จากนั้นก็อยู่กับหวงหรงเพื่อคุ้มกันพวกมู่เนี่ยนฉือออกจากจวนท่านอ๋องจ้าว
จนกระทั่งมองส่งพวกเขาพ้นจากสายตาไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงจึงส่งข้อความในช่องทีมอย่างแนบเนียน [สองมือของโอวหยางเค่อถูกข้าโจมตีพิการแล้ว ตอนนี้หลบอยู่ในบ่อน้ำโบราณของลานบ้านข้างๆ ข้าสงสัยว่าเป้าหมายของเขาคือไปรวมตัวกับ BOSS ที่ซ่อนตัวอยู่ โชคดีที่พวกหวงหรงไปแล้ว ไม่อย่างนั้น BOSS สองคนนี้ โดยเฉพาะ BOSS ที่ซ่อนตัวอยู่ ข้าคงฆ่าพวกเขาไม่ได้ง่ายๆ]
น้องดาบกับสะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจทันที และตอนนี้เอง จู่ๆ เซียวเหยาถอนใจกลับส่งข้อความว่า [ท่าไม่ดีแล้ว ต้านไม่ไหวแล้ว!]
เมื่อเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบและสะพานสวรรค์น้อยก็ใช้ท่าร่างกระโดดข้ามกำแพง แต่กลับเห็นโอวหยางเค่อฝ่าวงล้อมออกมาจากบ่อน้ำโบราณแล้ว บนตัวของเขายังมีสตรีชุดดำผมดำแต่ผิวขาวเหมือนผีขี่คอเขาขึ้นมาด้วย นางกำลังโบกกรงเล็บสองข้างและตั้งใจฟังความเคลื่อนไหวของพวกเขา
[เหมยเชาเฟิง (ธาตุไฟเข้าแทรก สองขาอัมพาต)]
หนึ่งในลมทมิฬคู่พิฆาต ฉายาศพเหล็ก
เลเวล: 85
พลังชีวิต: 650000/650000
กำลังภายใน: 230000/230000
……
เรื่องราวเป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดไว้ โอวหยางเค่อไปรวมตัวกับ BOSS ที่ซ่อนตัวอยู่ในจวนท่านอ๋องจ้าวแล้ว
ที่จริง หลังจากเห็นว่าโอวหยางเค่อกลายเป็นบุตรบุญธรรมของหวันเหยียนหงเลี่ย เยี่ยเว่ยหมิงก็กำลังสงสัยว่าเขาจะสืบทอดฐานะที่เดิมทีเป็นของหยางคังหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่นร่วมมือกับเหมยเชาเฟิง
พอมาดูตอนนี้ ก็พบว่าเรื่องราวเป็นอย่างนี้จริงๆ!
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงต้องกันกัวจิ้งกับหวงหรงออกไปให้ได้
ถ้าต้องการจะฆ่าเหมยเชาเฟิง ถ้าเทียบกับกัวจิ้งแล้ว หวงหรงต่างหากคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด!
อย่าไปมองเพียงว่าสองคนนี้ชั่วร้ายทรยศสำนัก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าทำให้มารดาของหวงหรงตาย เพราะเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คนของเกาะดอกท้อจัดการเก็บกวาดขยะในบ้านเองได้ แต่กลับไม่ให้คนนอกทำอะไรเหมยเชาเฟิงง่ายๆ เด็ดขาด
พอมองอินปู้คุยกับเซียวเหยาถอนใจที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง เห็นค่าพลังชีวิตของพวกเขาเหลือไม่ถึงครึ่งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเยี่ยเว่ยหมิงมาถึงและดึงดูดความสนใจของเหมยเชาเฟิงไว้ เกรงว่าศพของพวกเขาสองคนคงจะเย็นไปแล้ว
ยังดีๆ ขอเพียงอินปู้คุยไม่เป็นอะไรก็พอแล้ว
อย่างไรเสีย ในศึกต่อไปต่างหากที่เป็นกุญแจสำคัญสำหรับรับมือกับเหมยเชาเฟิง
ขอเพียงเขาไม่ตาย ก็ได้สู้ศึกนี้อยู่แล้ว
ต่อให้เหมยเชาเฟิงคนนี้จะติดสถานะธาตุไฟเข้าแทรก แต่ก็ยังเป็น BOSS ใหญ่เลเวลแปดสิบห้าอยู่ดี!
พอเห็นเหมยเชาเฟิงกับโอวหยางเค่อเล่นท่ายิมนาสติกแบบนี้ น้องดาบที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเระาเบาๆ แล้วท้าทายว่า “พวกเขาสองคนสร้างงานศิลปะอะไรกัน แปลกใหม่ใช้ได้เลย! สภาพของพวกเขาตอนนี้ทำให้ข้านึกขึ้นได้ถึงสำนวนหนึ่ง เรียกว่าหลางเป้ยร่วมกระทำชั่ว[1]”
“หึ! นางเด็กแสบ รนหาที่ตาย!” พอเหมยเชาเฟิงที่ขี่กำลังขี่คอโอวหยางเค่อคลายสองขาออก โอวหยางเค่อที่อยู่ใต้หว่างขาก็ราวกับเป็นสุนัขป่าหลุดจากเชือกแล้วกระโจนเข้ามาหาน้องดาบ
สำหรับเสือกระดาษสองตัวที่ตัวหนึ่งไม่มีดวงตา ส่วนอีกตัวไม่มีมือ น้องดาบไม่ได้หวาดกลัวเลยเช่นกัน นางโบกดาบจันทราหิมะเงินต้อนรับ BOSS ใหญ่สองคนที่รวมร่างกัน
ทว่า ดาเมจบดขยี้ของ BOSS เลเวลแปดสิบไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ประมือกันเพียงสามกระบวนท่า น้องดาบที่ค่าสเตตัสด้อยกว่าอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิงก็ถูกพรากพลังชีวิตไปสองพันกว่าแล้ว ถึงขั้นที่แม้แต่กระบวนท่าของนางก็ไม่ได้เปรียบกว่าอีกฝ่ายสักนิดเลยเช่นกัน
ขณะต้านการโจมตีของบอสรวมร่างอย่างยากลำบาก น้องดาบก็อดตะโกนด่าไม่ได้ว่า “มือปราบหน้าเหม็น ยังไม่รีบมาช่วยอีก จะว่าไปแล้ว พวกเขาสองคนเข้าขากันดีมาก ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะมองไม่เห็นช่องโหว่เลย”
“อย่ากลัวไปเลย อย่าลืมสิว่าข้าเตรียมท่าไม้ตายไว้แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงเผยรอยยิ้มมั่นใจพร้อมเก็บอาวุธเทพมีดสั้นแล้วนำกระบี่แสงทองออกมาอีกครั้ง “ยกสองเท้าขึ้น ไวรัสจะได้ไม่กินสมองเจ้า แค่นี้ก็มองไม่ออก…
…และท่าไม้ตายของข้าก็คือ…” เขาหันไปมองอินปู้คุยแวบหนึ่ง “คำราม!”
อินปู้คุย “อา…”
[1] หลางเป้ยร่วมกระทำชั่ว 狼狈为奸 หลางคือหมาป่า เป้ยคือสัตว์ชนิดหนึ่งในตำนาน หลางเป้ยกระทำชั่วหมายถึงคนชั่วสมคบคิดทำทำเรื่องไม่ดี นอกจากนี้ หลางเป้ย 狼狈 ยังมีอีกความหมายว่า จนตรอก