ตอนที่ 459 วิธีการเปิด ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่ถูกต้อง
“จอมยุทธ์น้อยทั้งสองสมกับเป็นขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์จริงๆ ทำภารกิจสำเร็จอย่างโดดเด่นมาก!”
บนถนนของเมืองฝั่งตะวันออกแห่งต้าหลี่ ซ่งปิงอี่ที่แต่งกายเหมือนขอทาน ข้างกายมีลูกเมียติดตามเป็นโขยงกล่าวชมเต็มที่ ชื่นชมเยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ไปยกหนึ่ง “พวกเจ้าไม่เพียงแค่ช่วยต้วนอวี้ออกมาสำเร็จ ทั้งยังสังหารอวิ๋นจงเฮ่อ หนึ่งในสี่คนโฉดพี่สมควรตายที่สุดได้อย่างราบรื่นด้วย ทั้งยังคลี่คลายปมความแค้นระหว่างสกุลต้วนต้าหลี่กับเจ้าโฉดชั่วบาปหนักต้วนเหยียนชิ่งอีกด้วย”
นับนิ้วบรรยายการแสดงฝีมือต่างๆ ของทั้งสองระหว่างที่ทำภารกิจ สุดท้ายผู้อาวุโสซ่งก็กล่าวสรุปว่า “เอาเป็นว่า พวกเจ้าได้ทำเรื่องที่ผู้เล่นคนหนึ่งควรจะทำได้ไปแล้ว ทำได้แทบถึงระดับที่สมบูรณ์แบบ เป็นเรื่องที่ล้ำค่ามาก หายากและล้ำค่า!”
เมื่อได้ยินว่าซ่งปิงอี่รู้ถึงเรื่องราวระหว่างที่ทำภารกิจละเอียดขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็จับประเด็นสำคัญบางอย่างได้ทันที ถามอย่างสงสัยว่า “ผู้อาวุโสซ่งรู้เรื่องภารกิจของพวกเราขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าตอนที่เราสองคนทำภารกิจ ท่านก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย”
ซ่งปิงอี่ส่ายหน้าทันที “ข้ามีลูกเมียเป็นโขยงกำลังรอกินข้าวจากข้าอยู่นะ จะเอาเวลาจากไหนไปยุ่งเรื่องไร้สาระอย่างอื่น”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วยิ้มบางๆ “ผู้อาวุโสซ่ง ตัดสินจากทักษะ ‘ทักษะสังเกตสีหน้าท่าทาง’ ที่ข้าเรียนมาจากสำนักมือปราบเทพ ระดับการกระตุกของเปลือกตาและการหดของกล้ามเนื้อผิดปกติ ชัดเจนว่าท่านกำลังโกหก”
ซ่งปิงอี่ได้ยินแล้วกลอกตามองบน “เกือบลืมนางหนูคนนี้ไปเสียแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร บอกความจริงกับพวกเจ้าไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก ตอนนั้นข้าอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย แต่ไม่ได้ยื่นมือช่วยพวกเจ้าสู้กับจิวหมัวจื้อ เป็นอย่างไรล่ะ”
ก็ได้!
พอผู้อาวุโสซ่งท่านนี้เห็นว่าตัวเองแก้ตัวไม่ได้แล้ว ก็ทำตัวหน้าด้านเสียเลย
เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์เห็นแล้วพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง แต่กลับได้ยินซ่งปิงอี่พูดต่อไปว่า “ที่จริงแล้ว จิวหมัวจื้อนั่นแม้จะคุณสมบัติต่ำไปหน่อย แต่มีประโยคหนึ่งของเขาที่กล่าวเอาไว้ไม่ผิด ด้วยพลังฝีมืออย่างเขา ในใต้หล้านี้คนที่สู้กับเขาได้อย่างสูสีมีอยู่ไม่เยอะจริงๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามไปเรื่อยเปื่อยว่า “ผู้อาวุโสซ่งก็สู้ไม่ไหวเหมือนกันหรือ”
“ข้าก็ต้องสู้ไม่ไหวอยู่แล้วสิ” ซ่งปิงอี่ส่ายหน้าเล็กน้อย “ถ้าข้าสู้ตัวต่อตัวกับเขาจริงๆ เกรงว่าสู้กันไม่ถึงสามกระบวนท่า ข้าก็คงคุกเข่าขอร้อง…”
เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ได้ยินแล้วแอบส่งสายตาให้กัน ซ่งปิงอี่คนนี้ยอมรับได้เต็มปากเต็มคำอย่างนี้เลยหรือ
ตอนนี้เอง กลับได้ยินซ่งปิงอี่พูดต่อให้จบประโยค “ขอร้องเขาว่าอย่าตาย”
“วอทเดอะฟัค!”
เยี่ยเว่ยหมิงกับซานเย่ว์ชูนิ้วกลางให้อดีตผู้อาวุโสพรรคกระยาจกท่านนี้พร้อมกัน อวดเก่งแบบไม่ให้พวกเขาตั้งตัวเลย!
แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดจาเหลวไหล แต่ไม่ว่า NPC คนไหนก็ไม่อาจฝืนกฎสูงสุดของระบบได้อยู่ดี แต่ทั้งสองก็ยังไว้หน้าเขาด้วยการเก็บสำรวมสายตาเหยียดหยามและเลิกชูนิ้วกลาง
ซ่งปิงอี่เห็นแล้วก็กระแอมเบาๆ หนึ่งที แล้วก็กวักมือเรียกเมียหนึ่งในสองคน คนที่หน้าตาสวยกว่า พอนางเห็นแล้วก็ยื่นตำราลับหนึ่งเล่มกับกล่องโลหะรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหนึ่งใบ เห็นชัดเจนว่าทั้งตัวกล่องโลหะเป็นสีดำ เป็นงานฝีมือที่ประณีตที่สุด บนนั้นสลักรูปงูพิษสีทองแลบลิ้นเผยเขี้ยวแหลม ดูมีชีวิตชีวา ถึงขั้นทำให้คนรู้สึกถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ในนั้น
ขณะยื่นตำราลับและกล่องให้ซานเย่ว์ ซ่งปิงอี่ก็บอกว่า “นี่ นางหนู นี่ก็คือรางวัลภารกิจของเจ้า เพราะการแสดงความสามารถของเจ้าในภารกิจครั้งนี้ นอกจาก ‘วิชานางฟ้ามังกรเทพ’ ที่เป็นวิทยายุทธ์ระดับสูงแล้ว ข้าก็ส่งตะปูตอกมังกรชุดนี้ให้เจ้าเป็นพิเศษ ใช้งานร่วมกับวิชาอาวุธลับที่เจ้าฝึกได้ มันจะทำให้พลังต่อสู้ของเจ้าขึ้นสู่ระดับใหม่แน่นอน”
ซานเย่ว์เก็บของสองอย่างนี้ไว้ จากนั้นส่งลิงก์ไอเทมให้เยี่ยเว่ยหมิงทันที
[ตะปูตอกมังกร (อาวุธล้ำค่า): อาวุธลับที่แข็งแกร่งที่สุดของเกาะมังกรเทพ นอกจากพลังทำลายล้างที่น่าตกใจ ยังมีผลจี้จุดสกัดเลือดลมด้วย หนึ่งชุดมีเก้าเล่ม ใช้งานซ้ำได้]
โจมตี +500
กำลังภายใน +50%
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: จี้จุดสกัดเลือดลม
[จี้จุดสกัดเลือดลม: ใช้วิธีระงับการโคจรเลือดลม ทำให้ศัตรูเคลื่อนไหวช้าลง (ผลที่ได้แตกต่างกันไปตามพลังของตัวเองและศัตรู)]
……
เมื่อเห็นค่าสเตตัสของตะปูตอกมังกร เยี่ยเว่ยหมิงก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง
เขายอมรับว่าเขาต่ำช้า อยากได้ตะปูตอกมังกรของซานเย่ว์!
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ย้ายสายตาออกจากของที่ไม่ใช่ของตัวเอง จากนั้นหันไปมองซ่งปิงอี่ ในเมื่อแจกรางวัลภารกิจของซานเย่ว์เสร็จแล้ว เช่นนั้นก็ถึงคราวของตนแล้วน่ะสิ
พอซ่งปิงอี่เห็นสายตาที่เฝ้าคอยของเยี่ยเว่ยหมิง ก็กล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจทันที “มองอะไรของเจ้า รสนิยมทางเพศของข้ายังปกติ ถ้าอยากได้รางวัลภารกิจ ก็รีบนำ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ออกมา”
ในที่สุดก็เข้าประเด็นสักที!
เยี่ยเว่ยหมิงฮึกเหิมทันที นำตำราลับทักษะยุทธ์ที่สุกเอาเผากินยิ่งกว่าหนังสือสำหรับเด็กออกมาจากหน้าอกแล้วยื่นให้ซ่งปิงอี่
หลังจากซ่งปิงอี่รับตำราลับมาแล้วก็เลิกคิ้วให้เยี่ยเว่ยหมิงก่อน แต่กลับโยนมันลงพื้นเหมือนขยะ “อย่ากะพริบตา คอยดูตำราลับให้ดี”
แม้ในใจเยี่ยเว่ยหมิงจะสงสัยอยู่ลึกๆ แต่ก็ยังทำตามที่เขาบอก
ตอนนี้กลับเห็นซ่งปิงอี่โบกมือ ลมฝ่ามือวูบหนึ่งพัดเข้ามา ตำราลับเล่มนั้นราวกับถูกลมพัดให้เปิดทีละหน้า ภาพที่อยู่บนนั้นไหลผ่านสายตาของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างรวดเร็ว ทำให้ภาพในตำราลับเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนกับฉากในการ์ตูนมาก
[ติ๊ง! คุณตระหนักรู้ตำราลับ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ สำเร็จ ได้เรียนรู้ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ จาก ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’!]
[ติ๊ง! ตรวจสอบได้ว่าปัจจุบันคุณเรียนรู้ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ สี่กระบวนท่าแล้ว ทั้งยังเรียนรู้ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ที่เป็นหัวใจของสุดยอดวิชาฝ่ามือ เคล็ดฝ่ามือสี่กระบวนท่าจึงรวมกันอัตโนมัติกลายเป็นเศษของสุดยอดวิชา ค่าสเตตัสโดยละเอียดกรุณาอ่านในคอลัมน์ทักษะเอง]
สุดยอด!
การอ่านตำราลับ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ง่ายขนาดนี้เชียวหรือ
แต่จากนั้นเขาก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่นอีก วิธีการรวมภาพในตำราลับแล้วอ่านแบบนี้ เขาก็เคยลองมาแล้วเช่นกัน แต่ก็มักรู้สึกว่าภาพพวกนั้นเป็นภาพที่ไร้ระเบียบ เชื่อมโยงข้างหน้าและข้างหลังไม่ได้เลย แล้วมันรวมกันกลายเป็นเคล็ดฝ่ามือหนึ่งกระบวนท่าได้ด้วยหรือ
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ดูจากวิธีการใช้กระบวนท่าที่ระบบส่งเข้ามาในสมองเขา วิธีการออกแรงของ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในภาพเหล่านั้นเลยสักนิด
นี่ข้าเรียนอะไรมากันแน่?
ทว่ายังไม่ทันรอให้เยี่ยเว่ยหมิงอ่านค่าสเตตัสของ ‘มังกรผยองได้สำนึก’ ข้างหูกลับมีเสียงของซ่งปิงอี่ดังขึ้น “อย่าเสียสมาธิ ดูให้ดี”
พอได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ทำได้เพียงข่มความอยากอ่านค่าสเตตัสไว้ชั่วคราว ย้ายสายตาไปมองบนตำราลับทรุดโทรมที่เปิดตั้งแต่ต้นจนจบแล้วหงายปกหลังขึ้นมา
ตอนนี้กลับเห็นซ่งปิงอี่โบกมืออีก ตำราลับเปิดย้อนไปข้างหน้าอีกครั้ง ถูกลมฝ่ามือพัดให้เปิดทีละหน้า รวมกันเป็นภาพเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน…