ตอนที่ 537 ด่านนี้ค่อนข้างโหด
ที่จริงแล้ว หลังจากผ่านการต่อสู้กับไห่ต้าฟู่ก่อนหน้านี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้เรื่องบางอย่างกระจ่างแล้ว
นั่นก็คือ การทดสอบด่านที่สองในสี่ดันเจี้ยนตรงหน้านี้ ล้วนหยุดไว้ที่การตั้งค่าตอนแรกเริ่มตลอด เลเวลก็ไม่ต่างกันมากเกินไปเช่นกัน ดังนั้นสาเหตุที่ระดับความยากของการท้าสู้สองครั้งต่างกันขนาดนี้ ก็เพราะเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนแรกมากเกินไป
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ‘หนึ่งกระบี่โลหิตสาด’ หรือ ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ ก่อนที่เขาจะได้ท้าสู้กับ BOSS ร่างแท้โหมดปกติจริงๆ สำหรับเขากับโหยวโหยวแล้ว ก็ไม่มีคำว่ายากทั้งนั้น
เยี่ยเว่ยหมิงยังจำได้ชัดเจนว่าตอนแรกที่เผชิญหน้ากับอ๋าวป้ายเลเวลสี่สิบห้า เขากับอินปู้คุยเคยผ่านศึกหนักที่แท้จริงมาแล้วครั้งหนึ่ง
เขาถึงขั้นเตรียมตัวต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างช้าๆ จนกว่าจะเจอจุดอ่อนแล้ว แต่กลับเปิดใช้งานเอฟเฟ็กต์โจมตีครั้งเดียวปลิดชีพของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ อย่างเหนือความคาดหมาย ถึงโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพอีกฝ่ายได้
ซึ่งตอนนี้ ถ้าจะให้เยี่ยเว่ยหมิงสู้กับอ๋าวป้ายเลเวลนั้นอีก เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองไม่ได้ใช้เอฟเฟ็กต์โจมตีครั้งเดียวปลิดชีพของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ บางทีฝ่ามือเดียวก็อาจไม่มีทางปลิดชีพอีกฝ่ายได้
หรือไม่ก็ต้อง…สองฝ่ามือ?
ซึ่งในการต่อสู้ถัดไป ก็ได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเยี่ยเว่ยหมิงเดาไม่ผิด BOSS ที่เฝ้าด่าน ‘หนึ่งกระบี่โลหิตสาด’ คือเฝิงซีฟ่าน ฉายาหนึ่งกระบี่ไร้โลหิตที่เลเวลห้าสิบ ถูกโหยวโหยวใช้สามกระบวนท่าของ ‘วิชามือคว้าจับสกุลติง’ ที่ยังไม่คุ้นเคยโจมตีจนติดสถานะลอย
จากนั้นก็ใช้ ‘มังกรคลั่งเจาะทะลวง’ สุดยอดทักษะที่มีเฉพาะสำนักถังเหมินโจมตีปลิดชีพคาที่!
ส่วนด่านสุดท้าย ‘อายุยืนเทียมฟ้า’ ศักยภาพของคู่ต่อสู้ต้องเลเวลสูงกว่าเฝิงซีฟ่านอยู่แล้ว เป็น BOSS เลเวลหกสิบ ประมุขพรรคมังกรเทพ หงอันทง!
แต่ BOSS ที่มีเลเวลแบบนี้ ก็ไม่มีทางสร้างภัยคุกคามให้เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวได้เช่นกัน หลังจากทั้งสองลงมือพร้อมกันแล้ว แค่ชั่วพบหน้ากันก็ถูกทั้งสองร่วมมือกันโจมตีสังหารสำเร็จ
แต่น่าเสียดาย บนตัวหงอันทงไม่ได้ดรอป ‘ยาเปลี่ยนเส้นเอ็น’ หรือสูตรยาอื่นที่เยี่ยเว่ยหมิงเฝ้าคอย
ขณะมองอุปกรณ์ระดับทองคำกองใหญ่กับตำราลับวิททยายุทธ์ระดับกลางจำนวนหนึ่งที่ดรอปจาก BOSS เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวก็รู้ว่าถ้าอยากได้ของที่มีประโยชน์สำหรับพวกเขาตอนนี้ ก็ต้องท้าสู้กับ BOSS ที่เป็นร่างแท้!
