รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 066 แม่ยายมาแล้ว
หลังจากทานข้าวเสร็จ ชเนนทร์ก็กลับบ้าน ไม่คิดจะอยู่เป็นส่วนเกินอีกต่อไป
เมื่อเห็นเพื่อนใส่ใจน้องสาวตัวเองขนาดนี้ เขาก็เบาใจลงเยอะ แต่ว่า เขาเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน ที่ต้องมาดูทั้งแสดงความรักกันหวานซึ้ง เพราะงั้นขอตัวกลับก่อนดีกว่า
เซทท์เดินออกมาพร้อมกับชเนนทร์
ที่เขามาร่วมโต๊ะอาหารด้วย ก็เพราะอยากมาดูว่าเทวิกาเป็นผู้หญิงแบบไหนถึงทำให้พี่ชายยอมสละโสดได้
ภาพจำแรกที่มีต่อพี่สะใภ้นอกจากความสวยแล้วก็คือความสวย ตอนนี้ยังไม่พบจุดเด่นอย่างอื่นเพิ่ม แต่ว่าถึงขั้นสามารถทำให้พี่ชายยอมสละโสดได้ขนาดนี้ คิดว่าก็น่าจะเป็นคนที่ไม่เลวคนหนึ่งเลยล่ะ
ยศพัฒน์กินอิ่มเป็นคนสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้เขาเอาแต่แกะกุ้งให้เทวิกา
เมื่อเขาวางตะเกรียบลง กระดาษทิชชู่ก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
เทวิกาเป็นคนยื่นมาให้
เขาไม่รับมาถือไว้ แต่ใช้สายตามองเธอย่างลึกล้ำ
เทวิกาเข้าใจในชั่ววินาที จึงโน้มตัวเข้าไป ใช้ทิชชู่เช็ดคราบน้ำมันบนมุมปากของเขาอย่างระมัดระวัง
วินาทีถัดมา สัมผัสอุ่นร้อนก็ทาบทับที่ริมฝีปาก
เพราะอิตานี้ฉวยโอกาสที่พวกเขาอยู่ใกล้กัน ขโมยจุ๊บน่ะสิ
เทวิการีบผลักเขาออก
“พัฒน์ คุณรู้จักกาลเทศะหน่อยได้ไหม”
ยศพัฒน์หัวเราะออกมาเสียงเบา “สามีรู้มีกาลเทศะกับภรรยามันไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่หรอกนะ”
หน้าของเทวิกาแดงซ่าน
ช่างเป็นคนจริงใจทั้งต่อหน้าและลับหลังจริงๆ
แต่กระนั้น เธอก็ชอบที่เขาเป็นแบบนี้
“วิกา เป็นไงบ้าง? อาหารที่นี่รสชาติพอได้?”
“จะแค่พอได้ได้ยังไง มันได้มากๆเลยล่ะ อร่อยสุดๆ”
เทวิกาพูดไปพลางลุกขึ้นยืน “ไปกันเถอะ เรากลับกันดีกว่า คุณน่าจะต้องกลับไปทำงานแล้ว”
ยศพัฒน์มองเวลา “เลทมาขนาดนี้แล้ว ไม่เข้าซะให้มันจบๆ วิกา เดี๋ยวผมพาไปขับรถรับบลมเล่น”
วิกา “…..เป็นถึงประธานบริษัท โดดงานคงไม่ดีเท่าไหร่มั้ง?”
ยศพัฒน์ลุกขึ้น พร้อมกันนั้นก็ดึงเธอเดินออกไปด้วยกัน
“งานที่สำคัญๆผมมอบหมายให้กษิดิจัดการแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงผมไม่กลับไปทำงาน บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปก็ไม่เจ๊งหรอกน่า ที่บริษัทมีอย่างทุกวันนี้ได้ ก็ไม่ได้มาจากผมคนเดียวเสียหน่อย ผมก็แค่โชคดี ที่ได้เกิดในตระกูลอริยชัยกุล เลยได้มาเป็นผู้สืบทอดบริษัทเฉยๆ”
ในเมื่อเขาพูดมาขนาดนี้แล้ว เทวิกาก็ไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
แต่ใครจะไปรู้ว่าขณะที่ทั้งสองกำลังเดินออกมาจากโรงแรม เทวิกาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่
“แม่ฉันโทรมาน่ะ”
เทวิกาบอกยศพัฒน์ จากนั้นส่งซิกให้เขาเงียบๆ
ยศพัฒน์ “………..”
นี่เขาเป็นคนในความลับเหรอ?
