ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ – ตอนที่ 455 ดาบเปลวอัคคี!

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 455 ดาบเปลวอัคคี!

ตอนที่ 455 ดาบเปลวอัคคี!

แต่ก็น่าเสียดายมาก ถึงจิวหมัวจื้อจะฉลาด แต่คูหรงก็ไม่ได้โง่เช่นกัน!

ตอนที่ต้วนเจิ้งหมิงไปขอความช่วยเหลือที่วัดเทียนหลง คูหรงก็เพียงพูดเบาๆ ประโยคหนึ่ง แล้วก็ไล่ต้วนเจิ้งหมิงออกมาทันที

ดังนั้นศัตรูที่จิวหมัวจื้อเผชิญหน้าด้วย จึงกลายมาเป็นกระบวนทัพอย่างที่เห็นตอนนี้

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังฉวยโอกาสนี้ทำให้ต้วนเจิ้งหมิงบาดเจ็บหนักได้อยู่ดี ทั้งยังสืบเบาะแสของ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ได้ด้วย

อย่างไรเสีย ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ก็คือวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่มีพื้นฐานมาจาก ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ ถ้าเข้าใจ ‘ดรรชนีเอกสุริยัน’ มากขึ้นสักหน่อย ตอนสู้กับ ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ ก็จะมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่ง

แม้เขาจะรู้มาว่าตอนนี้ที่วัดเทียนหลงยังไม่มีใครฝึก ‘ดรรชนีกระบี่หกชีพจร’ สำเร็จก็ตาม

ไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวแต่หนึ่งในหมื่น[1]

จิวหมัวจื้อเป็นพระที่ระมัดระวังตัวมาก สำหรับเรื่องใหญ่อย่างศึกแย่งชิงตำราลับ เขาจะวางแผนอย่างระมัดระวังอย่างไรก็ไม่ถือว่าทำเกินไป

ในเมื่อต้องการจะสืบเบื้องลึกของอีกฝ่าย ไม่ใช่ให้อีกฝ่ายมามองทะลุตน เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่เผยไพ่ลับของตัวเองง่ายๆ อยู่แล้ว

แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะเจ้าเยี่ยเว่ยหมิงนั่นน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!

แผนชั่วแต่ละอย่างที่ใช้ทำเสียเรื่องครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นแผนที่ชั่วร้ายมาก!

เขาเจออุปสรรคต่อเนื่องเมื่ออยู่ต่อหน้าวิธีการต่ำช้าของเยี่ยเว่ยหมิง ภายใต้ความจนใจนี้ ในที่สุดเขาก็ถูกบีบให้ต้องเผย ‘ดาบเปลวอัคคี’ ล่วงหน้าเพื่อพลิกสถานการณ์

ทว่าตอนที่เขาใช้ ‘ดาบเปลวอัคคี’ บีบให้สี่ยอดฝีมือถอยไป และเตรียมจะกำจัดเยี่ยเว่ยหมิงออกจากสนามก่อนนั่นเอง

กลับพบว่าหลังจากอีกฝ่ายเห็นเขาสำแดงอานุภาพแล้ว แทนที่จะทำสีหน้าตกใจ กลับเผยสีหน้าดีใจด้วยซ้ำ พร้อมทั้งตะโกนเสียงดังว่า “ตอนนี้แหละ!”

แย่แล้ว!

พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ เชิญร่ำสุราที่เพิ่งโล่งอกก็ตกใจทันที

แม้เขาจะไม่รู้ว่าตอนที่เผชิญหน้ากับจิวหมัวจื้อที่ปะทุพลลังออกมาเต็มที่เยี่ยเว่ยหมิงจะเล่นลูกไม้อะไรได้อีก แต่เขาก็ตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องไม่ดีแล้ว

ไม่เช่นนั้นจะมีคำกล่าวว่า คนที่รู้จักเจ้าดีที่สุด มักจะเป็นศัตรูของเจ้าตลอดไปหรือ

ทว่าสิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ตอนนี้กำลังถูกซานเย่ว์ก่อกวน เชิญร่ำสุราที่รู้จักเยี่ยเว่ยหมิงดีที่สุดแยกร่างไปทำสองเรื่องพร้อมกันในเวลาเดียวไม่ได้เลย

แต่จิวหมัวจื้อกลับไม่ได้ตระหนกมากเท่าเชิญร่ำสุรา!