ซึ่ง BOSS ร่างแท้นี้ ผู้เล่นแต่ละคนจะมีโอกาสเจอเพียงหนึ่งครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะโจมตีสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ไม่มีทางเข้าไปท้าสู้อีกฝ่ายได้อีก
ทั้งสองกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง เผชิญหน้ากับประตูเหล็กสี่บานที่ยังเหมือนเดิม โหยวโหยวเอ่ยถามก่อนว่า “ตอนนี้พวกเราฆ่า BOSS สี่คนในโหมดภารกิจไปแล้วรอบหนึ่ง ต่อไปก็ต้องเจอ BOSS พวกนี้ในร่างแท้โหมดปกติแล้ว เราเริ่มจากคนไหนก่อนดี”
“ปาถูหลู่!”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างสงบนิ่งมาก ท่ามกลางสายตาสงสัยของโหยวโหยว เยี่ยเว่ยหมิงถือโอกาสอธิบายว่า “ดูจากอุปกรณ์ระดับทองคำที่ดรอปจากพวก BOSS ที่พวกเราเคยฆ่า เจ้าค้นพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจหรือเปล่า”
โหยวโหยวงงไปชั่วขณะ “ปรากฏการณ์อะไร”
“ของพวกนี้รวมทั้งปืนในมือเจ้า มีหลายชิ้นที่ดูเหมือนเป็นของปลอม ก็เหมือนเจ้าของเดิมของพวกมันไง” พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากเล็กน้อยเผยรอยยิ้มมีเลศนัย “ดังนั้น ข้าเดาว่าการมีอยู่ของ BOSS โหมดภารกิจพวกนี้ นอกจากจะทำให้พวกเรารู้จุดเด่นด้านวิทยายุทธ์ของ BOSS ก่อนท้าสู้แล้ว ยังรู้จักภาพรวมของไอเทมดรอปจากพวกเขาด้วย”
โหยวโหยวได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “เจ้าหมายความว่า ถ้าฆ่าร่างแท้ของพวกเขาได้ ก็อาจจะได้เวอร์ชั่นอัปเกรดของอุปกรณ์พวกนี้ แล้วก็จะได้ของแบบเดียวกันแต่เป็นอาวุธล้ำค่า!”
“ไม่ผิดหรอก!”
หลังจากให้คำตอบที่แน่นอน เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายต่อ “ไม่ใช่แค่เท่านี้ ที่จริงแล้ว ตอนที่เจอกับ BOSS ทั้งสี่ ข้าก็รู้สึกว่าคนที่ข้ามั่นใจจะสู้ด้วยที่สุดคืออ๋าวป้ายที่พลังป้องกกันสูงแต่พลังโจมตีต่ำ…
…อีกทั้งหลังจากโจมตีสังหารเขาแล้ว พวกเราก็มีโอกาสที่จะได้อุปกรณ์ที่มีประโยชน์กับพวกเราที่สุด เพิ่มความสามารถของพวกเราให้สูงขึ้นอีกขั้น จากนั้นก็ค่อยไปท้าสู้ต่อ นี่ต่างหากวิธีเก็บเล็กผสมน้อยแบบกลิ้งหิมะที่ถูกต้อง เจ้าว่าไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงเงียบไปครู่เดียวก็หันมาถามโหยวโหยว “กระสุนกับยาบนตัวเจ้ายังพอให้สู้อีกสักสนามได้ไหม”
ที่เยี่ยเว่ยหมิงถามแบบนี้ก็ย่อมมีเหตุผลของตัวเอง แม้จะอนุมานตามข้อมูล อ๋าวป้ายโหมดอ่อนแอเลเวลสามสิบห้า อ๋าวป้ายโหมดภารกิจเลเวลสี่สิบห้า เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงกว่า BOSS ร่างแท้โหมดปกติเลเวลห้าสิบห้าหรือไม่ก็หกสิบห้าเท่านั้น
แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าจะหลับหูหลับตามองโลกในแง่ดีแบบนี้ไม่ได้!
