รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 023 เข้าทางครอบครัว
ยศพัฒน์วางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะอย่างไม่เต็มใจ
เพียงเงยหน้าขึ้น ก็พบกับเหล่าผู้บริหารที่นั่งเงียบมองมาที่เขา
เขา : ……………
ไม่นานเทวิกาก็ส่งรูปภาพเข้ามาในโทรศัพท์เขา
ยศพัฒน์นั่งเลือกอย่างตั้งใจอยู่สักพัก เลือกมาได้เตียงหนึ่งก็ตอบกลับเทวิกาไป จากนั้นก็ทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พูดขึ้น “ประชุม!”
ใบหน้าเงียบขรึม เสียงน่าเกรงขามและเย็นชา
อืม นี่สิถึงเป็นคุณพัฒน์ที่พวกเขาคุ้นเคย
คุณพัฒน์คนเมื่อกี้ ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
หากไม่ได้เห็นด้วยสายตาตัวเอง ให้ตายยังไงก็ไม่เชื่อว่าคุณพัฒน์จะอ่อนโยนและเอาใจใส่กับผู้หญิงคนหนึ่งได้ขนาดนี้
ในขณะเดียวกันคฤหัสถ์เมเปิล กำลังต้อนรับแขกที่มาโดนไม่ตั้งใจอยู่หนึ่งคน
เปรมา
ก่อนจะมาเปรมาได้โทรหาคุณย่าแล้ว และก็เป็นคุณย่าของยศพัฒน์
ภายในคฤหาสน์เมเปิล แม้ผู้จัดการจะเป็นยศพัฒน์ แต่ว่าตำแหน่งของคุณย่ากลับอยู่เหนื่อยศพัฒน์ คนที่เธอรักที่สุดในบ้านก็คือยศพัฒน์หลานคนโตของเธอ ยศพัฒน์ก็เชื่อฟังคุณย่าเป็นที่สุด
ย่าหลานสองคนสนิทกันอย่างมาก
เปรมาคิดอยากที่จะตามตื๊อยศพัฒน์อีกรอบ ก็ต้องมีคนช่วยเหลือ
คุณย่าเป็นคนที่เปรมาเล็งเอาไว้
ขอเพียงให้คุณย่ายอมช่วยเธอ เธอมั่นใจต้องมีสักวันที่เธอจะทำให้ยศพัฒน์รักเธอ ยอมที่จะแต่งงานรับเธอเป็นภรรยา
ยังไงพวกเธอก็เป็นกิ่งทองใบหยกกัน!
ก่อนหน้านี้เธอเด็กเกินไป ไม่เข้าใจเรื่องทุกอย่าง ถูกยศพัฒน์ปฏิเสธก็รู้สึกขายหน้า จึงหนีไปอยู่ประเทศอื่นที่ห่างไกล ไม่รู้ว่าควรจะเข้าทางคุณย่าของเขา
เสียเวลาชีวิตไปเกือบสิบปี
เปรมารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
เธอรู้สึกว่า หากเธอรู้ว่าควรเข้าหาทางคนในครอบครัว ไม่แน่เธออาจจะนั่งครองตำแหน่งภรรยาของตระกูลอริยชัยกุล ไม่แน่อาจจะคลอดลูกสาวแล้วก็ได้
ภายในสวนดอกไม้ คุณย่าถือกรรไกรใหญ่กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้
อีกไม่ไกลยังมีคุณตาท่านหนึ่ง นั่งลงอยู่ในสวนดอกไม้กำลังใส่ปุ๋ยดอกไม้
คนรับใช้คนหนึ่งพาเปรมาเดินเข้ามา
“คุณปู่ คุณย่า คุณหนูเปรมามาแล้ว”
คุณย่ามองไปที่เปรมา ยิ้มและพูด “เปรม์มาแล้วหรอ ไม่เจอกันตั้งนาน เปรม์ยังคงสวย น่าหลงใหลเหมือนเดิมดูเป็นผู้ใหญ่กว่าครั้งที่แล้วที่กลับมาอีก ดูแล้วหลายปีมานี้เธอใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกได้ไม่เลวเลยทีเดียว พยายามอย่างเต็มที่”
