ตอนที่ 363 ผู้เคราะห์ร้ายคนแรก
[มังกรโรมรันกลางไพร (ระดับสูง)]
เลเวล: 10
ค่าประสบการณ์: …
ป้องกัน +500%
โจมตี +500%
แม่นยำ +500%
กำลังภายในที่ใช้: 500 แต้ม
ต่อเนื่อง: ท่าฝ่ามือต่อเนื่องในอึดใจเดียว ระหว่างที่ใช้หนึ่งกระบวนท่าโจมตีได้ต่อเนื่องสิบแปดฝ่ามือ!
หมุนเวียนพลังฝ่ามือ: ขอเพียงไม่ปะทุพลังฝ่ามือ เมื่อกำลังภายในที่โจมตีออกนอกร่างกาย ก็จะหมุนเวียนกลับมาใช้ซ้ำได้ กำลังภายในที่ใช้ลดลง 80%
……
[สะท้านขวัญร้อยลี้ (ระดับสูง)]
เลเวล: 10
ค่าประสบการณ์: …
ป้องกัน +700%
โจมตี +700%
แม่นยำ +700%
กำลังภายในที่ใช้: 500 แต้ม
สะท้านขวัญ: สำหรับศัตรูที่เลเวลต่ำกว่าตัวเอง เสียงมังกรคำรามที่ดังขึ้นตอนใช้ฝ่ามือจะสร้างผลสะท้านขวัญ จะลดค่าสเตตัสโดยรวมของศัตรู 10% ต่อเนื่อง 3 วินาที
……
ตอนที่สองทักษะนี้ถูกเพิ่มเลเวลให้ถึงระดับสมบูรณ์ชั่วคราว ทีมของเยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วเช่นกัน
เขาไม่ต้องดำเนินการเอง ระบบก็เตะเขาออกจากทีมที่เดิมทีเขาเป็นหัวหน้า ทั้งยังสร้างทีมให้เขากับสะพานสวรรค์น้อยเรียบร้อย แต่หัวหน้าทีมของทีมใหม่ก็ยังเป็นเขา โหมดการแบ่งไอเทมในทีมถูกปรับเป็นแบ่งโดยหัวหน้าทีม
ไม่ทันได้คิดมาก เยี่ยเว่ยหมิงใช้ท่าร่าง ‘ทะยานบันไดเมฆา’ แล้วกระโดดขึ้นมาบนหลังคาบ้านฝั่งตรงข้ามแล้ว พอปลายเท้าแตะบนกระเบื้อง ก็เปลี่ยนเป็นใช้ท่าร่าง ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ ทันที ทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นไปอยู่ระหว่างอวิ๋นจงเฮ่อกับสะพานสวรรค์น้อย ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดังว่า “พี่น้องทั้งหลาย! อย่ามัวแต่ดู ขึ้นมาช่วยกันเถอะ จำไว้ว่าอย่าทำให้เขาตาย ตัดแขนตัดขาของเขาไปป้อนให้อีกากินก็พอ”
เขาเงียบไปครู่เดียว พอเห็นสีหน้าหยอกล้อของอวิ๋นจงเฮ่อหายไปและแทนที่ด้วยสีหน้าดุร้าย เขาก็กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นไร้ที่เปรียบ “ต้องป้อนทั้งเป็นๆ ด้วย! ใช้วิธีเดียวกับเทพโพรมีธีอุส!”
“พวกเจ้าอย่าทำอะไรซี้ซั้ว!” ตอนนี้เอง หงชีกงก็เดินออกมาถึงประตูของภัตตาคารแล้วเช่นกัน พร้อมห้ามไม่ให้พวกเขาสี่คนยื่นมือช่วย “อวิ๋นจงเฮ่อคนนี้คือเป้าหมายภารกิจของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์คริสตัล หากพวกเจ้าลงมือซี้ซั้ว นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้ว ยังทำให้เกิดผลลัพธ์ไม่ดีด้วย เมื่อพวกเจ้าเข้าร่วมการต่อสู้ เขาจะกลายเป็นบอสร่างแท้โหมดปกติเลเวลแปดสิบทันที!”
