ตอนที่ 545 ของตกทอดจากนักกระบี่
“นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่กี่ปี ยังปล่อยให้คนที่อยู่ในสภาพนี้อย่างข้าเจอกับคนหนุ่มมากฝีมือ บุคคลสำคัญแห่งยุคอย่างเจ้าได้!…
…ดูท่าแล้ว สวรรค์คงไม่ได้ลงทัณฑ์เพราะข้าทำผิดใหญ่หลวง ทั้งยังปฏิบัติต่อข้าไม่เลวเสียด้วย!”
ชายชราชุดเทากล่าวพลางหันขวับ เขาแตกต่างจากยอดฝีมือบู๊ลิ้มสูงอายุที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเจอมา ดวงตาทั้งคู่ขุ่นมัวมาก ไม่กระจ่างใสอย่างที่ชาวยุทธ์ควรจะมี ราวกับเป็นชายชราที่แก่จนใกล้จะเข้าโลงธรรมดาๆ คนหนึ่ง
แต่ชายชราที่ดูธรรมดาเช่นนี้ ในดวงตาขุ่นมัวกลับฉายพลานุภาพน่าเกรงขามบางอย่างออกมา ทำให้คนไม่กล้าสบตาตรงๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงมองชายชราตรงหน้าอย่างสงบ พร้อมถามหยั่งเชิงว่า “ผู้อาวุโสคือตู๋กูเจี้ยน?”
“ไม่ผิดหรอก ข้าคือคนบาปของยุทธภพคนนั้นเอง”
พอชายชราคลี่ยิ้มบาง สายตาที่เดิมทีเฉียบคมน่าเกรงขามก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนแล้ว กล่าวต่อว่า “ในปีนั้น ทั้งยุทธภพหาคนหนุ่มที่มีความสามารถเช่นเจ้าไม่เจอสักคน นึกไม่ถึงว่าวันนี้ข้าจะพบเข้าแล้ว เจ้าดีมาก ดีมากจริงๆ!”
พอได้ยินชายชราตรงหน้าชมตนไม่หยุด แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะชื่นใจมาก แต่กลับยังอดถามไม่ได้ว่า “ผู้อาวุโสมองออกได้อย่างไรว่าข้าดีมาก”
“อายุยังน้อย แต่ทักษะยุทธ์ไม่ธรรมดา แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ที่สำคัญที่สุดคือรู้ถึงคุณธรรมของชนชาติอย่างลึกซึ้ง!” ตู๋กูเจี้ยนกล่าวอย่างมั่นใจมาก “ที่จริงเจ้าเองก็ไม่ต้องแปลกใจ ตอนที่เจ้าเข้ามาในนี้ ข้าก็พอจะเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเจ้าคร่าวๆ แล้ว เจ้าเข้าใจว่าเป็นเจตจำนงสวรรค์ก็ได้”
ชายชราอธิบายความทรงจำที่ระบบกรอกให้ออกมาในรูปแบบของศาสตร์ลึกลับ จากนั้นก็บอกอีกว่า “ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในยุทธภพ เจ้าก็เคยทำเรื่องดีๆ ที่ส่งผลประโยชน์ต่อบ้านเมืองและราษฎรมาแล้วไม่น้อย หากเทียบกับข้าในปีนั้น…ช่างเถิด อย่านำเจ้ามาเปรียบเทียบกับคนบาปอย่างข้าเลย เพราะนั่นถือเป็นการหยามเกียรติเจ้า!”
ตู๋กูเจี้ยนชะงักครู่เดียว ก่อนจะอธิบายต่อ “ตั้งแต่เจ้าเข้ามาในยุทธภพ ก็สังหารหวันเหยียนคังที่นับถือโจรเป็นพ่อ กดขี่รังแกชาวบ้านที่เมืองเทียนจิน รวมทั้งคนชั่วโหวทงไห่ที่ช่วยเจ้านายทำชั่ว…
…จากนั้นก็ไปไกลถึงทะเลทราย ไปสังหารยอดฝีมือต่างแดนอย่างอาซานรวมทั้งสวะยุทธภพที่ขายชาติอย่างเฉิงคุน…
…จากนั้นก็ช่วยสามปราชญ์แห่งคุนหลุน เหอจู๋เต้ารวมทั้งกลุ่มยอดฝีมือคุนหลุนที่ถูกขังสำเร็จ…”
……
ขณะมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ตู๋กูเจี้ยนก็เริ่มเล่าถึงสิ่งที่เขาทำตั้งแต่เข้าเกมทีละอย่างโดยละเอียด
แต่ตู๋กูเจี้ยนก็ไม่ได้พูดแต่เรื่องดีๆ ทั้งหมด เขาเลือกหยิบยกเพียงเรื่องที่มีคุณธรรมต่อราษฎรและส่วนที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองมาชมเท่านั้น ส่วนเรื่องที่มีเกียรติยศอย่างอื่นของเยี่ยเว่ยหมิง ยกตัวอย่างเช่นสังหารเถียนปั๋วกวง โอวหยางเค่อ อวิ๋นจงเฮ่อ…กระทั่งรื่องใช้วิธีการพิเศษมาท้าสู้อสรูกระบี่ตู๋กูฉิวไป้ก็ไม่เอ่ยถึงสักคำ
หลังจากพูดถึงวีรกรรมที่เยี่ยเว่ยหมิงสังหารอ๋าวป้ายแล้ว ในที่สุดตู๋กูเจี้ยนก็พูดสิ่งที่ทำให้ตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงสว่างวาบมากที่สุด “จอมยุทธ์น้อยเยี่ยอายุยังน้อยก็สร้างวีรกรรมน่าทึ่งได้มากมายขนาดนี้ มีคุณสมบัติที่จะสืบทอดสมบัติตกทอดส่วนหนึ่งของข้า!”
ในที่สุดก็พูดถึงประเด็นสำคัญแล้ว!
พูดถึงสมบัติตกทอด หากจะบอกว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ใจเต้นก็เหลวไหลแล้ว
เพียงแต่ในเวลานี้ เขารู้สึกว่าตามบทแล้วควรจะผลัดกันชมกับกับตู๋กูเจี้ยนสักหน่อย เพียงแต่ความรู้ที่เขามีต่อตู๋กูเจี้ยนเป็นศูนย์ ประวัติที่ตู๋กูเจี้ยนเขียนไว้บนผนังหิน ส่วนใหญ่ก็เป็นความผิดพลาดที่ตัวเองนึกเสียใจทีหลัง แต่เรื่องที่เขาน่าเกรงขามและมีหน้ามีตากลับเขียนข้ามไป
ดังนั้น ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะกล่าวชม แต่ก็หาคำพูดที่เหมาะสมไม่เจออยู่ดี ทำได้เพียงปล่อยผ่านไป
เมื่อเห็นเขาเงียบไม่พูดอะไร ตู๋กูเจี้ยนก็กล่าวอย่างเนิบช้า “อืม ไม่เพียงแต่แยกแยะถูกผิดได้ชัดเจน ทั้งยังทำดีแล้วไม่โอ้อวด พบหาได้ยากในหมู่คนหนุ่มสาวจริงๆ หากเทียบกับหลานชายที่ไม่ได้เรื่องคนนั้นของข้า ก็ดีกว่าไม่รู้ตั้งเท่าไร เฮ้อ…”
แค่ไม่พูดก็นับว่าทำดีแล้วไม่โอ้อวดแล้วหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงกะพริบตา รู้สึกว่าเก็บค่าความรู้สึกดีจาก NPC คนนี้ได้ง่ายเกินไปหรือเปล่า
ที่จริงแล้ว ถ้าจะบอกว่าเก็บค่าความรู้สึกดีจากตู๋กูเจี้ยนได้ง่าย นั่นก็คือคำพูดเหลวไหลแน่นอน เพียงเพราะบทบาทของ NPC คนนี้เป็นคนรักชาติที่ในอกมีแต่ความรู้สึกต่อบ้านเมือง กอปรกับเป็นคนที่ตายไปแล้ว มีอยู่แค่ในดันเจี้ยนนี้ ผู้เล่นไม่มีทางไปเก็บค่าความรู้สึกดีจากเขาอย่างเดียวได้เลย
ดังนั้น ตอนที่ระบบคำนวณค่าความรู้สึกดีของตู๋กูเจี้ยน ก็ตัดสินจากค่าวีรบุรุษและกับเรื่องราวที่ผู้เล่นเคยทำมาเท่านั้น
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่ในมือมี ‘แหวนหยกดำเทียนขุย’ ก็เพิ่มค่าความรู้สึกดีแรกพบของ NPC ได้ทันทีสิบแต้ม กอปรกับจับพลัดจับผลูเคยทำเรื่องที่สอดคล้องกับรสนิยมของตู๋กูเจี้ยนมามาก อีกทั้งตัวเองยังเป็นขุนนางปราชญ์จอมยุทธ์ที่มีคุณธรรมไร้ความเห็นแก่ตัว ค่าความรู้สึกดีแรกพบที่ได้จากตู๋กูเจี้ยนที่นี่ก็สูงมากแล้ว
ซึ่งคนเราเมื่อมีใครมาเห็นแล้วถูกชะตา ไม่ว่าจะมองเขาทำอะไรก็รู้สึกสบายตาไปหมด ดังนั้น ตอนนี้ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงไม่เล่นอะไรแผลงๆ เกินไป ตู๋กูเจี้ยนก็จะเห็นแต่ด้านดีของเขา
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงยังเงียบเหมือนเดิม สายตาของตู๋กูเจี้ยนก็เริ่มมองประเมินบนตัวเขา พร้อมพึมพำว่า “ด้วยสถานการณ์ของเจ้า ข้าควรจะถ่ายทอดอะไรให้เจ้าดีนะ”
เดี๋ยวก่อนนะ!
จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เจอจุดที่แตกต่างจากปกติ “ท่านหมายความว่า จะมอบรางวัลภารกิจให้ข้าโดยตรง ไม่ต้องให้ข้าไปทำภารกิจอะไรพวกนั้นแล้วหรือ”
“นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้จักกฎการทำงานของโลกใบนี้อย่างลึกซึ้ง” ตู๋กูเจี้ยนยิ้มพอใจ จากนั้นก็ส่ายหน้าบอกว่า “เพียงแต่การได้รับถ่ายทอดวิชาจากข้า ตามหลักแล้วไม่ต้องให้เจ้าไม่ทำภารกิจอื่นเพิ่มเติม เพราะวิชาที่เจ้าจะได้รับถ่ายทอด จะคำนวณจากผลงานของเจ้าตอนที่เข้ามาที่นี่ก่อนหน้านี้”
พอออธิบายจบ ตู๋กูเจี้ยนก็จมอยู่กับการครุ่นคิดอีกครั้ง หลังจากผ่านไปอีกพักหนึ่ง ในที่สุดบนใบหน้าของเขาก็เผยรอยยิ้มปล่อยวาง “จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นได้ ดูจากประสบการณ์ต่างๆ หลังจากเจ้าเข้ามาในโลกนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเองมาก สำหรับคนอย่างเจ้า เหตุใดข้าต้องเปลืองสมองไปคิดด้วยว่ารางวัลไหนเหมาะกับเจ้า”
เหมือนจะแก้ปมในใจบางอย่างได้แล้ว ตู๋กูเจี้ยนแสดงออกอย่างสบายอกสบายใจมาก “ข้าเลือกมาเพียงสองอย่างที่สอดคล้องกับมาตรฐาน แล้วให้เจ้าเลือกเอาเองดีไหม”
เมื่อได้ยินดังนั้น บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจเช่นกัน “เช่นนั้นไม่ทราบว่าผู้อาวุโสตู๋กูมีอะไรให้เลือกบ้างขอรับ”
ตู๋กูเจี้ยนกล่าวอย่างเนิบช้า “ที่จริงทางเลือกที่เจ้าต้องเจอก็มีไม่เยอะ เป็นวิชาที่ค่าสเตตัสคล้ายกับทักษะที่เจ้าเรียนมาอยู่แล้ว ถึงขั้นเป็นทางเลือกที่เทียบกับทักษะเดิมของเจ้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าจึงไม่นำออกมาให้ขายหน้าตัวเอง…
…หลังจากตัดคำตอบที่ไม่ถูกต้องออก ข้ารู้สึกว่าสิ่งที่เหมาะกับเจ้าก็มีแค่สองวิชา หนึ่งคือวิชาที่ก้าวร้าวมาก ข้าเคยเรียนตอนเด็ก ชื่อว่า ‘มารสวรรค์ทลาย’ ท่านี้ประสิทธิภาพแข็งแกร่งเกินกว่าที่เจ้าจินตนาการไว้แน่นอน แต่ผลข้างเคียงของมันก็น่ากลัวเช่นกัน พอใช้แล้ว ก็จะต้องตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะกอดคอตายกับศัตรู”
กระบวนท่าประมาณนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเคยเรียนมาแล้วไม่ใช่แค่หนึ่งถึงสองวิชา ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจ ‘มารสวรรค์ทลาย’ เลยจริงๆ
แต่ตอนนี้กลับได้ยินตู๋กูเจี้ยนพูดต่อว่า “หลังจากข้าพลาดถูกจับตัวไป ก็ปรับปรุง ‘มารสวรรค์ทลาย’ ให้ดีขึ้น รักษาพื้นฐานด้านประสิทธิภาพเอาไว้ ตัดผลร้ายที่มีต่อร่างกายของผู้ใช้งานออก แล้วข้าก็เปลี่ยนชื่อมันเป็น ‘แม่น้ำพลิกทะเลเดือด’…