รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 043 รู้สึกได้ถึงความอาฆาตแค้น
“คุณย่าค่ะ พวกท่านนั่งตรงนี้สักครู่นะคะ หนูไปรินน้ำมาให้พวกท่านสองแก้ว”
เทวิกาประคองหญิงชราไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะ ก็ไปรินน้ำอุ่นสองแก้วให้กับผู้สูงอายุทั้งสองคน และยังเอาขนมหวานมาให้พวกเขาไม่กี่ชิ้น
“สาวน้อย ของพวกนี้เท่าไหร่ พวกเราจ่ายเงิน”
เทวิกาพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “คุณย่าค่ะ แค่ขนมหวานไม่กี่ชิ้นเอง ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ ถือว่าหนูเลี้ยงพวกท่านนะคะ พวกท่านค่อยๆกิน หนูยังต้องทำงานอีกสักพัก”
เธอเห็นผู้สูงอายุสองคนนี้ก็จะคิดถึงคุณปู่คุณย่าของตัวเอง คุณปู่คุณย่ารักเธอที่สุด
“สาวน้อย หนูไปทำงานเถอะ พวกเรานั่งสักพักก็กลับแล้ว”
เทวิกาพูดคำสุภาพไม่กี่คำด้วยรอยยิ้ม ก็ไปทำงานของเธอ
ยังต้องส่งเดลิเวอรี่ต่อ
วันนี้กาแฟและขนมหวานในร้านขายดีมากๆ ทุกคนก็ยุ่งวุ่นวายจนหัวหมุน แต่กลับยุ่งอย่างมีความสุข
กนกอรมองดูเทวิกาเข้ามา และกระซิบถามเธอ: “เทวิกา ผู้สูงอายุทั้งสองคนนั้นเป็นใคร? เธอรู้จักด้วยเหรอ?”
“ไม่รู้จักหรอก ตอนที่ฉันกลับมาเห็นพวกเขายืนรออยู่หน้าร้านของเรา เดาว่าพวกเขาอยากจะเข้ามาแต่ก็ไม่กล้า ก็เลยเชิญพวกเขาเข้ามา”
มองดูเสื้อผ้าธรรมดาๆผู้สูงอายุทั้งสองคน อาจเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เคยเข้ามาในร้านกาแฟมาก่อน ก็เลยอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อยมั้ง
เทวิกาพูดไปด้วยก็ยังบรรจุกาแฟและขนมหวานเข้าไปในกล่องส่งอาหารอีกครั้ง ยกออกไปข้างนอกพร้อมกับกนกอร วางไว้ตรงที่แป้นเหยียบจักรยานไฟฟ้าของเธอ
ในไม่ช้า เทวิกาก็ไปส่งเดลิเวอรี่อีก
คุณย่าชนิศาแตะมือของสามีเบาๆ และถามความคิดเห็นของสามี: “เป็นยังไงบ้าง?”
“มีความห้าวหาญเหมือนตอนที่คุณยังเป็นวัยรุ่น ผมชอบหลานสะใภ้คนนี้”
หญิงชราหน้าแดง ติเตียนสามี: “พวกเราก็แก่ๆกันแล้ว ยังจะพูดพวกนี้อีก ฟังดูแล้วน่าอาย”
“ผมพูดอะไรของผมเนี่ย ผมก็แค่ชอบที่คุณเป็นแบบนี้ ไม่ได้เหรอ? ผมก็ชอบมาหลายปี ตอนนี้คุณอยากให้ผมเปลี่ยนใจ ผมเปลี่ยนไม่ได้”
หญิงชรา: “……”
ทุกครั้งที่อยู่กับสามี เธอก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนสาวน้อยอายุสิบแปดปี ไม่แก่เลยสักนิด
สองสามีภรรยาแต่งงานกันมาหลายสิบปีแล้ว ความสัมพันธ์ยังคงดีเหมือนกับตอนที่รักกันใหม่ๆ
“ฉันก็ชอบเทวิกามากๆ สายตาของพัฒน์ของพวกเราดีมาก แต่ว่า ตาเฒ่า คุณรู้สึกมั้ยว่าหลานสะใภ้ของพวกเราหน้าตาคุ้นๆ พวกเราเคยเจอเธอมาก่อนวันนี้หรือเปล่า?”