BOSS โหมดปกติเลเวลแปดสิบ?
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกสหายของเยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีตื่นเต้นเตรียมจะลงมือก็ก็หยุดชะงักแล้ว
ตามทีหงชีกงบอก ตอนนี้พวกเขานอกจากจะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว กลับทำให้สถานการณ์วุ่นวายขึ้นด้วยซ้ำ
คาดไม่ถึงว่าเยี่ยเว่ยหมิงกลับตาเป็นประกาย แล้วตะโกนว่า “BOSS โหมดปกติ ก็ดีน่ะสิ!”
จากนั้นก็เปลี่ยนกลยุทธ์ทันทีโดยแทบไม่ไตร่ตรอง “ทุกคนเข้าไปพร้อมกัน ส่งเจ้าแท่งไม้นี่ไปตายกันเถอะ!”
เป็น BOSS เลเวลแปดสิบขึ้นไปเหมือนกัน อวิ๋นจงเฮ่อที่แขนขาแข็งแรงและหูตาไว แม้จะไม่มีจุดอ่อนชัดเจนเท่าเหมยเชาเฟิง แต่ด้านอื่นจะต้องด้อยกว่าเหมยเชาเฟิงมากแน่นอน
ถึงอย่างไรตอนที่ระบบกำหนดเลเวลของ NPC ก็ตัดสินโดยอาศัยความสามารถที่แท้จริงล้วนๆ หรือพูดได้อีกอย่างว่าอวิ๋นจงเฮ่อที่มีแขนขาสมบูรณ์ ศักยภาพที่แท้จริงยังเป็นรองเหมยเชาเฟิงที่ตาบอดและขาพิการเล็กน้อย
ประกอบกับการต่อสู้ของพวกเขาก่อนหน้านี้ แต่ละคนได้รับค่าตบะมาไม่น้อย ไม่ว่าพวกเขาจะเพิ่มค่าตบะเหล่านี้ไว้บนทักษะไหน ก็ล้วนทำให้ศักยภาพเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับแน่นอน
บวกกับท่าไม้ตายห้าแบบที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งได้มาอีก ทำให้พวกเขาเชื่อว่าหากร่วมแรงกันก็จะจัดการอวิ๋นจงเฮ่อได้ไม่ยาก
ทว่าตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งออกคำสั่ง ยังไม่ทันรอให้พรรคพวกลงมือ หงชีกงก็เอ่ยปากอีกครั้ง “เจ้าเด็กเยี่ย นี่เป็นภารกิจส่วนตัวของเจ้าคนเดียว ถ้าทำไม่สำเร็จ สองฝ่ามือใหม่ที่จะได้เรียนก็จะสุ่มหายไปหนึ่งฝ่ามือ”
อย่าไร้ยางอายเกินไปสิ
เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าระบบทำเกินไปแล้ว อยากให้ตนโดดเด่นอยู่คนเดียวขนาดนั้นเชียวหรือ
แต่เมื่อเทียบกับการปล่อยให้เคล็ดฝ่ามือเจ้าเล่ห์ที่ได้มายากหายไป เขาทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะล้อมโจมตีอวิ๋นจงเฮ่อ แล้วกล่าวอย่างจนใจว่า “พวกเจ้าทุกคนรอดูอยู่ข้างล่างก็พอ!”
