รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 17 พบผู้ใหญ่ฝ่ายภรรยา
ยศพัฒน์ถูกพี่ชายภรรยาต่อยแต่ไม่โกรธ เขาคว้ามือของชเนนทร์ที่จับคอเสื้อของเขาแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “ชเนนทร์ นายปล่อยมือได้ไหม”
เทวิการีบวิ่งไปดึงพี่ชายออกแล้วพูดว่า “พี่ชายปฏิบัติกับแขกแบบนี้เหรอ นี่คือน้องเขยของพี่นะ มาที่นี่เป็นครั้งแรก นั่งรถมาตั้งนานยังไม่ได้เข้าบ้านเลยพี่ก็ต่อยน้องเขยก่อนแล้ว พี่ไม่อยากเจอน้องเขยขนาดนี้เลยเหรอ”
ชเนนทร์ “…เทวิกา เธอเข้าข้างคนนอกเหรอ ยศพัฒน์ทำสเน่ห์อะไรใส่เธอ ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะไปจดทะเบียนกับเขา เธอรู้จักเขาดีแล้วเหรอ รู้รายละเอียดของเขาหรือไง”
แก้วตาดวงใจของบ้านถูกเพื่อนร่วมชั้นเก่าฉกฉวยไป
ชเนนทร์เจ็บปวดใจ
“ฉันรู้จักพี่พัฒน์มาสิบเอ็ดปีแล้ว ฉันจะไม่รู้จักเขาดีได้ยังไงล่ะ พี่พัฒน์เป็นเพื่อนร่วมชั้นของพี่ไม่ใช่เหรอ ยังมีรายละเอียดอะไรก็บอกมาสิ”
ชเนนทร์ “…ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วก็เข้าข้างสามีแบบนี้สินะ เขาถึงได้บอกว่าลูกสาวที่โตแล้วจะรั้งให้อยู่บ้านไม่ได้นาน”
เทวิกา “………”
พี่ชายของเธอมีปฏิกิริยารุนแรงเหมือนกันนะ
เมื่อก่อนความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับยศพัฒน์ก็ปกติดี ทุกครั้งที่โรงเรียนปิด พวกเขาสองคนจะกอดคอกลับมาบ้านด้วยกัน
“ชเนนทร์!”
พิชญ์สินีออกมาแล้ว
เธอตะโกนดุเสียงแข็ง ทำเอาชเนนทร์หัวหด แต่ยังคงจ้องยศพัฒน์อย่างคาดโทษ ก่อนจะหันหลังเดินเข้าบ้านไป
ที่ตามพิชญ์สินีออกมาคือสิรภพ
หลังจากดุลูกชาย สายตาของพิชญ์สินีก็ตกไปที่ตัวยศพัฒน์
หลังจากชเนนทร์จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เธอก็ไม่ได้เห็นยศพัฒน์อีกเลย
ไม่กี่ปีต่อมา เมื่อพบกันอีกครั้ง เด็กหนุ่มพูดน้อยที่สุภาพมากในตอนนั้นกลับกลายมาเป็นลูกเขยของเธอ
พิชญ์สินีมองยศพัฒน์ตั้งแต่หัวจดเท้า
สุดท้ายเผยรอยยิ้มสุภาพ และพูดกับยศพัฒน์ “ยศพัฒน์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ นั่งรถมาตั้งนานคงเหนื่อยแย่ เข้ามานั่งในบ้านเร็ว”
เธอแอบแตะสามี ส่งสัญญาณให้สามีพายศพัฒน์เข้าบ้านไปก่อน
“คุณพ่อคุณแม่ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ค่ำป่านนี้แล้วยังมารบกวน”
ทันทีที่ยศพัฒน์เปิดปากก็เรียกพ่อแม่เลย
สิรภพขมวดคิ้วไม่ได้พูดอะไร
พิชญ์สินีชะงักก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นคนเรียกพวกเธอกลับมาเอง ไม่ต้องขอโทษหรอกจ้ะ”