เพื่อรับประกันความปลอดภัย เยี่ยเว่ยหมิงคิดว่าต่อให้สมมติว่าอ๋าวป้ายโหมดปกติเป็นคู่ต่อสู้ที่เลเวลหนึ่งร้อยก็ไม่ถือว่าเกินไปสักนิดเลย
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุว่าทำไมเขาต้องเลือกท้าสู้กับอ๋าวป้ายก่อน เพราะดูจากทักษะยุทธ์และจุดเด่นด้านความสามารถของ BOSS สี่คนนี้ ถ้าเพิ่มเลเวลของพวกเขาให้ถึงหนึ่งร้อย หรือสูงกว่านั้นพร้อมกัน ก็มีแต่ต้องสู้กับอ๋าวป้ายเท่านั้น เขาถึงจะรับประกันได้ว่ามีโอกาสชนะสูงสุด
เมื่อได้ยินคำถามที่ระมัดระวังของเยี่ยเว่ยหมิง โหยวโหยวก็ตอบอย่างมั่นใจในตัวเองมากกว่า “ตอนนี้บนตัวข้าเตรียมไหพิษไว้เกินสิบห้าใบ ก่อนใช้เป็นกำลังหนุนให้เจ้าบนเกาะควันม่วงก่อนหน้านี้ เดิมทีข้าคิดว่าต้องเจอศึกหนักแน่ๆ จึงตั้งใจเพิ่มจำนวนให้เป็นยี่สิบใบ ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ใช้ไปแล้วห้าใบ ตอนนี้ยังเหลือสิบห้าใบ…
…แถมไม้ซุงกับก้อนหินก็มีวัตถุดิบที่หยิบใช้ได้ตรงนั้นเลย บนตัวข้าจึงเตรียมมาไม่เยอะมาก ตอนนี้ใช้งานได้สิบส่วนเท่านั้น แต่ยากับกระสุนมีเต็ม เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง…
…แต่ถ้าเทียบกับเรื่องนี้ ตอนนี้พื้นที่ว่างในกระเป๋าของข้ากำลังจะเต็มแล้ว”
“นี่ไม่ใช่ปัญหา ไม่แน่ว่าในการต่อสู้หลังจากนี้ กระเป๋าของเจ้าอาจถูกทำให้ว่างขึ้นเยอะก็ได้” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างนิ่งสงบ “ถ้าอ๋าวป้ายโหมดปกติคนนี้คุณภาพต่ำเหมือนกัน ไม่ต้องใช้อาวุธมากมาย ถึงตอนนั้นก็โยนหินแล้วเก็บอุปกรณ์ หรือไม่ก็ฝากไว้ที่ข้าก่อน”
เยี่ยเว่ยหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวเสียงต่ำ “ข้าไม่กล้ารับประกันว่าอ๋าวป้ายโหมดปกติเลเวลเท่าไรกันแน่ พวกเราจึงต้องเตรียมตัวเพื่อรับกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้น ตอนนี้เจ้าเตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
โหยวโหยวได้ยินแล้วยืดอกทันที ทำท่ายืนตรงเหมือนทหารแล้วตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เตรียมพร้อมตลอดเวลา!”
ช่างเป็นคำตอบสไตล์โหยวโหยวจริงๆ
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มเล็กน้อย จากนั้นโบกมือ “ออกเดินทาง!”
ก่อนต่อสู้เตรียมพร้อมทางสภาพจิตใจเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ทั้งสองมาตรงหน้าประตูเหล็กที่เขียนว่า ‘ปาถูหลู่’ อย่างไม่ลังเลใดๆ จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปอย่างเด็ดเดี่ยว
ทว่าครู่ต่อมา พวกเขาก็ตกตะลึงพรึงเพริดกับฉากของด่านนี้โดยสิ้นเชิง!
อ๋าวป้ายร่างแท้โหมดปกติเลเวลเท่าไร?
ไม่สิ!
ตอนนี้ร่างแท้ของอ๋าวป้ายโหมดปกติเลเวลเท่าไรไม่ใช่ปัญหาแล้ว เพราะพวกเขามองไม่เห็นอ๋าวป้ายเลย!
สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของทั้งสองก็คือเนินดินเล็กๆ ที่เกือบแบนราบกองหนึ่ง บนเนินดินไม่มีการบดบังจากต้นไม้ใดๆ มีเพียงตำแหน่งใจกลางด้านบนเนินดินที่มีทหารราชวงศ์ชิงยืนเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
ทหารเหล่านี้ ตอนนี้กำลังยืนตั้งกระบวนทัพเป็นรูปวงกลม มองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง เหมือนเตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว!
มารดาเจ้าเถอะ นี่มันหมายความว่าอะไร