ขณะที่พูด ร่างของเยี่ยเว่ยหมิงก็พลันพุ่งไปข้างหน้า ถึงขั้นไม่ได้ชักกระบี่ล้ำค่าติดตัวออกมาด้วยซ้ำ เอาแต่พุ่งเข้าไปชนอวิ๋นจงเฮ่อ พร้อมบอกสะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างหลังว่า “สะพานสวรรค์น้อย เจ้าถอยไปข้างๆ คอยดูข้าสั่งสอนเจ้ากระดูกไร้เนื้อนี่ก็พอ”
ขณะเดียวกันนี้เอง เขากลับส่งข้อความในช่องทีมว่า [เจ้าอ้อมไปอยู่ข้างหลังเขา ยังไม่ต้องช่วยลงมือ คอยจับตาดูข้อความในช่องทีมไว้ พอได้ยินข้าส่งสัญญาณแล้วยิงเข็มผึ้งหยกไปที่จุดสำคัญของเขา]
[รับทราบ!] สะพานสวรรค์น้อยตอบกลับ
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงพุ่งเข้ามาหาตนโดยไม่ใช้อาวุธ บนใบหน้าอวิ๋นจงเฮ่อก็เผยรอยยิ้มเหี้ยมโหดออกมาทันที มือโบกไม้คฑากรงเล็บเหล็ก หัวไม้คฑาขยุ้มกวาดไปตรงเอวของเยี่ยเว่ยหมิง
วิชาที่ใช้ก็คืออสรพิษกระเรียนแปดท่า สุดยอดวิชาอันเลื่องชื่อของเขา!
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วไม่กล้าเมินเฉย ปล่อยพลังฝ่ามือรูปมังกรสีฟ้าจากฝ่ามือซ้ายของตัวเองทันที เมื่อเทียบกับเงามังกรขนาดใหญ่ของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ พลังฝ่ามือรูปมังกรนี้ของเขากลับเป็นรูปเป็นร่างกว่ามาก แต่ขนาดเทียบกับ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ไม่ติด เล็กกว่ามาก เล็กประมาณปากชามข้าวเท่านั้น
กรรร! หลังจากพลังฝ่ามือที่แน่นหนาสมจริงออกจากฝ่ามือซ้ายของเขาไป มันก็ไถลไปตรงหน้าเขาเป็นวิถีครึ่งวงกลมเท่านั้น หลังจากทำให้ไม้คฑากรงเล็บเหล็กของอวิ๋นจงเฮ่อเด้งออก พลังฝ่ามือก็พันเกี่ยวอยู่บนแขนขวาของเขาอีก พอเขาโบกมือขวาอีกครั้ง พลังฝ่ามือก็วิ่งไปที่มือซ้ายของเขาในวิถีโค้งครึ่งวงกลม
เสียงมังกรคำรามดังไม่ขาดสาย เยี่ยเว่ยหมิงใช้สองมือสลับควบคุมพลังฝ่ามือรูปมังกรโจมตีไปตรงหน้าอวิ๋นจงเฮ่อ
เขาใช้หนึ่งในสองเคล็ดฝ่ามือที่เพิ่งเรียนไปเมื่อครู่นี้…มังกรโรมรันกลางไพร!
มังกรศึกออกโรง ดุร้ายผิดปกติ ทั้งยังเป็นพลังฝ่ามือต่อเนื่อง อวิ๋นจงเฮ่อลองใช้ไม้คฑาเหล็กแก้พลังฝ่ามืออันทรงพลังแต่ก็เด้งออกเพราะถูกคลื่นพลังโหมซัดสาด เพื่อปกป้องตัวเอง อวิ๋นจงเฮ่อทำได้เพียงเหาะถอยหลังไม่หยุด ต้องรับประกันว่าพลังฝ่ามือรูปมังกรที่น่าหวาดกลัวนี้จะไม่มาถึงตัวเขา
ต้องกล่าวว่ามังกรโรมรันกลางไพรเป็นกระบวนท่าที่พร้อมทั้งรุกทั้งรับจริงๆ หากใช้มันโจมตี ก็กล่าวได้ว่าดุร้ายสุดขีด เพียงแต่การประคองท่านี้ไว้ทำให้สิ้นเปลืองกำลังภายในเยอะกว่าท่าอื่นของฝ่ามือพิชิตมังกรอยู่บ้าง ทุกครั้งที่เปลี่ยนฝ่ามือเพื่อโจมตี เยี่ยเว่ยหมิงต้องเสียกำลังภายในเพื่อรักษาสภาพฝ่ามือไว้ถึงหนึ่งร้อยแต้ม ไม่อย่างนั้นพลังฝ่ามือก็จะหายไป
เมื่อได้เห็นฉากนี้ ในที่สุดหงชีกงที่ดูการต่อสู้อยู่ข้างล่างก็เคยรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ควรจะใช้อย่างนี้!