ต่อให้ก่อนหน้านี้ถูกแผนชั่วของเยี่ยเว่ยหมิงเล่นงานจนหัวไฟลุก แต่พระธรรมจักรใหญ่ท่านนี้ก็ยังดึงดันคิดว่าเจ้าเด็กนี่ก็ทำได้แค่เรื่องที่ไม่สง่าผ่าเผยเท่านั้น แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีฝีมือเหนือกว่าโดยสมบูรณ์ ไม่ว่าแผนชั่วอะไรก็เป็นเพียงเสือกระดาษ ภายนอกน่ากลัวแต่ที่จริงแล้วไม่มีอะไร!

ดังนั้น เขาจึงไม่สนใจเสียงตะโกนว่า ‘ตอนนี้แหละ’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเลย รวบรวมพลังอีกครั้งอย่างแน่วแน่ แล้วใช้ดาบเปลวอัคคีฟันใส่เยี่ยเว่ยหมิง

ข้าไม่สนใจหรอกว่าเจ้าจะมีแผนการเจ้าเล่ห์อะไร ขอแค่ฟันเจ้าดาบเดียว แม้เจ้าจะฟื้นชีพได้อีกครั้ง แต่ก็ถูกตัดชื่อออกจากภารกิจครั้งนี้อยู่ดี แผนต่างๆ ที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ก็จะสูญเปล่าหมด แม้จะกลับมาได้ แต่พวก NPC ก็จะไม่ฟังเจ้าพูดพล่ามอีกอยู่ดี

ดังนั้น จิวหมัวจื้อเชื่อว่าขอเพียงเขาโจมตีดาบนี้ ไม่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะใช้แผนเจ้าเล่ห์อย่างไรอีก แต่ก็ไม่มีที่ให้แสดงความสามารถแล้ว

ทว่าตอนนี้เอง ต้วนเหยียนชิ่ง ต้วนเจิ้งหมิงและหลวงจีนคิ้วเหลืองที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยกำชับไว้แล้วก็ลงมือพร้อมกัน สามคนนี้ต่างคนต่างใช้วิชาที่ตัวเองถนัด ได้แก่ดรรชนีเอกสุริยัน ดรรชนีเด็ดบุปผาและดรรชนีวชิระเพื่อรับมือกับดาบเปลวอัคคีของจิวหมัวจื้ออย่างเด็ดเดี่ยว!

สี่ท่าไม้ตายปะทะกันซึ่งๆ หน้า เพียงการโจมตีครั้งเดียว สามคนฝั่งสกุลต้วนก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งของจิวหมัวจื้อบีบจนถอยหลังต่อเนื่อง ถึงแม้ทั้งสามคนจะร่วมแรงกัน แต่ฝีมือก็ยังห่างชั้นกับหลวงจีนน่ากลัวที่อยู่ตรงหน้า!

ส่วนเซี่ยเยียนเค่อที่อยู่ข้างๆ แม้จะถูกเยี่ยเว่ยหมิงเรียกออกมาเป็น ‘สัตว์เลี้ยงร่วมรบ’ ชั่วคราวและไม่ได้สื่อสารกันก่อน แต่ด้วยความสามารถในการต่อสู้ของเขา เขาก็รู้เช่นกันว่าตอนนี้ตัวเองควรจะทำอะไร

ดังนั้น การตอบสนองของเขาจึงช้ากว่าอีกสามคนเพียงครึ่งจังหวะ หลังจากเห็นอีกสามคนเคลื่อนไหว เขาก็เข้าใจความคิดของทุกคนอย่างทะลุปรุโปร่งในชั่วพริบตาเดียว จึงใช้สุดยอดวิชา ‘ฝ่ามือใสเข็มมรกต’ ที่ทรงพลังที่สุดของตัวเองร่วมแรงกับยอดฝีมืออีกสามคนทันที ต่อต้านพลังดาบเปลวอัคคีของจิวหมัวจื้อพร้อมกัน

ใช่สี่คนสู้กับหนึ่งคน!