ตอนที่เจอกับเทวิกาครั้งแรก คุณย่าชนิศาก็รู้สึกว่าหลานสะใภ้คนนี้หน้าคุ้นๆ
เธอไม่ได้ไหวติงอะไรมาตลอด ก็ไม่ได้พูดความสงสัยของตัวเองออกมา
ตอนนี้เทวิกาไปส่งเดลิเวอรี่ หญิงชราถึงได้พูดคุยกับสามีของตัวเอง
“เจอกันครั้งแรก คุ้นหน้าที่ไหนกัน? ยังไงก็ตามสวยสู้ตอนที่คุณสาวๆไม่ได้ ผมมองสองครั้ง ก็ไม่ได้มองดูดีๆ ไม่ได้รู้สึกคุ้นเคย”
“อีกแล้ว มาอีกแล้ว พวกเราอยู่ข้างนอกกันน่ะ”
หญิงชราติเตียนสามีอีกครั้ง
เธอรู้สึกว่าเทวิกาหน้าคุ้นๆมาก แต่กลับมั่นใจว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรก
พัฒน์แต่งงานสายฟ้าแลบ ไม่ได้บอกกล่าวกับคนในครอบครัว ถ้าไม่ใช่ว่าพัฒน์พาเทวิกาไปร่วมงานเลี้ยง คนในครอบครัวอย่างพวกเขาเหล่านี้ก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย
คุณปู่ภูธิปดื่มน้ำอุ่นไปครึ่งแก้ว ก็ชินขนมหวานไปสองชิ้น รู้สึกขนมหวานอร่อยดี และพูดนำแนะ: “ยายเฒ่า คุณลองชินขนมหวานพวกนี้ดู รสชาติดีมาก เทียบกับเชฟขนมหวานของบ้านเราได้แล้ว”
หญิงชราตามคำแนะนำของสามี ชินขนมหวานชิ้นหนึ่ง รู้สึกว่าอร่อยมาก ก็ทานไปหลายชิ้น จนกระทั่งสามีห้ามปรามเธอ
ผู้สูงอายุทั้งสองก็นั่งอยู่ที่One Day In Coffeeมาตลอด ดื่มน้ำ ทานขนมหวาน พูดคุยกับกนกอรและพวกพนักงานในร้านเป็นครั้งเป็นคราว แต่กลับอ้อมค้อมสอบถามเรื่องของเทวิกา
เทวิกายุ่งจนถึงเย็น รายการสั่งเดลิเวอรี่ถึงได้หยุดลง
เหนื่อยก็เหนื่อย แต่รายได้วันนี้ดีมาก
เทวิกาและกนกอรต่างก็ดีใจ แม้แต่เชฟขนมหวานที่พวกเธอจ้างมาก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นฮีโรที่ได้แสดงความสามารถของตัวเอง
ปกติลูกค้าไม่เยอะ ขนมหวานที่เขาทำก็ขายไม่หมด ซึ่งเคยทำให้เขาสงสัยฝีมือของตัวเองใช้ไม่ได้
บรรพบุรุษทั้งสองของตระกูลอริยชัยกุลกลับไปตอนประมาณห้าโมงเย็น
เพราะว่ายศพัฒน์เลิกงานเวลาห้าโมงครึ่ง คนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ใช้นิ้วเท้าคิดก็รู้ว่าเขาจะต้องรีบกลับไปที่บ้านหลังเลิกงาน
บรรพบุรุษทั้งสองไม่อยากถูกหลานชายของตัวเองเปิดเผยตัวตน
ประตูกระจกถูกผลักเปิดขึ้นอย่างกะทันหัน และมีชายชุดดำหลายคนเข้ามา
พวกเขาแต่ละคนสูงใหญ่มีพลัง ท่าทางดูจริงจัง มองดูก็ว่าไม่ควรมีเรื่องด้วย
“พี่ชายทั้งหลาย อยากจะดื่มอะไรคะ?”
กนกอรก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และทักทายอย่างกระตือรือร้น
ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ากลับผลักกนกอรไปอย่างแรง กนกอรทรงตัวไม่ได้ ถูกเขาผลักจนล้มลงบนพื้น
“กนกอร”
เทวิกาก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อประคองกนกอร แต่ชายที่ผลักกนกอรลงไปขวางทางเธอไว้
เขามองไปที่เทวิกาอย่างเยือกเย็น เทวิการู้สึกได้ถึงความอาฆาตแค้นจากดวงตาของเขา สิ่งนี้ทำให้เธอประหลาดใจ
เธอเป็นพลเมืองดี เธอไม่เคยทำเรื่องละเมิดกฎหมายประกอบอาชญากรรม และก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร อ้อ ตอนที่เปรมามาหาเรื่องเธอ เธอก็เอาคืน นั่นก็ถือว่ามีเรื่องกับเปรมาแล้วสินะ
พวกคนนี้เปรมาเป็นคนส่งมาเหรอ?
ชายคนนั้นหยิบโทรศัพท์ออกมา กดดูรูปภาพใบหนึ่ง และเปรียบเทียบกับเทวิกา
“วิกา”
ยศพัฒน์ผลักประตูเข้าไป เขาถือช่อดอกไม้ในมือข้างหนึ่ง
เมื่อเห็นยศพัฒน์เข้ามา ชายชุดดำก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ชายที่เป็นผู้นำพูดกับเทวิกาว่า: “มีเหล้ามั้ย?”
“คุณผู้ชาย ขอโทษด้วย ทางเราไม่ขายเหล้าค่ะ”
“อ๋อ งั้นพวกเราไปที่อื่นกันเถอะ”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไป และยังพูดกับกนกอรอย่างรู้สึกผิดว่า: “เมื่อกี้นี้ ขอโทษครับ?”
กนกอรอยากให้ตัวเองพูดว่าไม่เป็นไรแต่ก็พูดไม่ออกมา
พวกเขาตั้งใจ!
ในท้ายที่สุด กนกอรก็เม้มปากไม่ได้พูดอะไร
ชายชุดดำหลายคนไม่สนใจท่าทีของกนกอร พวกเขาออกไปอย่างเร่งรีบ
ตอนที่เดินผ่านกัน ยศพัฒน์หันหน้ามองแผ่นหลังของพวกเขา ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่
“คุณพัฒน์ คุณมาแล้วเหรอคะ”
กนกอรยิ้มให้กับยศพัฒน์ ก็พูดกับเทวิกาว่า: “ฉันไปเตรียมอาหารเย็น พวกเธอคุยกันเถอะ”
“คุณกนกอร ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นของวิกา ผมจะพาเธอกลับไปกินที่บ้านของผม”
ขณะที่ยศพัฒน์กำลังพูด ได้ยื่นช่อดอกไม้ให้วิกา ดวงตาสีเข้มจ้องมองใบหน้าที่สวยงามของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “เลิกงานกลับมา ผ่านร้านดอกไม้ ก็ซื้อช่อดอกไม้มาให้เธอ”
“วันนี้ฉันได้รับดอกไม้สองช่อ พี่ก็เป็นคนให้ด้วย”
ยศพัฒน์ยิ้ม“ถ้าเธอชอบ ฉันจะมอบให้เธอทุกวัน”
“ที่บ้านไม่มีแจกันเสียบดอกไม้ได้นะสิ”
“เรื่องง่ายมาก ฉันโทรศัพท์เรียกคนส่งพวกแจกันไปให้เธอ”
ยศพัฒน์หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรออก เทวิกาจะห้ามก็ห้ามไม่ทัน
นี่ก็เป็นคนคิดไวทำไว
หลังจากที่สั่งการคนให้ส่งแจกันแล้ว ยศพัฒน์ก็จับมือเทวิกา และพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า: “ภรรยา ไป พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
“พี่พัฒน์ พี่อย่าเรียกฉันว่าภรรยา ฉันไม่ชิน”
“ฟังหลายๆรอบก็ชินเอง ไปเถอะ ภรรยา พวกเรากลับบ้านกัน ฉันให้ป้ามะนาวสั่งห้องครัว ทำอาหารหลายอย่างที่เธอชอบไว้”
ยศพัฒน์พูดไปด้วยเดินจับมือเทวิกาออกจากร้านกาแฟไปด้วย
รถหรูคันหนึ่ง เข้าใกล้มาจากที่ไกล ในไม่ช้าก็จอดอยู่ด้านหน้าของสองสามีภรรยา