ต้องโจมตีให้เกิดความน่าเกรงขาม ความหยิ่งในศักดิ์ศรี ความทรนงของมังกร!
การที่ตนถ่ายทอดเคล็ดฝ่ามือนี้ให้เขา นับเป็นทางเลือกที่ถูกต้องจริงๆ
ไม่อย่างนั้นหากถูกเยี่ยเว่ยหมิงนำไปใช้โจมตีอย่างเจ้าเล่ห์เหมือนมังกรซ่อนกบดาน จะทำให้ความดูดีมีระดับของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ สูญสิ้นไปหมด!
ตอนนี้หงชีกงแสดงออกว่าดีใจมาก
ทว่าเขาดีใจเร็วเกินไปหน่อย!
ตอนที่ไม้คฑากรงเล็บเหล็กในมืออวิ๋นจงเฮ่อเด้งออกเป็นครั้งที่สาม พลังฝ่ามือรูปมังกรที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้สองมือโจมตีสลับกันไม่พักกลับสลายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
ขณะเดียวกันนี้เอง สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็เต็มไปด้วยความตกใจกลัวและความงุนงง
เพล้ง! เท้าขวาพลันเหยียบกระเบื้องแตก เยี่ยเว่ยหมิงหยุดไล่ตาม เปลี่ยนเป็นรีบถอยไปข้างหลังแทน เขาต้องการดึงระยะห่างจากฝ่ายตรงข้ามทันทีที่กระบวนท่านี้เกิดความผิดพลาด
ทว่าแม้อวิ๋นจงเฮ่อจะเป็นน้องเล็กในบรรดาสี่คนโฉด แต่เขาก็เป็น BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้าอยู่ดี!
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเยี่ยเว่ยหมิง ในหัวก็มีคำว่า ‘อยากชนะต้องรีบลงมือ’ ลอยขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็เหยียบกระเบื้องแตกใต้เท้าอย่างไม่ลังเล ขยุ้มมือขวาไปทางคอของเยี่ยเว่ยหมิง
ขอเพียงเป็น NPC ที่ถูกเรียกว่าโจรราคะ วรยุทธ์อย่างอื่นอาจจะไม่เก่งมาก แต่มีอยู่สองวิชาที่ไม่แย่แน่นอน
หนึ่งคือวิชาตัวเบา ทำอาชีพที่คนเกลียดอย่างโจรราคะ ถ้าวิ่งไม่เร็วก็คงตายไปนานแล้ว
สองก็คือวิชาคว้าจับ หรือไม่ก็วิชาจี้สกัดจุด โดยทั่วไปนับเป็นหนึ่งในทักษะอาชีพของพวกเขาแล้ว หลายครั้งที่ใช้มันเป็นเหมือนเครื่องหยุดเวลาและเครื่องช็อตไฟฟ้า ปกติต้องขยันฝึกวิชาพวกนี้แน่นอน
อวิ๋นจงเฮ่อคนนี้เป็นจ้าวแห่งโจรราคะ วิชามือคว้าจับย่อมไม่แย่อยู่แล้ว ตอนนี้ถ้าถูกอีกฝ่ายจับได้ เยี่ยเว่ยหมิงต้องหนีไม่พ้นการโจมตีสุดโหดแบบต่อเนื่องแน่นอน
อาศัยค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิง เมื่อถูก BOSS เลเวลเจ็ดสิบห้าจับทุบ ก็ต้องตายสถานเดียวแน่นอน
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ตกใจจนหน้าถอดสี เขาร้องอุทานพร้อมผลักฝ่ามือซ้ายออกไปโดยสัญชาตญาณ ราวกับสาวน้อยที่กำลังจะถูกล่วงเกินแล้วจะผลักชายฉกรรจ์ที่อยู่ตรงหน้าออกไปโดยเปล่าประโยชน์
เมื่อเห็นฉากนี้ หงชีกงที่อยู่ด้านล่างกลับเอามือปิดใบหน้าชราของตัวเอง
ฉากนี้คุ้นตาเกินไปแล้ว
ฝ่ามือซ้ายที่เยี่ยเว่ยหมิงผลักออกมาดูธรรมดาแล้วคนอื่นมองไม่เข้าใจ แต่มีหรือที่เขาจะไม่รู้จัก
นอกจาก ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่มีผลข่มวิชามือคว้าจับทั่วทั้งยุทธภพแล้ว ยังจะเป็นอะไรไปได้อีก
เดิมที สาเหตุที่เขาเลือกสอน ‘มังกรโรมรันกลางไพร’ ให้เยี่ยเว่ยหมิง ก็เพื่อให้เจ้าหมอนี่เรียนรู้ที่จะสู้กับศัตรูซึ่งๆ หน้าอย่างสง่าผ่าเผย แต่ลักษณะพิเศษของกระบวนท่านี้กลับตัดสินแล้วว่าถ้าเยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจจะควบคุมให้พลังฝ่ามือดูอ่อนแอลง คนนอกก็มองไม่เห็นช่องโหว่ใดๆ เลย!
แม้แต่กระบวนท่าที่บ้าระห่ำอย่าง ‘มังกรโรมรันกลางไพร’ ก็ยังใช้วางกับดักคนอื่นได้ หงชีกงรู้สึกว่าไม่มีใครทำได้เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงอีกแล้ว
แม้ยังมีกระบวนท่าที่สง่าผ่าเผยทั้งยังเขย่าขวัญอย่างสะท้านขวัญร้อยลี้อยู่ ตามหลักการแล้วท่านั้นไม่มีทางนำมาใช้วางกับดักคนได้แน่นอน
แต่หลังจากเห็นเยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘มังกรโรมรันกลางไพร’ แบบแหกกฎ หงชีกงก็ไม่กล้าหวังมากแล้ว
กรรร! ชั่วพริบตาที่นิ้วของอวิ๋นจงเฮ่อสัมผัสกับข้อมือของเขา มังกรซ่อนกบดานก็ถูกเปิดใช้งานอย่างที่คาดไว้ พลังฝ่ามือรูปมังกรขนาดใหญ่ถูกกลืนกินทันที
-18380!
เส้นเอ็นขาด!
จะว่าไปพลังฝ่ามือของอวิ๋นจงเฮ่อก็แข็งแกร่งเช่นกัน แม้จะถูก ‘มังกรซ่อนกบดาน’ โจมตีซึ่งๆ หน้าหนึ่งที แต่ก็แค่ถูกตัดเส้นชีพจรบนฝ่ามือ ทำให้ฝ่ามือของเขาปล่อยพลังออกมาไม่ไหวเท่านั้น ไม่ได้ทำให้เกิดผล ‘กระดูกแตก’ อย่างที่คาดไว้
แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
เนื่องจากปรานแท้ป้องกันตัวของอวิ๋นจงเฮ่อพังทลายเพราะฝ่ามือนี้แล้ว ถ้าอยากจะรวบรวมปราณอีกครั้ง ก็ต้องเดินลมปราณใหม่
[ลงมือหลังจากเขาหลบฝ่ามือต่อไปของข้าได้!] พอรีบส่งข้อความในช่องทีมเสร็จ เยี่ยเว่ยหมิงก็พลันดันสองฝ่ามือออกมาข้างหน้า
เสียงมังกรคำรามที่สูงทะลุเมฆก้องทั่วทั้งตีนเขาชิงเฉิง
สะท้านขวัญร้อยลี้!