ตอนที่ 542 แดงทั้งแม่น้ำ
สำหรับผู้เล่น ตายเพียงครั้งสองครั้งไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก ความสำเร็จหรือล้มเหลวของภารกิจต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญเหนือประเด็นสำคัญ!
ภารกิจ ‘ล้างมือในอ่างทองคำ’ ครั้งนี้ ก็ยิ่งเกี่ยวข้องกับบารมีของสำนักมือปราบเทพที่มีต่อยุทธภพ
หากภารกิจล้มเหลว เฟยอวี๋ที่เป็นผู้รับภารกิจจากสำนักโดยตรงก็จะถูกหักค่าผลงานจำนวนมาก ถึงขนาดว่าซานเย่ว์ที่ร่วมแชร์ภารกิจกับเขาก็จะลำบากไปด้วยเช่นกัน
ความเสียหายเช่นนี้ หากเทียบกับบทลงโทษภารกิจที่ตายหนึ่งครั้ง ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีทางรับได้ยิ่งกว่า
หลังจากแชร์ข้อมูลในจดหมายแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็หันมามองถังซานไฉ่แวบหนึ่ง อีกฝ่ายยักไหล่อย่างจนใจ “ยาพิษที่อีกฝ่ายใช้แม้จะร้ายแรง แต่ถ้าให้ข้าลงมือ ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางถอนพิษ แต่ข้าก็ถูกฆ่าตายแล้วไม่ใช่หรอกหรือ ไม่ได้เห็นอาการของพวก NPC กับตาตนเอง ข้าเองก็ไม่มีหนทางเหมือนกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงหันไปมองโหยวโหยวอีก แต่กลับได้ยินถังซานไฉ่กล่าวอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าเดาไม่ผิดหรอก เลเวลวิชาพิษของโหยวโหยวเหนือกว่าข้า ของนางถึงเลเวลเจ็ดแล้ว แต่ตอนนี้นางก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยเช่นกัน”
จุดนี้เยี่ยเว่ยหมิงย่อมรู้ดี
ที่จริงวิชาแพทย์ของเขาก็เลเวลเก้า ส่วนวิชาพิษก็เลเวลแปด เมื่อเทียบกันสองคนนั้นถือว่าสูงกว่า แต่ในเมื่อไม่เห็นตัวคน เขาจะหาทางช่วยได้อย่างไร
ภายใต้ความจนใจ เยี่ยเว่ยหมิงบอกเพียงว่า “ดูจากความร้ายแรงของเรื่องนี้ พวกเราคงมัวค่อยๆ คิดแผนการไม่ได้แล้ว”
“สหายซานไฉ่ เจ้ามานำทาง พวกเราจะไปช่วยที่ถ้ำชิงอินเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องถอนพิษให้ NPC ที่เป็นกุญแจสำคัญของภารกิจก่อน จากนั้นค่อยทำตามแผนการขั้นถัดไป”
เมื่อมีถังซานไฉ่นำทาง ทั้งสามคนก็มาถึงที่หมายเร็วมาก เป็นหุบเขาเล็กๆ ที่มีทิวทัศน์สวยงาม เพียงแต่ตอนนี้กลับถูกการต่อสู้ก่อนหน้านี้ทำลายจนสภาพยับเยิน เกรงว่าต้องรอให้ภารกิจครั้งนี้จบ ถึงจะฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณเดิมกลับมาได้อีกครั้ง
“จะว่าไปแล้ว สหายถังไม่รู้หรือว่าเหตุใดที่นี่จึงถูกเรียกว่าหุบเขาขลุ่ยพิณ”
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร” ถังซานไฉ่ส่ายหน้าเล็กน้อย “บางทีที่นี่อาจถูกกำหนดให้กลายเป็นสถานที่บรรเลงขลุ่ยและพิณของฉวี่หยางกับหลิวเจิ้งเฟิง นักออกแบบเกมจึงตั้งชื่อนี้ให้ล่วงหน้า เป็นเพราะขี้เกียจ จึงดูเหมือนเตรียมชื่อนี้ไว้ก่อนพวกเขาร่วมบรรเลงดนตรี?”
“มีความเป็นไปได้จริงๆ” เยี่ยเว่ยหมิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ถ้าเป็นแบบนี้ ก็อธิบายได้แล้วว่าทำไมอีกฝ่ายเดาออกว่าพวกเขาจะมาที่นี่”
ตรงปลายของหุบเขา มีถ้ำแห่งหนึ่งที่ดูกว้างมาก ตรงปากถ้ำมีป้ายศิลาขนาดใหญ่สูงสามจั้งตั้งตระหง่าน บนป้ายเขียนตัวอักษรสีแดงชาดว่า ‘ถ้ำชิงอิน’
นอกถ้ำมีผู้เล่นกลุ่มใหญ่ที่มาจากสำนักต่างๆ ล้อมอยู่ หากนับให้ละเอียดจะพบว่ามีสี่สิบหกคน
หลังจากดูสถานการณ์ของปากถ้ำอยู่ตรงจุดพรางตัว คิ้วของเยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม
แต่เวลากระชั้นชิด ไม่เอื้ออำนวยให้เขาครุ่นคิดมากเกินไป
เขาจึงดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างไม่ลังเลทันที “โหยวโหยว เจ้ารับหน้าที่โจมตีทางอากาศ ขอเพียงโจมตีกระบวนทัพของพวกเขาให้ปั่นป่วนได้ ข้ากับสหายทั้งก็จะฝ่าวงล้อมซึ่งๆ หน้า พวกเราจะพยายามบุกเข้าถ้ำชิงอินไปรวมตัวกับพวกซานเย่ว์ในคราเดียว”
“รับทราบ!”
โหยวโหยวตอบรับอย่างตรงไปตรงมา นางเรียกอินทรีขาวเสี่ยวไป๋ทะยานพุ่งขึ้นฟ้าไปแล้ว
หลังจากได้ซึมซับบทเรียนครั้งก่อน ครั้งนี้โหยวโหยวบินสูงเป็นพิเสษ แล้วปล่อยระเบิดจากฟ้าตอนอยู่ห่างจากพื้นห้าสิบเมตร
พอเป็นแบบนี้ ก็จะเพิ่มพลังทำลายล้างให้ถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ ทั้งยังรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้ได้ด้วย ไม่ใช่แค่ไม้ซุงหินกลิ้งเท่านั้น ไหยาพิษที่โยนจากที่สูง พอตกกระแทกบนศีรษะผู้เล่นโชคร้ายก็ทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นแสงสีขาวหายไปทันที
เพียงเพราะระยะห่างที่ตกลงมาในแนวดิ่งกว้างมากพอ แม้ความแม่นยำจะลดลงเล็กน้อย แต่ ‘ลูกระเบิด’ พวกนั้นลอยอยู่กลางอากาศนานเกินไป ทำให้คนข้างล่างมีเวลาหลบหลีกมากขึ้น นับว่ามีได้ก็ต้องมีเสียเช่นกัน
เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวกินยาถอนพิษที่ถังซานไฉ่ให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เวลานี้พุ่งออกมาจากที่ลับ เริ่มเปิดฉากโจมตีผู้เล่นสี่สิบกว่าคนที่เพิ่งถูกโหยวโหยวระเบิดใส่จนล้มระเนระนาด
ข้างบนมีการจู่โจมที่ประทานจากฟ้าของโหยวโหยว บนพื้นมีแสงกระบี่และอาวุธลับบินว่อน ชั่วพริบตาเดียวทั้งสามคนก็ทำให้กระบวนทัพของฝ่ายตรงข้ามกระเจิดกระเจิงโดยสิ้นเชิง จากนั้นสามยอดฝีมือก็ออกแรงพร้อมกัน ใช้เวลาไม่นานก็กำจัดคู่ต่อสู้ทุกคนหมดเกลี้ยงแล้ว!
ตอนนี้โหยวโหยวก็ให้เสี่ยวไป๋บินต่ำลงเช่นกัน หลังจากทั้งสามกลับมารวมตัวกันอีกครั้งก็เดินเข้าไปในถ้ำ
ถ้ำชิงอินคือจุดตีมอนสเตอร์เลเวลต่ำของสำนักเหิงซาน ในถ้ำจะรีเฟรชมอนสเตอร์ที่ชื่อว่ากิ้งก่าถ้ำ กิ้งก่ายักษ์ถ้ำ กิ้งก่าไฟถ้ำอะไรทำนองนั้น เลเวลอยู่ประมาณสิบห้าถึงสามสิบ เป็นประเภทมีพิษ
แต่สำหรับผู้เล่นปัจจุบัน กิ้งก่าพวกนี้ย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ในสายตายอดฝีมือก็ยิ่งเป็นเหมือนหนอนที่กำจัดได้ตลอดเวลา ไม่มีภัยคุกคามเลยแม้แต่น้อย
ปากถ้ำไม่ใหญ่มาก ทางลับกับทางแยกข้างในรวมกันแล้วไม่ถึงพันเมตร หลังจากพวกเยี่ยเว่ยหมิงเข้าถ้ำแล้ว ไม่นานก็มาถึงทางแยกที่กว้างมากแห่งหนึ่ง เห็นพวกซานเย่ว์กำลังเยียวยาและปรับปรุงกำลังอยู่ตรงนั้น
พอพวกซานเย่ว์เห็นทั้งสามปรากฏตัวตรงหน้า ก็เผยสีหน้าดีอกดีใจพร้อมกัน
ในที่สุดคนที่เข้าใจเรื่องพิษก็ตามมาถึงแล้ว ทั้งยังมาตั้งสามคน!
หลังจากสหายเก่าทั้งสี่ทักทายกัน เยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มดูอาการของ NPC สามคนนั้นทันที
ตอนนี้ฉวี่หยางกับหลิวเจิ้งเฟิงเหนื่อยล้าอ่อนแรงมาตั้งนานแล้ว ร่างกายยังถูกพิษ ท่าทางเหมือนจะตายอยู่รอมร่อ แต่ฉวี่เฟยเยียนกลับเป็นเด็กสาวอายุราวๆ สิบสามสิบสี่ สวมชุดสีเขียวมรกต ดวงหน้าน่ารักสดใส เพียงแต่สีหน้าแย่ไปหน่อย เขียวคล้ำจนเกือบกลืนกับสีเสื้อผ้า
มองออกเลยว่าเด็กสาวคนนี้แม้จะอาการไม่หนัก แต่กลับเป็นคนที่ถูกพิษแรงที่สุดในบรรดาทั้งสามคน!
เยี่ยเว่ยหมิงจับชีพจรให้ NPC ทั้งสามคนอย่าง่งายๆ หลังจากตรวจแล้วรอบหนึ่งก็ขมวดคิ้วบอกว่า “พวกเขาสามคนถูกพิษชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าเจ็ดวันสลายวิญญาณ…
…พิษชนิดนี้อันธพาลมาก คนที่ถูกพิษจะอ่อนแรงไปทั้งตัว พลังต่อสู้ลดลงเยอะมาก แต่กลับไม่คร่าชีวิตเร็ว เป็นเรื่องแปลกประหลาด ต้องทนทรมานเจ็ดวันเจ็ดคืน สุดท้ายถึงจะตาย…
…ยังดีที่ยาพิษชนิดนี้สร้างปัญหายุ่งยากให้ NPC เท่านั้น ผู้เล่นแค่กินยาถอนพิษไม่กี่เม็ด ส่วนใหญ่ก็จะแก้พิษได้แล้ว”
นี่คือยาพิษชนิดหนึ่งที่พิษร้ายแรงมากจริงๆ แต่ในบรรดาคนที่อยู่ตรงนั้นกลับไม่มีใครด่ามันเพราะเรื่องนี้
ถามหน่อยว่าใต้หล้ามีพิษชนิดไหนบ้างที่มีมโนธรรม
เมื่อเทียบกับคำถามด้านคุณธรรมที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ภาพรวม ซานเย่ว์ยังคงถามคำถามที่พวกเขาสนใจที่สุด “พิษนี้แก้ได้หรือไม่”
“ถ้าอยากจะถอนพิษที่จริงก็ไม่ยาก คนที่เชี่ยวชาญพิษหรือทักษะวิชาแพทย์หลายคนต่างก็รู้ว่าปรุงยาถอนพิษอย่างไร แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่ามีวัตถุดิบยา” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าบอกว่า “แต่เกรงว่าศัตรูคงไม่ปล่อยให้พวกเรากลับเมืองไปซื้อวัตถุดิบยาสำหรับปรุงง่ายๆ ขนาดนั้น”
โหยวโหยวได้ยินแล้วตะลึงงัน “ศัตรูเมื่อครู่นี้ พวกเรากำจัดไปหมดแล้วไม่ใช่หรอกหรือ”
“กำจัดแล้ว?” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย “ถ้าศัตรูของพวกเรามีแค่พวกที่อยู่นอกถ้ำจริงๆ ซานเย่ว์กับพวกสะพานสวรรค์น้อยคงไม่ถึงขั้นถูกบีบให้เข้ามาอยู่ในถ้ำชิงอินหรอก สหายซานไฉ่ยังตายไปหนึ่งครั้งด้วยไม่ใช่หรือ”
พอเยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครไม่ตกตะลึง
ตอนนี้กลับได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อไปว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงคนนั้น ยอดฝีมือพิษที่พวกเจ้าเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเราเข้ามาได้เจอเขาแล้วหรือ”
ถังซานไฉ่ได้ยินแล้วขมวดคิ้วมุ่น “สหายเยี่ยหมายความว่า ศัตรูยังวางกำลังไว้ที่อื่นอีก? เช่นนั้นกำลังคนที่เตรียมไว้นอกถ้ำพวกนั้น ก็มีไว้ส่งมาให้พวกเราฆ่าโดยเฉพาะ จุดประสงค์ก็แค่หลอกพวกเราเข้ามาในถ้ำ จากค่อยใช้วิธี ‘จับพ่อในอ่างน้ำ[1]’ จัดการพวกเราทีเดียวพร้อมกันอย่างนั้นหรือ”
สำหรับคำว่า ‘จับพ่อในอ่างน้ำ’ ของถังซานไฉ่ เยี่ยเว่ยหมิงยกนิ้วหัวแม่มือกล่าวชม “ใช่! ไม่ผิดหรอก เจ้าหลานพวกนั้นจอมปลอมมาก จุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการให้พวกเราทุกคนรวมทั้ง NPC สามคนนั้นตายอยู่ในนี้!”
ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตกใจไม่เบา “อาหมิง ในเมื่อเจ้าเดาแผนการของพวกเขาออกแล้ว ทำไมบุกเข้ามาเหมือนคนโง่อีก..
…แล้วจะทำอย่างไรได้”
เยี่ยเว่ยหมิงแบมือพร้อมถาม “ถ้าไม่เข้ามาอยู่ในแผน แล้วจะเจาะแผนได้อย่างไร”
“ข้าตรวจสอบสถานการณ์ดูสักหน่อย” ซานเย่ว์ยังไม่ค่อยยอมแพ้ ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองทันที
สะพานสวรรค์น้อยได้ยินแล้วชักกระบี่คู่ออกมาเช่นกัน “ข้าก็ไปด้วยเช่นกัน”
ตอนนี้โหยวโหยวหยิบปืนไฟ ‘นางแอ่นเหินอินทรีคู่’ อาวุธล้ำค่าที่เพิ่งได้ออกมาแล้วกล่าวเสียงเบา “เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายใช้พิษ พาข้าไปด้วยดีกว่า ค่าสเตตัสต้านพิษของข้าค่อนข้างสูง เชี่ยวชาญการถอนพิษด้วย ถ้าฝ่าออกไปได้จริงๆ ก็ต้องมีสักคนที่รู้สูตรยาถอนพิษ ถึงจะไปซื้อวัตถุดิบยาได้”艾琳小說
เมื่อเห็นทั้งสามสาวดื้อดึงขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้แต่กล่าวอย่างจนใจ “เช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าพบความไม่ชอบมาพากลก็กลับมาทันที ข้าจะระงับพิษให้พวกเขาก่อน เดี๋ยวก่อนนะ บนตัวพวกเจ้ามีใครมีเข็มทองบ้าง”
ทุกคนได้ยินแล้วส่ายหน้าพร้อมกัน สะพานสวรรค์น้อยที่ยังไม่ทันออกไปลองถามว่า “บนตัวข้ามีเพียงเข็มเหล็กธรรมดา ใช่ได้หรือไม่”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเบาๆ “ก็ทำได้แค่ใช้แก้ขัดไปก่อน”
สะพานสวรรค์น้อยยื่นเข็มเหล็กเข้ามา จากนั้นสามสาวก็เดินไปทางนอกถ้ำ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มใช้เข็มรักษาให้ NPC สามคน
เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์เฉพาะทาง เขาจึงต้องทำอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฉวี่เฟยเยียน นางยังอายุน้อยร่างกายอ่อนแอ ไม่มีกำลังภายในป้องกันร่างกาย ถูกพิษแรงกว่าฉวี่หยางกับหลิวเจิ้งเฟิงเล็กน้อย ตอนนี้อ่อนแอจนแทบไม่มีแรงพูดแล้ว ต่อให้อาศัยวิชาแพทย์ของเยี่ยเว่ยหมิง แต่เวลาฝังเข็มก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังอยู่ดี
แล้วก็ผ่านไปอย่างนี้ ผ่านไปพักใหญ่ เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้ใช้เข็มเหล็กกดชีพจรส่วนหนึ่งของพวกเขาเอาไว้ ขณะที่ถ่วงเวลาที่พิษลุกลามให้ช้าลง ก็กระตุ้นพลังชีวิตของพวกเขาแต่ละคนเช่นกัน
ตอนที่เขาทำงานเสร็จ สามสาวที่ออกไปตรวจสอบสถานการณ์ก็กลับมานานแล้ว ซานเย่ว์กระทืบเท้าพร้อมกล่าวอย่างโมโห “ข้ายังเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็เห็นกิ้งก่าถ้ำถูกพิษตายอยู่บนพื้นแล้ว จากนั้นข้ากับสะพานสวรรค์น้อยถูกพิษเช่นกัน ยังดีที่โหยวโหยวไหวตัวเร็ว เตือนพวกเราว่าอย่าส่งเสียงให้คนที่อยู่ข้างนอกได้ยิน จากนั้นพวกเราก็กลับมาตามทางเดิมทันที เพราะอย่างนี้ถึงไปถูกพวกเขาเล่นงานจนทำอะไรไม่ถูก”
ส่วนโหยวโหยวก็ก้าวเข้ามาอธิบาย “อีกฝ่ายใช้หรวนกู่เซียงของสำนักเบญจพิษ ฤทธิ์ของมันลดพลังโจมตีโดยรวมของผู้เล่นได้ ไม่อันตรายถึงชีวิตเหมือนกัน แต่พิษนี้ลุกลามเร็ว แม้พวกเขาจะปล่อยพิษอยู่ตรงปากถ้ำ แต่ใช้เวลาไม่นาน พวกเราที่นี่ก็จะไม่ปลอดภัยแล้ว…
…ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ข้าควรจะรออยู่นอกถ้ำ ถึงตอนนั้นทุกคนส่งจดหมายติดต่อกัน ข้าก็จะได้กลับเมืองไปซื้อวัตถุดิบยาได้ทันที…
…ถ้าให้เจ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว เจ้าจะต้องกลายเป็นเป้าหมายโจมตีสำคัญของพวกเขาแน่นอน”
“ผู้เล่นยอดฝีมือเทียบกับอ๋าวป้ายไม่ได้ ใช่ว่าจะสร้างภัยคุกคามต่อแผนการของเจ้าไม่ได้” พอได้ยินโหยวโหยว แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีมีแผนในใจอยู่แล้วก็เริ่มขมวดคิ้ว “ที่จริงแม้จะไม่มียาถอนพิษ แต่ข้าก็มีหนทางคลายพิษร้ายบนตัวพวกเขาสามคนได้เช่นกัน อีกทั้งข้ายังมองข้ามพิษร้ายของอีกฝ่ายด้วย ลองฝ่าออกไปนอกถ้ำ พาทุกคนสังหารจนเกิดทางออกไป…
…เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าศัตรูจะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้” เยี่ยเว่ยหมิงลุกขึ้นอย่างไม่กังวล มองไปทางนอกถ้ำพร้อมกล่าวว่า “หรวนกู่เซียงนั่นลุกลามเร็วสุดๆ คนที่ไม่ได้กินยาถอนพิษล่วงหน้ายากจะป้องกันไหว ถ้าพวกเขาฉวยโอกาสตอนข้าฝ่าวงล้อมส่งยอดฝีมือเข้ามาจู่โจมพวกเจ้า เกรงว่า…”
ที่จริงแล้ว ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงรู้อยู่แก่ใจว่ามีกับดักแต่ก็ยังกล้าเข้ามาในถ้ำ ก็แสดงว่าต้องมีสิ่งที่ทำให้เขามั่นใจขนาดนี้อยู่แล้ว
ความมั่นใจของเขาก็มาจากความสามารถในการเอาชีวิตรอดอันแข็งแกร่งรวมทั้งศักยภาพอันน่ากลัวที่กล้าท้าสู้ทุกสนามของตัวเขาเอง!
เพียงแต่ศัตรูไหวตัวเร็วมาก วิธีการที่ใช้ก็โหด ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของเขา
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าปกป้องตัวเองได้ แต่ถ้าอยากรับประกันความปลอดภัยของทุกคน กลับเป็นเรื่องที่ยากสองชั้น!
“จอมยุทธ์น้อยทั้งหลาย” ตอนที่กลุ่มผู้เล่นกำลังกลุ้มใจ หลิวเจิ้งเฟิงที่ถูกระงับพิษไว้และฟื้นฟูพลังกลับมาบ้างแล้วก็กล่าวว่า “ในถ้ำชิงอินแห่งนี้ที่จริงมีห้องลับห้องหนึ่ง แม้จะเป็นทางตัน แต่กลับทำให้พวกเราหลบภัยได้ชั่วคราว ไม่ให้ถูกควันพิษทำร้าย”ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ใครจะคิดว่าพอได้ยินคำพูดของหลิวเจิ้งเฟิง เฟยอวี๋ก็เป็นคนแรกที่ส่ายหน้า “ในเมื่อเป็นทางตันทั้งคู่ เช่นนั้นการเข้าไปหลบจะมีความหมายอะไร แตกต่างอะไรกับถูกพิษอยู่ที่นี่ เข้าไปในห้องลับนั่นก็อุดอู้ตายอยู่ดี”
“ก็ไม่แน่หรอก!” เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังคำพูดของเขาแล้วฮึกเหิม “หลังจากเข้าไปในห้องลับนั่นแล้ว ข้าก็จะถอนพิษให้พวกเขาสามคนก่อน จากนั้นก็จะลองบุกออกไปคนเดียว…
…ขอเพียงทางลับนั่นลึกลับมากพอ รับประกันความปลอดภัยให้พวกเจ้าได้ ข้าก็จะได้กลับเมืองเหิงซานไปซื้อวัตถุดิบยาทันที แล้วผสมยาถอนพิษหรวนกู่เซียงกับเจ็ดวันสลายวิญญาณ…
…พอถึงตอนนั้นทุกคนค่อยฝ่าวงล้อมออกไปพร้อมกัน ดีกว่านั่งรอความตายอยู่ในนี้อยู่แล้ว…
“เจ้าหนุ่มนี่…” สำหรับวิธีการที่ใจกล้าบ้าบิ่นของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋นอกจากนับถือแล้ว ก็ทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนใจ
ทุกคนล้วนเป็นมือปราบของสำนักมือปราบเทพ แต่เหตุใดจึงแตกต่างกันมากขนาดนี้เล่า
เมื่อทุกคนเดินตามหลิวเจิ้งเฟิงมาถึงปลายสุดของถ้ำชิงอิน บุคคลสำคัญอันดับสองของสำนักเหิงซานก็บิดกลไกที่ซ่อนตัวอยู่บนผนังหินทันที เปิดประตูใหญ่ของห้องลับแล้ว
พอเข้ามาในห้องลับแล้ว เฟยอวี๋ก็นำตะบันไฟที่พกติดตัวออกมาทันที พอเขย่าเบาๆ หนึ่งทีก็มีเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งลุกโชนขึ้นมา ทำให้ห้องลับที่มืดสลัวมีแสงสว่างเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย
ท่ามกลางการส่องสะท้อนของแสงไฟ ทุกคนพบว่าทางลับนี้ไม่ได้ใหญ่มาก ขนาดประมาณห้องรับแขกของบ้านคนทั่วไป บนผนังหินตรงข้ามกับทางเข้ามีบทกวีสลักไว้
‘พิโรธจนเกศาตั้ง ยืนพิงราวระเบียง สายฝนหยุดกระหน่ำ หลือบตามองฟ้าพร้อมเปล่งเสียงคำราม บากบั่นเพื่อปณิธาน อายุสามสิบผลงานดั่งผงธุลี ห่มดาวสวมเดือนแปดพันลี้ วัยหนุ่มสาวหมดไปโดยสูญเปล่า โศกเศร้าโดยสูญเปล่า…
…รัชศกจิ้งคังปีที่สอง ความอัปยศยังมิถูกลบล้าง ความคับแค้นของขุนนางและอาณาประชาราษฎร์จะจบลงเมื่อใด ข้าจักควบรถศึกบุกเขาเหอหลานให้ราพณาสูร ปณิธานเต็มอก ยามหิวกินเนื้อข้าศึก ยามกระหายดื่มเลือดศัตรู รอวันยึดคืนแผ่นดินกลับมา รายงานชัยชนะต่อบ้านเมือง’
นี่ก็คือบทกวี ‘แดงทั้งแม่น้ำ’ บทประพันธ์ของแม่ทัพเย่ว์เฟยผู้โด่งดังที่สืบทอดมายาวนาน
ขณะมองบทกวีบนผนังหิน เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกได้ทันทีว่าความเด็ดเดี่ยวที่สูงทะลุฟ้ากลุ่มหนึ่งกำลังไหลเวียนอยู่บนทุกขีดอักษร
ขอบเขตกระบี่อันน่าทึ่งแทบจะหลุดออกมาจากผนัง!
[1] จับพ่อในอ่างน้ำ ดัดแปลงจากสำนวน จับตะพาบในอ่างน้ำ 瓮中之鳖 หมายถึงจัดการกับคนที่ไม่อาจหนีรอดได้