ตอนที่ 461 องค์ชายฝั่งใต้อาจไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้า
[มังกรผยองได้สำนึก]
ประเด็นสำคัญที่แท้จริงของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ทั้งชุด ที่จริงไม่ได้อยู่ที่คำว่า ‘ผยอง’ แต่อยู่ที่คำว่า ‘สำนึก’ ต่างหาก ‘มังกรผยองได้สำนึก เต็มแล้วไม่อาจคงอยู่นาน’ ดังนั้นเมื่อปล่อยออกไปแล้วก็ต้องเก็บ พลังที่โจมตีออกไปมีสิบส่วน แต่พลังที่เก็บไว้กับตัวกลับมียี่สิบส่วน
เลเวล: 10
ค่าประสบการณ์: …
ป้องกัน +600%
โจมตี +600%
แม่นยำ +600%
กำลังภายในที่ใช้: 500 แต้ม
เหลือเฟือไม่หมดสิ้น: หลังจากโจมตีไปหนึ่งฝ่ามือแล้ว จะใช้ฝ่ามือใดใน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ต่อก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรวบรวมกำลังภายในขึ้นใหม่ ปล่อยพลังฝ่ามือต่อเนื่องได้ในอึดใจเดียว ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพของฝ่ามือที่สอง 20%!
……
[มังกรบินอยู่สวรรค์]
โจมตีจากที่สูง อานุภาพอัศจรรย์
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 0/200
โจมตี +60%
แม่นยำ +60%
กำลังภายในที่ใช้: 50 แต้ม
โจมที่จากที่สูง: ก่อนปล่อยฝ่ามือยิ่งทะยานร่างขึ้นสูงเท่าไร ประสิทธิภาพของเคล็ดฝ่ามือก็จะยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น
……
[มังกรผงาดกลางทุ่ง]
เป็นท่าที่ให้ความสำคัญกับการป้องกัน อาศัยพลังฝ่ามือสร้างปราการที่มั่นคงกลางอากาศ ศัตรูมาก็กั้นไว้ ถ้าไม่มีศัตรูมาถึงตัว ก็จะหายไป
เลเวล: 1
ค่าประสบการณ์: 0/200
ป้องกัน +80%
โจมตี +20%
แม่นยำ +50%
กำลังภายในที่ใช้: 50 แต้ม
ไม่โลภใจย่อมแกร่ง: 20% ของค่าสเตตัสความแข็งแกร่ง จะกลายเป็นพลังป้องกันพื้นฐานที่มั่นคงให้พลังฝ่ามือ
……
ก่อนที่เยี่ยเว่ยหมิงจะเรียนเคล็ดฝ่ามือใหม่ เขาเคยเรียนมังกรซ่อนกบดาน สะท้านขวัญร้อยลี้และมังกรโรมรันกลางไพรมาก่อนอยู่แล้ว เพิ่มเลเวลถึงระดับสมบูรณ์ตั้งนานแล้วเช่นกัน
สำหรับผลลัพธ์ของสามกระบวนท่านั้น ก่อนหน้านี้ได้บรรยายไว้นานแล้ว ตรงนี้ละไว้ในฐานที่เข้าใจ
หลังจากจัดการกับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เริ่มจัดการตำราลับตระหนักรู้สามเล่มที่ได้มาตอนเก็บศพหัวเฮ่อเกิ้น
เล่มแรกคือ ‘ตระหนักรู้การคำนวณ’ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงอ่านเข้าใจแล้ว ก็ได้รับค่าประสบการณ์คำนวณ 42000 แต้ม จากนั้นก็เป็นตระหนักรู้วิชาดรรชนี หลังจากอ่านโดยใช้วิธีเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ค่าประสบการณ์ที่ได้ก็ไปเพิ่มบนทักษะประเภทความคิดที่ไม่ได้เพิ่มเลเวลมานานแล้ว ทำให้ทักษะนั้นได้ค่าประสบการณ์เพิ่ม 52500 แต้ม
หลังจากเพิ่มค่าประสบการณ์ไปบนนั้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ทักษะ ‘คำนวณ’ ที่เดิมทีเลเวลสอง กระโดดพรวดถึงเลเวลเจ็ดในครั้งเดียว ค่าสเตตัสของมันเปลี่ยนไปแล้ว
[คำนวณ]
มีทั้งความสามารถด้านการอนุมานและคำนวณ
เลเวล: 7
ค่าประสบการณ์: 9396/100000
การโจมตีของกระบวนท่าประเภททักษะยุทธ์ทั้งหมด +35%
ป้องกัน +35%
แม่นยำ +35%
เสริมผลลัพธ์ให้ทักษะพิเศษ
……
ค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้น 35% ดูเหมือนไม่เยอะ แต่มันใช้กระบวนท่าซ้อนกันได้เหมือนไท้ซัวเป็นไฉน ไม่ว่าจะใช้กระบวนท่าใดๆ ประสิทธิภาพก็จะเพิ่มขึ้นแบบนี้
แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์ดีขนาดไหน!
ผลลัพธ์นี้ถ้าบวกกับทักษะ ‘วรรณกรรม’ ก่อนหน้า ก็เพียงพอที่จะทำให้พลังโจมตีปัจจุบันของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นอีกระดับ
ตำราเล่มสุดท้ายก็คือตระหนักรู้กำลังภายใน ใช้วิธีเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันเพิ่มไปบน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ โดยไม่คาดคิด แต่ก็ยังกระตุ้นวิชาที่เหมือนหลุมดำนั่นไม่ได้เลยสักนิด
การจะเพิ่มเลเวลให้ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ถึงระดับสมบูรณ์ หนทางยังอีกยาวไกลมาก
……
ตกกลางคืน แสงไฟอันงดงามเพิ่งส่องสว่าง บรรยากาศในพระราชวังของต้าหลี่คึกครื้นและเป็นมงคล
ต้วนเจิ้งหมิงจัดงานเลี้ยงใหญ่โตแสดงความขอบคุณที่ให้ความช่วยเหลือสกุลต้วนต้าหลี่ในการช่วยต้วนอวี้ออกมา
งานนี้นอกจากเจ้าภาพหลักอย่างต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเจิ้งฉุน เตาไป๋เฟิ่ง ต้วนอวี้และมู่หว่านชิงแล้ว ยังมีซือหม่าฟ่านหวากับซือคงปาเทียนสือ สองในสามขุนนางใหญ่แห่งต้าหลี่ รวมทั้งสี่องครักษ์พระราชวังต้าหลี่ ฉู่ว่านหลี่ กู่ตู่เฉิง ฟู่ซือกุย จูตานเฉิน
นอกจากนี้ก็เป็นผู้เล่นหกคนที่อยู่ในทีมของเยี่ยเว่ยหมิง
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว สิ่งที่เหนือความคาดหมายแต่ก็สมเหตุสมผลก็คือ ต้วนเจิ้งหมิงเปลี่ยนสงครามให้เป็นสันติภาพ เชิญสามคนโฉดคนที่เคยเป็นศัตรูมาร่วมงานเลี้ยงด้วย ทั้งยังรั้งให้อีกฝ่ายค้างที่พระราชวังต้าหลี่หนึ่งคืน วันต่อมาค่อยเดินทางออกจากต้าหลี่
ถ้าจะพูดถึงคนที่พิเศษที่สุดในบรรดาคนเหล่านี้ ก็ต้องนับคุณชายยอดเสน่ห์อย่างต้วนเจิ้งฉุนด้วย
ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าตรงไหนมีเขาอยู่ ก็มักจะเปลี่ยนฉากการล้างแค้นในยุทธภพ งานเลี้ยงในยุทธจักรให้กลายเป็นละครแนวจอมยุทธ์คุณธรรมฟอร์มยักษ์ได้
ในเมื่อเขาปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันนี้ ก็ย่อมฝืนประเพณีไม่ได้
ก่อนอื่นเลย ตอนที่งานเลี้ยงเริ่ม ต้วนเจิ้งหมิงกล่าวขอบคุณทุกคนก่อน แล้วก็กล่าวสรรเสริญพร้อมไว้อาลัยให้กับการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของซือถูหัวเฮ่อเกิ้นในระหว่างที่ช่วยต้วนอวี้
จากนั้น งานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ระหว่างนั้นทุกคนพูดคุยกันอย่างสำราญบานใจ นอกจากคนอารมณ์ขันอย่างเย่ว์เหล่าซานที่ปล่อยมุกตลกมากมาย ก็ไม่มีจุดพิเศษอย่างอื่นแล้ว
แต่พอพูดไปพูดมา ก็ลามไปที่เรื่องแต่งงานของต้วนอวี้
ต้วนเหยียนชิ่งในฐานะที่เป็นบิดาแท้ๆ ในความลับของต้วนอวี้ แม้จะให้สถานะกับลูกชายไม่ได้ แต่กับเรื่องใหญ่ในชีวิตของต้วนอวี้ เขาก็ยังยื่นขาข้างหนึ่งเข้าไปแทรกแล้วเช่นกัน
ดังนั้น เขาจึงพูดถึงจงหลิง ผู้ที่ใส่ใจให้ความช่วยเหลือต้วนอวี้เป็นพิเศษระหว่างที่ถูกขัง กล่าวชมไม่หยุดว่าจงหลิงนิสัยดีและทุ่มเทให้ต้วนอวี้โดยไม่เห็นแก่ตัว
หลังจากได้ยินคำแนะนำของเขา ต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเจิ้งฉุนและเตาไป๋เฟิ่งต่างก็รู้สึกว่าเขาพูดจามีเหตุผล เตาไป๋เฟิ่งถึงขั้นถามชะตาแปดอักษร[1]ของจงหลิงด้วย ถ้าเป็นไปได้ ก็จะให้ต้วนเจิ้งฉุนไปสู่ขอที่หุบเขาว่านเจี๋ย
พอคิดว่าลูกสาวของศัตรูหัวใจจะเอาเปรียบลูกชายของตน หวังเฟยท่านนี้ก็แอบสะใจเงียบๆ
เมื่อได้ยินแบบนี้ ต้วนอวี้กลับนึกอะไรขึ้นได้กะทันหัน รีบบอกว่าไม่ต้องทำอย่างนั้น ที่แท้ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกผู้เล่นยังไม่ได้เข้าร่วมภารกิจ เขาไปที่หุบเขาว่านเจี๋ยก็เพื่อช่วยจงหลิง
สาเหตุในตอนนั้นก็เหมือนต้นฉบับเดิม จงว่านโฉวกับกานเป่าเปาไม่ได้ออกหน้าช่วยจงหลิง
แต่กานเป่าเปากลับให้ถุงปักดิ้นแก่ต้วนอวี้ ในนั้นใส่ชะตาแปดอักษรของจงหลิงไว้ ให้ต้วนอวี้นำถุงปักดิ้นไปส่งให้ต้วนเจิ้งฉุน ขอให้ต้วนเจิ้งฉุนยื่นมือเข้ามา ช่วยจงหลิงจากเงื้อมมือซือคงเสวียน ประมุขพรรคเสินหนง
ดังนั้น ชะตาแปดอักษรอะไรนั่นก็มีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปขอใหม่
จากนั้น ฉากวุ่นวายก็เกิดขึ้นภายในสถานการณ์นี้แล้ว…
ตอนที่ต้วนเจิ้งฉุนรับชะตาแปดอักษรของจงหลิงมาจากมือต้วนอวี้ มองปราดเดียวก็เหมือนถูกฟ้าผ่า สีหน้าเหมือนไว้ทุกข์ให้บุพการี!
จากนั้นองค์ชายฝั่งใต้แห่งต้าหลี่ที่เดิมทีอ่อนโยนน่าคบหาก็แปรพักตร์ในชั่วพริบตาเดียว ยืนกรานปฏิเสธเรื่องงานแต่งงานของต้วนอวี้และจงหลิง
ตอนนี้ทุกคนต่างก็ไม่ยอม หลังจากซักไซ้แล้ว ก็ได้รับคำตอบที่เหนือความคาดหมาย แต่ก็สมเหตุสมผล
ไม่น่าเชื่อว่าจงหลิงจะเป็นลูกสาวนอกสมรสของต้วนเจิ้งฉุน เป็นพี่น้องกับต้วนอวี้และมู่หว่านชิง!
เมื่อได้เห็นฉากนี้ พวกผู้เล่นแม้จะรู้ความจริงอยู่แล้ว แต่เมื่อได้เห็นเองกับตาก็รู้สึกพูดไม่ออกเหมือนกัน
ตอนนี้มู่หว่านชิงที่ไม่พอใจอยู่ตั้งนานแล้วก็หนีออกไปเสียเลย ต้วนอวี้รีบตามไป คนอื่นย่อมไม่มีอารมณ์จะกินดื่มต่อแล้ว
งานเลี้ยงฉลองที่เดิมทีสุขสันต์หรรษา ตอนนี้แยกย้ายกันไปพร้อมความขุ่นเคือง
เมื่อเห็นกลุ่ม NPC ต่างคนต่างกลับไปพักผ่อน ผู้เล่นทั้งหกก็สบตากันแวบหนึ่งแล้วไปยังห้องที่ต้วนเจิ้งหมิงเตรียมไว้ให้พวกเขาด้วยกัน
ขณะที่เดินไป เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดขึ้นเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ตอนนี้ภารกิจทางฝั่งสกุลต้วนต้าหลี่นับว่าสำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปทุกคนเตรียมจะทำอะไรต่อ”
พอได้ยินดังนั้น เจ้าอ้วนชนะฟ้าก็พูดก่อนว่า “ข้ายังต้องอยู่ต้าหลี่อีกสักพัก เจอกับยอดฝีมือหมากล้อมที่นี่สักหน่อย ว่ากันว่าต้วนอวี้เล่นหมากล้อมได้ไม่เลวเลย แต่วันนี้เขาคงไม่มีอารมณ์มาเล่นกับข้าแล้ว น่าเสียดาย”
หลิวอวิ๋นพูดต่อว่า “ข้าเองก็เตรียมจะอยู่ที่ต้าหลี่อีกสักระยะเหมือนกัน ว่าจะไปที่วัดเทียนหลง วัดเด็ดบุปผา วัดเซินเจี้ยสักหน่อย ไปศึกษาพุทธธรรมกับพระชั้นสูง เพิ่มเลเวลพุทธธรรมให้ถึงระดับสมบูรณ์โดยเร็ว”
ขุนเขาลำธารย่อมพานพบกลับบอกว่า “ข้ากับเซียนสาวน้อยนักกินเพิ่งได้รับจดหมาย ภารกิจเนื้อเรื่องของสำนักกำลังจะเข้าสู่ช่วงถัดไปแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางแต่เช้าเพื่อกลับไปรับภารกิจ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า เพราะคำนึงถึงอารมณ์ของเพื่อนร่วมทีม จึงไม่ได้บอกเรื่องที่จั่วจื่อมู่มามอบของขวัญให้เขา จึงพูดให้เรื่องพ้นๆ ตัวไปว่าตัวเองต้องเสริมระดับให้มั่นคงสักหน่อย อีกสองวันค่อยกลับไปภาคกลาง
ขณะที่พูดอยู่นั้น เขาก็เจอต้วนอวี้ที่หน้าม่อยคอตกพอดี ขุนเขาลำธารย่อมพานพบอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “คุณชายต้วน เจ้าตามแม่นางมู่ออกไปไม่ใช่หรือ ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะ”
“น้องหว่านขังตัวอยู่ในห้องแล้ว ไม่ยอมออกมาพบข้าเลย ไม่ว่าข้าจะพูดอย่างไรนางก็ไม่สนใจไยดี” ขณะที่พูดอยู่นั้น สีหน้าของต้วนอวี้ก็เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว “จะว่าไปแล้ว ข้าก็โชคร้ายเหมือนกัน ได้เจอผู้หญิงที่ข้าชอบสองคนต่อเนื่องกัน แต่พวกนางกลับเป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้า!”
ทุกคนได้ยินแล้วสบตากันแวบหนึ่ง ในใจเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาพร้อมกัน
นี่เพิ่งเจอกันไม่เท่าไรเอง น้องสาวเจ้าเยอะจริงๆ!
แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นคนจิตใจงาม ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ย่อมไม่เหมือนคนอื่นที่ไม่ทำอะไรเลยนอกจากหัวเราะเยาะต้วนอวี้
หลังจากส่งข้อความเหยียดหยามสหายร่วมทีมที่ไร้มโนธรรมในช่องทีม เยี่ยเว่ยหมิงก็โน้มน้ามต้วนอวี้อย่างมีความอดทน “คุณชายต้วน เจ้าอย่าท้อใจขนาดนั้นสิ เส้นทางชีวิตยังอีกยาวไกล ไม่ว่าเรื่องไหนก็ต้องคิดไปในทางที่ดี เจ้าลองจินตนาการดูสิ ไม่แน่ว่าองค์ชายฝั่งใต้อาจจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ ของเจ้าก็ได้นะ”
ต้วนอวี้ “…”
เพื่อนในทีม “…”
นี่เจ้าปลอบใจคนอื่นแบบนี้หรือ
ถึงเจ้าจะพูดความจริง แต่การใช้ความจริงปลอบใจคนอื่นแบบนี้ ก็มีแต่จะสร้างความกลัดกลุ้มให้คนที่ถูกปลอบ เข้าใจไหม
ไม่เหมือนพวกเพื่อนในทีมที่แขวะอยู่ในช่องทีมได้ตามอำเภอใจ ต้วนอวี้กลับมองขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ ‘ผู้หวังดี’ คนนี้อย่างอึ้งๆ หลังจากเงียบไปสองวินาที ถึงได้บอกว่า “จอมยุทธ์เยี่ย เจ้าทำให้ข้าสะอิดสะเอียนแบบนี้ อย่าบอกนะว่าอีกประเดี๋ยวตอนที่ข้าแจกรางวัลภารกิจ เจ้าก็จะทำให้ข้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแบบนี้เหมือนกัน”
รางวัลภารกิจ?
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอึ้ง แต่กลับนึกขึ้นได้โดยอัตโนมัติ “รางวัลภารกิจของข้า ไม่ใช่ว่าช่งปิงอี่แจกให้หมดแล้วหรือ ตอนนั้นเขายังบอกอีกว่า…”
เดี๋ยวนะ!
พอนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ตอนนั้นอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่า ตอนนั้นช่งปิงอี่บอกเพียงว่าเรื่องช่วยคนเยี่ยเว่ยหมิงทำได้ดีมาก
เหมือนกับว่าตั้งแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายไม่ได้พูดถึงจิวหมัวจื้อกับภารกิจ ‘แก้ไขสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติ’ เลย
พอมาคิดดูตอนนี้ อย่าบอกนะว่ารางวัลของภารกิจนั้นคือรางวัลพิเศษที่เขาเอ่ยถึง ซึ่งต้วนอวี้รับหน้าที่แจกรางวัลให้ผู้เล่น
[1] ชะตาแปดอักษร 生辰八字 เป็นการนำวันเดือนปีและยามเกิดของบุคคล มาตั้งเป็นอักษรจีน 8 ตัว เวลาชายหญิงจะแต่งงานกัน ทั้งสองครอบครัวจะต้องนำชะตาแปดอักษรของชายหญิงไปเทียบกันก่อน