เปรมาเดินเข้ามา หยิบกระถางรดน้ำจากมือคุณย่าอย่างเป็นธรรมาชาติ รดน้ำดอกไม้แทนคุณย่า
ริมฝีปากยิ้มและพูด “คุณย่าก็เช่นกัน สักนิดก็ไม่เปลี่ยน ชีวิตข้างนอกมีแต่ความกดดัน ไม่ทำงานไม่ได้หรอก”
หน้าที่การงานของเปรมาถือว่าประสบผลสำเร็จ เธอทำแบรนด์เสื้อผ้า เสื้อผ้าที่เธอออกแบบ ขายดีเป็นอย่างมาก
เธอพยายามขนาดนี้ก็เพื่อที่จะได้คู่ควรกับยศพัฒน์
ยศพัฒน์เป็นผู้จัดการบริษัท หากเธอไม่มีความสามารถอะไรเลย ก็ไม่สามารถช่วยยศพัฒน์ในเรื่องงานได้
เธออยากเป็นผู้หญิงคนนั้นที่คอยอยู่เบื้องหลังยศพัฒน์ อยากที่จะร่วมเคียงข้างยศพัฒน์ในฐานะที่เท่าเทียม
นี่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
เปรมาหันไปเห็นคุณปู่ที่กำลังนั่งใส่ปุ๋ยอยู่ ส่งเสียงทัก “คุณปู่ภูธิป”
คุณปู่ทำท่าเหมือนอย่างกับไม่ได้ยินแบบนั้น ยังคงตั้งใจทำสิ่งที่ค้างต่อไป
“เปรม์ คุณปู่ภูธิปของเธออายุมากแล้ว การได้ยินลดลง เธอต้องใช้เสียงดังๆเรียกเขา เขาถึงะได้ยิน”
เปรมารีบพูด: “ฉันจะซื้อเครื่องช่วยฟังให้คุณปู่ภูธิป”
“ตาแก่นั้นไม่ชอบใส่ของพวกนั้น หลายชายมีเงินทองมากมาย เขาไม่มีอะไรที่ขาด”
ปู่ย่าสองสามีภรรยา ท่านทั้งสองรักกันตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว ในยุคสมัยของพวกเขาโดยทั่วไปจะมีลูกหลายคน พวกเขาก็เหมือนคนอื่นเหมือนกัน มีลูกห้าหกคน
ตระกูลอริยชัยกุลมีความเป็นอยู่ที่ดี สองสามีภรรยาคลอดลูกชายห้าลูกสาวหนึ่งต่างก็ยังมีชีวิตอยู่
ลูกชายทั้งห้าก็ยังมีหลานชายให้เขาสิบคน
ลูกสาวที่แต่งงานออกไปก็คลอดแต่ลูกชายไม่มีลูกสาว
อาจจะเป็นไปได้ว่าขาดหลานสาว คุณย่าค่อนข้างจะชอบเด็กสาววัยรุ่น ตั้งแต่เล็กก็ชอบมาเล่นที่ตระกูลอริยชัยกุลอย่างเปรมา คุณย่ามองเธอเป็นหลานสาว
“ไม่แน่ เธอซื้อให้บางทีเขาอาจจะใส่ก็เป็นไปได้”
คุณย่าเปลี่ยนคำพูดทันที หัวเราะและพูด “เธอลองดูสักหน่อย”
“ที่รัก เธอกำลังพูดเรื่องไม่ดีของฉันให้เปรม์ฟังใช่ไหม?”
คุณปู่ใส่ปุ๋ยเสร็จ ลุกขึ้นยืนทุบเอวทั้งสองข้างของตัวเอง และพูดพึมพำ “อายุเยอะแล้ว นั่งแค่แปบเดียวก็ปวดเอวไปหมด”
“คุณปู่ภูธิปถึงในบ้านมีสวนดอกไม้ ท่านกันคุณย่าก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำด้วยตัวเองหรอก”
“ว่างจนน่าเบื่อ ดูแลดอกไม้เหล่านี้ก็ถือว่าได้ใช้เวลาว่าง เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ฉันและคุณย่าชนิศาของเธอต่างก็ชอบปลูกดอกไม้ด้วยเช่นกัน
คุณย่าชื่อคุณหญิงธิษณา
“เปรม์ เธอกลับมาเมื่อไร?”
“เพิ่งกลับมาถึงจัดของเสร็จก็รีบมาหาคุณปู่ภูธิปและคุณย่าเลย”
เปรมารดน้ำดอกไม้เสร็จ วางกระถางรดน้ำไว้ที่เดิม
จากนั้นก็เดินกลับมา อยากช่วยพยุงคุณย่า แต่ถูกคุณย่าปฏิเสธ
“ฉันยังไม่แก่ขนาดต้องให้คนช่วยพยุงเดินนะ”
คุณย่าหายใจแรงและพูด “หากพัฒน์มีหลานน้อยให้สักคน ฉันยังช่วยเลี้ยงหลานได้”
สองสามีภรรยาปีนี้ก็อายุเจ็ดสิบเก้าแล้ว ปีหน้าก็อายุปาเข้าไปแปดสิบแล้ว
ดวงตาเปรมาเป็นประกายระยิบระยับ ยังคงพยุงคุณย่าไว้ ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้อง
คุณปู่กลับไม่เดินเข้ามาด้วยกัน แต่ยังคงจัดการกับดอกไม้ต่อ ซึมซับความสุขในการปลูกดอกไม้
“คุณย่าชนิศา พัฒน์ยังไม่มีแฟนใช่ไหมคะ?”
เปรมาถามด้วยเสียงเบา
ทั้งสองคนนั่งลงที่โซฟาด้านหน้า
คนรับใช้เดินมาเสิร์ฟน้ำชาและขนมหวานอย่างเงียบๆ
คุณย่าหันไปมองเปรมา ยิ้มและพูด “พัฒน์ยังไม่มีแฟน เธอน่าจะรู้อยู่แก่ใจ”
เปรมาใบหน้าแดง
“คุณย่าชนิศา”
“อายอะไรกัน มีใครไม่รู้บ้างว่าเธอกับพัฒน์เป็นกิ่งทองใบหยกกัน หากไม่ใช่เพราะเธอไปต่างประเทศ ไปเติบโตในหน้าที่การงานที่ต่างประเทศ ไม่แน่ลูกของพวกเธออาจจะโตจนช่วยงานได้แล้ว”
เปรมายิ่งหน้าแดง คำพูดของคุณย่าทำให้เธอเหมือนได้รับยารักปักหัวใจ
ที่แท้ทุกคนยังคิดว่าเธอและพัฒน์เป็นคู่กัน
ความจริงที่ยศพัฒน์ไม่ได้ชอบเธอมีเพียงนฤเบศวร์ที่รู้
“เปรม์ ครั้งนี้เธอกลับมาคิดจะอยู่นานเท่าไร?”
“คุณย่าชนิศา ครั้งนี้ฉันกลับมาอยู่ถาวรแล้ว ฉันกลับมาทำงานในประเทศแล้ว อยู่ข้างนอกมาเกือบสิบปีกลับมาอยู่บ้านตัวเองดีกว่า”
คุณปู่คุณย่ายิ้ม “ต่างก็บอกกันว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านตัวเอง แม้ว่าข้างนอกจะดีแค่ไหนก็ไม่เท่าที่บ้านของตัวเอง กลับมาอยู่บ้านตัวเองดีอยู่แล้วแหละ”
ในสายตาของคุณย่า ประเทศเราไม่ได้ด้อยไปกว่าต่างประเทศ
ยังไงก็ตามตระกูลอริยชัยกุลของพวกเขาไม่มีทางย้ายไปไหน
ตระกูลอริยชัยกุลได้รับการสั่งสอนจากบรรพบุรุษ ลูกหลานรุ่นหลังหากจะย้ายไปก็ไม่มีสิทธิ์แบ่งสมบัติของตระกูลอริยชัยกุลให้ได้
นี้ก็เป็นเงินเช่นกันนะ!
ไม่มีใครไม่ชอบเงิน และไม่มีใครหาเงินได้น้อย
“คุณย่าชนิศาพูดได้ถูก ฉันก็คิดแบบนั้น ดังนั้นฉันจึงกลับมา”
คุณย่าอืมและพูด “พัฒน์รู้ไหมว่าเธอกลับมา? หากเขารู้เขาต้องดีใจเป็นแน่”
รอยยิ้มของเปรมาแข็งทื่อ
จนถึงตอนนี้ยศพัฒน์ยังไม่ตอบกลับข้อความของเธอ
เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เห็นข้อความของเธอ ไม่ตอบกลับมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นคือไม่อยากสนใจเธอ
เปรมาปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งและพูด “ฉันยังไม่ได้บอกพัฒน์ อยากเซอร์ไพรส์เขา”