เห็นยศพัฒน์เอาของขวัญมากมายลงจากรถ พิชญ์สินีจึงพูดกับเขาว่า “มาก็มาแล้ว ยังจะซื้อของมากมายมาอีกทำไม ครอบครัวเราไม่ได้ขาดเหลืออะไรสักหน่อย”
เทวิกาตอบ “คุณแม่มักจะพูดว่าครอบครัวเราไม่ขาดเหลืออะไร ขาดแค่ลูกเขยและลูกสะใภ้ ตอนนี้ฉันพาลูกเขยกลับมาหาคุณแม่แล้วนะ เหลือก็แต่ลูกสะใภ้”
พิชญ์สินีถลึงตาจ้องเธอ
เทวิกาแลบลิ้นอย่างขี้เล่น
สิรภพก้าวเข้าไปช่วยยศพัฒน์ถือของ
พ่อตาลูกเขยเข้าบ้านไปก่อน
เทวิกาถูกท่านแม่ของเธอรั้งไว้
“มีอะไรคะคุณแม่”
เทวิกาถามอย่างรู้เท่าทัน
“แกยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ แม่ถามแกหน่อย แกกับยศพัฒน์จดทะเบียนสมรสกันแล้วจริงเหรอ”
“พี่ชายก็บอกคุณแม่แล้วไม่ใช่เหรอคะ มันจะไม่จริงได้ยังไงล่ะ”
พิชญ์สินีสำลัก
เร่งให้แต่งงานเป็นเรื่องหนึ่ง ลูกสาวแต่งงานปุบปับก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“คุณแม่ เป็นยังไงบ้างคะ พี่พัฒน์ดีกว่าผู้ชายดีๆ ที่คุณแม่จัดมาให้ฉันเป็นร้อยเท่า อย่างพี่พัฒน์สิถึงจะเป็นผู้ชายที่ดีมากอย่างแท้จริง”
เทวิกาชื่นชมวิสัยทัศน์ตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
“ยศพัฒน์กับพี่ชายของแกเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย แกรู้จักเขามาตั้งนาน แต่แกกับเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเป็นการส่วนตัว แกรู้จักเขาดีแล้วเหรอ”
เทวิกา “…พี่พัฒน์ทำงานอยู่ที่บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป ก่อนที่จะแต่งงานกับฉัน เขาเช่าอยู่ที่คอนโดกรีนทาวน์ ค่าเช่าที่นั่นแพงมาก ถ้าเขาสามารถเช่าที่นั่นได้ รายได้ของเขาก็ต้องสูงมาก บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ปเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในในเมืองแอคเซสซ์ของเรา เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับทุกสาขาอาชีพ ตราบใดที่ธุรกิจทำเงินได้ พวกเขาก็จะได้เป็นกอบเป็นกำ”
“ตำแหน่งของพี่พัฒน์ต้องไม่ต่ำแน่นอน แถมผู้ใหญ่ในครอบครัวของเขาก็ใจกว้าง ไม่เหมือนคุณแม่ที่เอาแต่โทรเร่งให้แต่งงานทุกวี่ทุกวัน น่าอิจฉา”
ทันทีที่พูดจบ ท่านแม่ก็ตีไหล่เธอ
พิชญ์สินีพูดอย่างอารมณ์เสีย “แม่แค่ทำเพื่อแก เมื่อผู้หญิงผ่านวัยแรกรุ่นไปแล้วก็จะแก่เร็ว ถ้าไม่หาผู้ชายดีๆ แต่งงานแต่เนิ่นๆ ต่อไปก็คงจะได้แต่แต่งงานกับของเหลือจากคนอื่น แล้วจะมีอะไรดี”
“ยศพัฒน์ทำงานในบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป และสามารถเช่าคอนโดกรีนทาวน์ได้ ฟังดูไม่เลว ว่าแต่ครอบครัวของเขาอยู่ที่ไหน ครอบครัวของเขามีกี่คน”
เทวิกาถูกถามทันที
เมื่อครู่ที่เตี๊ยมกับพี่พัฒน์ แค่คิดว่าจะปล่อยให้เขาตอบคำถามของแม่เธอเอง มองข้ามไปเลยว่าท่านแม่จะถามคำถามกับเธอด้วย
“บ้านเขาก็อยู่ในเมืองแอคเซสซ์ เขามีพ่อแม่และปู่ย่า”
คำตอบของเทวิกานั้นพิชญ์สินีไม่พอใจมาก
“คุณแม่ รีบเข้าไปเร็วๆ เถอะค่ะ เราทิ้งพี่พัฒน์ไว้ข้างในไม่ได้นะ”
เทวิกากังวลว่าแม่จะถามต่อ จึงรีบคว้าแขนของแม่และพาเธอเข้าไปในบ้าน
ในบ้าน ยศพัฒน์นั่งตัวตรงบนโซฟาเดี่ยว และสี่คนนั่งบนโซฟาตัวยาวฝั่งตรงข้าม
พวกเขามองตรงไปยังยศพัฒน์
บนโต๊ะน้ำชา อย่าว่าแต่ชา แม้แต่น้ำอุ่นสักแก้วยังไม่มี มันถูกเก็บกวาดจนสะอาดเอี่ยม
“พี่ชาย ทำไมไม่เสิร์ฟน้ำให้น้องเขยล่ะ”
เทวิกาเข้ามาก็บ่นพี่ชายเลย
เธอเดินไปหายศพัฒน์อย่างเป็นธรรมชาติ ยศพัฒน์เองก็ขยับไปด้านข้างทันทีเพื่อเว้นที่ว่างให้เธอนั่ง
เพื่อที่จะแสดงให้สมจริง เทวิกาจึงนั่งลงข้างยศพัฒน์ คู่สามีภรรยานั่งเบียดบนโซฟาตัวเดียวกัน
จนได้เห็นว่าคนในบ้านตระกูลวาชัยยุงต่างดวงตาลุกเป็นไฟ
พวกเขาเลี้ยงดูแก้วตาดวงใจอย่างประคบประหงม แต่มาถูกยศพัฒน์ฉกฉวยไป!
“ชเนนทร์ ไปเอาชามาให้ยศพัฒน์ หั่นผลไม้ใส่จานมาด้วย”
แม้ว่าพิชญ์สินีจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่การต้อนรับแขกก็ไม่ควรบกพร่อง
นี่คือลูกเขยคนใหม่ของบ้านตระกูลวาชัยยุงของพวกเขา
จะอาลัยอาวรณ์อีกเท่าไรก็ไม่ช่วยอะไร ยังไงก็จดทะเบียนสมรสกันไปแล้ว
พิชญ์สินีไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง
เธอเร่งให้แต่งงาน เร่งมาตั้งนาน แต่ลูกสาวก็นัดบอดล้มเหลวทุกครั้ง
คิดว่าเทวิกาจะไม่มีวันลืมไอ้สารเลวนั่น ใครจะรู้ว่าเทวิกาจะมาแต่งงานปุบปับ
พิชญ์สินีมั่นใจว่าเทวิกาเจอปุ๊บก็แต่งงานเลย
นอกจากตาณเทวิกาก็ไม่ได้มีเพื่อนชายที่ไหน พิชญ์สินีคิดว่าตัวเองเลี้ยงดูลูกสาวมาราวกับดอกไม้งาม แต่กลับไม่มีผู้ชายมาจีบเลย เธอรู้สึกเศร้ามาก
ผู้ชายพวกนั้นมันตาถั่ว!
“ครับ”
คำสั่งของพิชญ์สินี ชเนนทร์ไม่กล้าขัด
เขาปั้นปึ่งไปชงชาหั่นผลไม้
“เทวิกา แกก็ไปช่วยด้วยสิ”
พิชญ์สินีต้องการแยกคู่หนุ่มสาว เธอจะสอบสวนยศพัศน์ อ้อ มันคือการทำความรู้จักลูกเขยของเธอ
เทวิกาแอบแตะต้นขายศพัฒน์ ส่วนยศพัฒน์ก็แอบแตะเธอกลับอย่างเนียนๆ
ทั้งคู่เข้าใจความหมายของกันและกัน
เทวิกาลุกขึ้นเดินออกไป
“ยศพัฒน์”
พิชญ์สินีเอ่ยถามตรงประเด็น “เทวิกาไปขอความช่วยเหลือจากเธอให้แกล้งทำเป็นสามีเพื่อให้ฉันเลิกเร่งให้แต่งงานใช่ไหม”
เมื่อครู่เธอถามลูกสาวว่าครอบครัวของยศพัฒน์อยู่ที่ไหนและมีกี่คน แต่ลูกสาวตอบไม่ได้
พิชญ์สินีจึงสงสัยว่าการแต่งงานของสองคนนี้เป็นการแสดงตบตาเธอใช่หรือไม่