สถานการณ์การต่อสู้ก็พลิกผันอีกครั้งทันที หลังจากจิวหมัวจื้อปะทุพลังดาบเปลวอัคคีเพื่อเปลี่ยนสถานการณ์ ตอนนี้เข้าสู่ช่วงประลองกำลังภายใน ซึ่งเป็นการประลองที่อันตรายที่สุดแล้ว!

ถ้าพูดถึงความล้ำลึกกับระดับความแข็งแกร่งของกำลังภายใน จิวหมัวจื้อย่อมไม่กลัวสี่คนที่อยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว

ในสายตาของคนอื่น พวกเขาเหล่านี้อาจถือเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานในยุทธภพ แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาจิวหมัวจื้ออยู่ดี การต่อสู้แบบหนึ่งต่อสี่ภายในการเสริมอานุภาพจากดาบเปลวอัคคี เขามั่นใจว่าจะสู้ชนะได้

แต่ตอนที่การประลองกำลังภายในของเขากับสี่ยอดฝีมือเข้าสู่ช่วงที่ไม่มีใครยอมใคร ความรู้สึกวิกฤติที่เหมือนมีหนามแทงข้างหลังก็เริ่มปกคลุมลงมาที่เขาอีกครั้ง

พอมองไปทางแหล่งที่มาของวิกฤตินั้น เขากลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงกำลังถือกระบี่เล่มหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างกำลังงอนิ้วคำนวณอย่างรวดเร็ว

เพราะครั้งนี้จิวหมัวจื้อถูกสี่ยอดฝีมือตรึงเอาไว้โดยสิ้นเชิงแล้ว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ได้ตามอำเภอใจสักที!

เชิญร่ำสุราที่อยู่อีกด้านของสนามรบสังเกตได้ว่าจิวหมัวจื้อมีสีหน้าร้อนรน จึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหาทันที เขาเตรียมจะสลัดซานเย่ว์เพื่อไปช่วยฝั่งนั้น

ส่วนข้อตกลงระหว่างจิวหมัวจื้อกับสกุลต้วนต้าหลี่ เกี่ยวอะไรกับเขาด้วยหรือ

แต่ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงคำนวณการปฏิกิริยาของทุกคนได้แล้ว ก็ย่อมไม่มีทางที่จะไม่ป้องกันศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดอย่างเขา

ตอนที่เชิญร่ำสุราเจียดเวลารับมือกับซานเย่ว์เพื่อยิงเข็มเงินไปทางเยี่ยเว่ยหมิง จู่ๆ ก็มีเงาคนพุ่งขึ้นมาในแนวเฉียง ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ร่างกายตัวเองมาบังเข็มพิษสามเล่มนั้นไว้หมด

ผู้ที่มาคือคนที่ไม่ถนัดทักษะการต่อสู้ เป็นแค่กำลังภายในกับวิชาตัวเบาเท่านั้น เจ้าอ้วนชนะฟ้า

เพียงแต่การปรากฏตัวของเขาตอนนี้ กลับทำให้การโจมตีของเชิญร่ำสุราที่คิดว่าแม่นแน่ๆ คว้าน้ำเหลว

หลังจากฝืนรับเข็มพิษสามเล่มแล้ว เจ้าอ้วนชนะฟ้ากลับโยนยาสองเม็ดเข้าปากด้วยรอยยิ้มเจื่อน เม็ดหนึ่งเป็นยาถอนพิษ อีกเม็ดหนึ่งเป็นยารักษาแผล

ในฐานะผู้เล่นที่ไม่มีพลังต่อสู้ที่ใช้งานได้จริงอย่างเขา ตอนที่เนื้อเรื่องเปลี่ยนจนไม่ต้องใช้คนลงตัวหมากแล้ว เขาก็ทำได้เพียงแสดงบทบาทของโล่กำบัง

ไม่รอให้เชิญร่ำสุราลงมืออีกครั้ง ซานเย่ว์ก็พลันเล่นงานอีกครั้ง เห็นสองมือขาวดุจหยกของนางใช้ท่าไม้ตายอย่างต่อเนื่อง ไม่แยแสวิชากระบี่ที่กลับกลอกของเชิญร่ำสุราเลยสักนิด ชัดเจนว่าเป็นวิธีการต่อสู้ที่พร้อมจะพินาศย่อยยับไปด้วยกัน

เมื่อซานเย่ว์ใช้วิธีการต่อสู้แบบนี้ ก็ทำให้แน่ใจแล้วว่าเชิญร่ำสุราไม่กล้าสู้ตายกับนาง

เพราะถึงอย่างไร ในกระบวนทัพฝ่ายศัตรูตอนนี้ก็มีเพียงเชิญร่ำสุราคนเดียวที่ยังรับประกันได้ว่าภารกิจจะไม่ขาดตอน ขอเพียงเขาตายไปครั้งเดียว ศึกใหญ่แย่งตำราลับหลังจากนี้ก็จะไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาแล้ว

ดังนั้น ตอนนี้ใครจะตายก็ตายไป มีเพียงเชิญร่ำสุราที่ตายไม่ได้!

เมื่อเกิดความพะว้าพะวงนี้ขึ้นในใจก็จะเสียเปรียบในการต่อสู้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ชั่วขณะนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเชิญร่ำสุราจะถูกซานเย่ว์ที่ฝีมือด้อยกว่าเขาเยอะกดดันจนตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้ว

เชิญร่ำสุราในตอนนี้ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับสหายร่วมรบอีกสองคนของเขาแล้ว

แต่ตอนที่เขาหันไปมอง เขากลับเห็นฉากที่ทำให้เขาผิดหวังยิ่งกว่า

[1] ไม่กลัวหนึ่งหมื่น กลัวแต่หนึ่งในหมื่น 不怕一万,就怕万一 ไม่กลัวสิ่งที่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้น กลัวก็แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ

Status: Ongoing
ไหนๆ ก็โดน NPC หลอกมาเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแล้ว อย่างน้อยก็ขอสกิลดีๆ หน่อยแล้วกัน!นิยายแฟนตาซีแนวเกมออนไลน์ที่จะพาคุณไปท่องยุทธภพและไขคดีสไตล์มือปราบขั้นเทพ!เยี่ยเว่ยหมิง หนึ่งในเด็กหนุ่มที่ลงทะเบียนสมัครใจอพยพไปต่างโลกเพื่อป้องกันสมองตายระหว่างหลับจำศีลตอนเดินทางในอวกาศเขาจึงต้องร่วมเล่นเกมออนไลน์ที่มีฉากหลังเป็นยุทธภพก่อนจะโดน NPC ลึกลับหลอกเข้าสำนักมือปราบที่ไม่มีวิทยายุทธ์ให้ฝึกแต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าสำนักมือปราบจะไม่มีอะไรเลยเพราะหลังจากที่เยี่ยเว่ยหมิงทำแบบทดสอบของใต้เท้าซ่งผ่านเขาก็ได้รับสกิลตัดสินคดีที่พ่วงมาด้วยเวทชันสูตรศพและเวทบรรจุศพซึ่งเวทบรรจุศพนี้เองทำให้เขาสามารถรับของที่ซ่อนไว้บนตัวผู้ตายได้รวมถึงดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายได้อีกด้วยเยี่ยมเลย! ตอนนี้เขาพร้อมที่จะออกไปไขคดีทั่วยุทธภพแล้ว!…[ติ๊ง! เปิดใช้พาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบ…][ติ๊ง! สกิลพิเศษ ‘เวทบรรจุศพ’ : สามารถดูดเอาค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ของผู้ตายโดยการจัดการศพ BOSS][ติ๊ง! จัดการศพผู้อาวุโสสำนักไท่ซาน ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ เพิ่มค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่ 5000 แต้ม]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท