รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 15 เรื่องสมัยนั้น
โรงแรมแอคเซสซ์เป็นทรัพย์สินของตระกูลเดชอุป และยังเป็นหนึ่งในโรงแรมหรูที่สุดในเมืองแอคเซสซ์อีกด้วย
นฤเบศวร์บอกว่าอยากจัดเลี้ยงต้อนรับให้เปรมา จึงเป็นธรรมดาที่จะอยู่ที่โรงแรมของพวกเขา
มันเป็นถิ่นของตัวเอง ทั้งฟรีทั้งอิสระ อยากทำอะไรก็ทำได้ตามต้องการ
เปรมาดื่มไวน์ไปสองสามแก้ว แล้วใบหน้าสวยก็แดงระเรื่อ เมื่ออยู่ภายใต้แสงไฟ ทำให้เผยเสน่ห์ของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่
ตั้งแต่วินาทีที่นฤเบศวร์เห็นเธอ สายตาก็แทบเอาแต่จับจ้องที่ตัวเธอ
“เปรมา คุณวางแผนจะอยู่ที่ไหน”
นฤเบศวร์เติมไวน์ให้เธออีกแก้ว และถามด้วยความเป็นห่วง “หรือไม่คุณมาอยู่บ้านผม บ้านผมใหญ่และมีหลายห้อง จะอยู่ห้องไหนก็ได้ที่คุณต้องการ คุณแม่ของผมชอบคุณมาก ถ้าคุณไปอยู่ที่นั่น คุณแม่ผมคงมีความสุขมาก”
แม่ของนฤเบศวร์กับแม่ของเปรมาเคยเป็นเพื่อนเล่นไพ่กัน จึงสนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว
ที่นฤเบศวร์กับเปรมาได้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคงต้องขอบคุณแม่ของทั้งคู่ที่ชอบเล่นไพ่
เปรมายกแก้วไวน์ขึ้นแล้วส่ายโคลงมัน มองดูไวน์วาดส่วนโค้งอันสวยงามในแก้วไวน์ขณะที่เธอโคลงมันไปมา
“เบศวร์ ขอบคุณสำหรับความกรุณา ครอบครัวเราก็มีบ้านอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ เพราะทะเบียนบ้านของฉันอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ เพราะงั้นตอนแรกฉันเลยไม่ได้ขายบ้าน หลายปีที่ผ่านมามีบางครั้งฉันก็กลับมา ส่วนใหญ่ที่บ้านมีป้าแม่บ้านคอยช่วยดูแลให้อยู่”
เปรมาปฏิเสธข้อเสนอของนฤเบศวร์
จุดประสงค์หลักในการกลับประเทศของเธอคือต้องการแต่งงานกับยศพัฒน์ เพื่อเป็นนายหญิงคนต่อไปของตระกูลอริยชัยกุล
แล้วจะเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชอุปได้ยังไง
แถมนฤเบศวร์กับยศพัฒน์ก็เป็นศัตรูกันด้วย
ต่อให้ไม่ใช่ศัตรู คนอื่นจะคิดยังไงถ้าเธอเข้าไปอยู่ในตระกูลเดชอุป ยศพัฒน์จะต้องสงสัยว่าเธอกับนฤเบศวร์มีอะไรกันแน่นอน
เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงตัวเองมัวหมอง เปรมาจะทำไปทำไม
นฤเบศวร์พูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ตอนคุณกลับมาในวันหยุดฤดูร้อนปีที่แล้ว ก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักตากอากาศทางตอนใต้ของตระกูลอริยชัยกุลตลอดจนกลับไปเลยนะ”
เปรมาหัวเราะ “บ้านพักตากอากาศของตระกูลอริยชัยกุลเป็นธุรกิจระหว่างประเทศ มีผู้คนมากมายที่ไปที่นั่นทุกวันหยุดฤดูร้อน ไม่ใช่ฉันคนเดียว”
“นฤเบศวร์ มาชนแก้วกันเถอะ”
นฤเบศวร์หยิบแก้วไวน์ขึ้นชนกับเธอ จากนั้นเขาจิบเบาๆ และมองดูเธอดื่มไวน์จนหมดแก้วด้วยสายตาชอบใจ
“นฤเบศวร์”
เปรมาวางแก้วไวน์ลง ยื่นมือไปจับมือนฤเบศวร์ มองหน้าเขาและพูดเกลี้ยกล่อม “คุณกับพัฒน์รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก บอกว่าเป็นเพื่อนโตมาด้วยกันก็ไม่เกินจริง ทำไมต้องทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายล่ะ ฉันเป็นเพื่อนสนิทของพวกคุณ การเป็นคนกลางมันกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนะ”
นฤเบศวร์ก้มลงมองมือขาวเนียนสายดั่งหยกของเธอ
เธอจับมือเขาก่อน เขามีความสุขมาก
แต่คำพูดของเธอมันทำให้ความสุขของเขาลดลง
นฤเบศวร์ชักมือกลับและพูดอย่างเย็นชา “ทำไมคุณไม่ไปเกลี้ยกล่อมให้ยศพัฒน์เลิกเป็นศัตรูกับผมบ้างล่ะ เปรมา คุณลำเอียงเข้าข้างยศพัฒน์”
“ฉัน…ปฏิบัติต่อพวกคุณเท่าเทียมกันเสมอมานะ”
เปรมาไม่ยอมรับว่าตัวเองเข้าข้างยศพัฒน์
นฤเบศวร์มองเธอเงียบๆ อยู่นาน น้ำเสียงของเขาอิจฉาและมีความขุ่นเคืองเล็กน้อย “เปรมา ในแวดวงชนชั้นสูงของเมืองแอคเซสซ์ ใครจะไม่รู้บ้างว่าคุณรักยศพัฒน์ แต่เขาล่ะ สิบปีก่อนเขาทำยังไงกับคุณ คุณลืมไปหมดแล้วเหรอ”
“สิบปีแล้วที่คุณต้องไปต่างแดน ใครเป็นต้นเหตุ คุณยังจะรักเขาอยู่อีกเหรอ”
ทันใดนั้นเขาก็จับมือเปรมาและออกแรงบีบแน่น มันทำให้เปรมารู้สึกไม่เต็มใจและโกรธเคือง
“เปรมา คุณกับผมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นคู่รักวัยเด็กกันด้วย ผมไม่ได้แย่ไปกว่ายศพัฒน์ แต่คุณไม่เคยเห็นผมในสายตาเลย หลายปีที่ผ่านมาคุณไม่ได้รู้สึกถึงความรักที่ผมมีต่อคุณบ้างเลยเหรอ ผมรอคุณ รอคุณมาตลอด รอคุณตัดใจจากยศพัฒน์ รอคุณเต็มใจกลับมาประเทศบ้านเกิด”
“เปรมา ตัดใจจากยศพัฒน์ซะเถอะ ผู้ชายคนนั้นเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกอ่อนโยนสง่างาม ความจริงจิตใจแข็งกระด้าง คุณทำให้จิตใจที่เย็นชาของเขาสั่นไหวไม่ได้หรอก เขาจะไม่รักใครทั้งนั้น คุณมองเขามาหลายปี ข้างกายเขามีผู้หญิงสักคนเหรอ”
“เขาไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวกับใครเลย อายุเกือบ 30 ปีแล้วแม้แต่แฟนสักคนยังไม่มี แม้ว่าคนในแวดวงอย่างเราจะไม่รีบร้อนแต่งงาน แต่แบบเขามันไม่ผิดปกติเกินไปเหรอ ผมสงสัยจริงๆ ว่าเขาจะเป็นขันที ขันทีที่ขาดความสามารถทางเพศ!”
เปรมา “………”
ความสงสัยของนฤเบศวร์ที่มีต่อยศพัฒน์ทำให้ความทรงจำของเปรมากลับมา
วันเกิดของยศพัฒน์ตรงกับเทศกาลราตรีแห่งเลขเจ็ด ว่ากันว่าคนที่เกิดในเทศกาลราตรีแห่งเลขเจ็ดจะเป็นประเภทลุ่มหลงในความรัก
แต่เปรมาเห็นจากตัวยศพัฒน์แค่ความเย็นชาไร้ความรู้สึก
เทศกาลราตรีแห่งเลขเจ็ดสิบปีก่อน เป็นวันเกิดปีที่สิบเก้าของยศพัฒน์
เปรมาซึ่งอายุน้อยกว่าเขาแค่ครึ่งปีได้ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ โดยการเอาตัวเองเป็นของขวัญวันเกิดในคืนวันเกิดปีที่สิบเก้าของยศพัฒน์
ใครจะรู้ว่ายศพัฒน์ไม่หวั่นไหวเลย…
เขายังบอกเธอด้วยว่าเขาไม่เคยรักเธอเลย พวกเขาเป็นแค่เพื่อนเล่นตอนเด็กๆ ไม่ใช่คู่รักในวัยเด็กด้วยซ้ำ
เปรมาไม่ได้คาดหวังว่าการเริ่มเข้าหาก่อนของตนจะมีจุดจบเช่นนี้
เธอทนรับผลกระทบไม่ไหวถึงได้เดินทางไกลไปต่างประเทศ
เรื่องนี้มีแค่เธอกับยศพัฒน์และนฤเบศวร์เท่านั้นที่รู้
ในเวลานั้นเปรมาถือว่านฤเบศวร์เป็นเพื่อนสนิทที่สุด เรื่องที่เธอปีนขึ้นเตียงยศพัฒน์ เธอไม่ได้ปิดบังนฤเบศวร์ และยังขอให้นฤเบศวร์ช่วยเธอด้วย
“เปรมา ผมไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนของคุณ เพื่อนสนิท หรือเพื่อนที่ดี ผมอยากเป็นแฟนคุณ และเป็นสามีของคุณในอนาคต เปรมา คุณมองไม่เห็นข้อดีของผมเลยเหรอ”
เปรมามองเขาโดยไม่พูด
เธอไม่ได้โง่
เมื่ออายุมากขึ้นไหนเลยจะไม่รู้ว่านฤเบศวร์ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีและอดทนกับเธอในทุกวิถีทาง ทั้งหมดเป็นเพราะรักเธอ!
นฤเบศวร์ไม่ใช่ไม่ดี แต่เปรมาแค่อยากเอาชนะยศพัฒน์
“นฤเบศวร์ คุณเมาแล้ว”
“ผมไม่ได้เมา”
นฤเบศวร์เสียงแข็ง “คุณอย่าเปลี่ยนเรื่องเลย ผมรู้ว่าตอนนี้ผมกำลังพูดอะไร”
เปรมาเงียบดึงมือตัวเองกลับ หยิบกระเป๋าแล้วลุกขึ้น จากนั้นพูดกับนฤเบศวร์ว่า “ดึกมากแล้ว ฉันนั่งเครื่องบินมาครึ่งค่อนวันเลยเหนื่อยล้า ขอตัวกลับบ้านไปพักผ่อนก่อน นฤเบศวร์ ขอบคุณที่เลี้ยงต้อนรับอย่างอบอุ่น เดี๋ยวฉันพักผ่อนเต็มที่แล้วจะหาเวลานัดคุณไปทานอาหารตอบแทน”
พูดจบเธอก็เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วเดินไป
“เปรมา เปรมา!”
นฤเบศวร์ร้องเรียกเธอถึงสองครั้งแต่ก็หยุดเธอไม่ได้
เขาตบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธและเจ็บปวด
เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “ยศพัฒน์ ชีวิตนี้ ฉันกับนายต้องตายกันไปข้าง!”
เขาเล็งเป้าหมายไปที่ยศพัฒน์ สาเหตุหลักเพราะเปรมา และแน่นอนว่าเกี่ยวข้องกับธุรกิจด้วย
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองบริษัทแทบจะเหมือนกัน เมื่อผลประโยชน์เดียวกันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเป็นคู่แข่งกัน
เปรมาเดินออกจากโรงแรมแอคเซสซ์ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรให้คนขับรถที่บ้านมารับเธอ
หลังจากโทรเสร็จ เธออดไม่ได้ที่จะส่งข้อความถึงยศพัฒน์
เนื้อหาของข้อความสั้นมาก: ‘ยศพัฒน์ ฉันกลับมาแล้ว’
หลังจากส่งข้อความ เปรมาก็รอให้ยศพัฒน์ตอบกลับเธอ