พ่อตาแม่ยายก็ดูชอบเขาออก
“ค่ะแม่”
เทวิกากดรับสาย พร้อมกับเอ่ยเรียกผู้เป็นแม่เสียงหวาน
เมื่อพิชญ์สินีได้ยินน้ำเสียงของเธอ ก็เอ่ยพูดอย่างสงสัยว่า “ไปทำเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้มาอีกหรือเปล่า เรียกแม่ด้วยเสียงแบบนี้ กลัวแม่รู้ใช่ไหม?”
“ฉันเปล่านะแม่ ลูกแม่เป็นคนยังไง แม่ไม่รู้เหรอ ฉันจะไปทำอะไรแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“หนูแค่คิดถึงแม่ ก็เลยเรียกเสียงแบบนี้ไง”
พิชญ์สินีหัวเราะเหอะๆออกมา “เลิกพล่าม แกบอกว่าคิดถึงแม่นี่แหละถึงแปลก ถ้าแม่ไม่เร่งรัดแก แกก็คงอยู่นอกบ้านตลอดต้นปีจนถึงท้ายปี ถ้าแกคิดถึงแม่จริงๆ อยู่ใกล้กันแค่นี้ ก็คงกลับมาเยี่ยมแม่แล้ว”
เธอจะไม่รู้จักนิสัยลูกสาวตัวเองได้ยังไง
“แม่ มันใกล้ตรงไหน นั่งรถกลับก็ใช้เวลาสักพักเลยนะ”
“ว่าแต่แม่โทรมามีอะไร ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว แม่หยุดหาคู่ดูตัวให้ฉันเลย”
เทวิกาถูกแม่เร่งให้แต่งงานจนฝังใจ
“ไม่มีอะไรก็โทรหาแกไม่ได้เลยเหรอ?”
“ได้สิ โทรได้อยู่แล้ว เสด็จแม่ผู้ยิ่งใหญ่ มีคำสั่งอันใด เรียนพูดมาเลย”
“แกอยู่ไหน?”
“ที่ทำงานสิ”
พิชญ์สินีหัวเราะเหอะๆออกมา “เทวิกา ฉันให้เวลาแกคิดดูอีกที ว่าจะเลือกโกหกต่อหรือบอกความจริง”
“แม่ ฉันพูดจริงๆ”
“เทวิกา ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านกาแฟของแก กนกอรบอกว่าแกออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับมาเลย แกเป็นเจ้าของร้านประสาอะไร? งานการไม่สน ดีแต่สั่งให้คนอื่นจัดการ ขี้เกียจตัวเป็นขน แล้วแบบนี้ร้านแกจะได้กำไรไหม? เพราะฉันกับพ่อแกไม่ได้ขอเงินแกใช้หรือเปล่า แกถึงไม่กดดัน พอไม่กดดันก็เลยไม่มีแรงจูงใจอย่างนั้นเหรอ”
เทวิกาสบถในใจ
ถูกแม่จับไต๋ได้ซะงั้นว่าโกหก
“แม่ ฉันไม่ได้…..”
“แม่ครับ วิกาอยู่กับผม”
เสียงของยศพัฒน์ดังขึ้นมา เขาอธิบายแทนภรรยา “เมื่อเช้าจู่ๆฝนก็ตกหนัก วิกาต้องมาส่งเดลิเวอรี่ที่บริษัทของผม แต่เพราะฝนตกหนักเกินไป ผมเลยให้เธอมาหลบฝนที่บริษัท จากนั้นก็พาเธอออกมาทานข้าว ตอนนี้กำลังพากลับไปส่งครับ”
แม่ยายมาแล้ว แพลนที่จะพาภรรยาไปขับรถรับลมเล่น ก็คงไปไม่ได้แล้ว
“พัฒน์ก็อยู่ด้วยเหรอ”
พิชญ์สินียิ้ม “งั้นพวกแกมีอะไรอยากทำก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องรีบกลับมา เดี๋ยวฉันดูร้านให้”
เธอชื่นชอบลูกเขยคนนี้มาก
“โอเคครับ ขอบคุณครับแม่”
ยศพัฒน์เอ่ยขอบคุณเสียงนุ่ม
เมื่อพิชญ์สินีแน่ใจว่าทั้งสองอยู่ด้วยกัน เธอจึงวางสายไปอย่างสบายใจ
กนกอรยกถาดผลไม้เข้ามา แล้ววางลงตรงหน้าเธอ “คุณป้า ผลไม้ค่ะ”
“ขอบคุณจ้ะ ว่าแต่ป้ามาอยู่นี่จะรบกวนการทำงานของพวกแกหรือเปล่า?”
พิชญ์สินีมองลูกค้าในร้าน ที่จับจองโต๊ะที่นั่งจนไม่เหลือที่ว่าง
อืม ขายดีเหมือนกันแฮะ
คนที่มาดื่มกาแฟที่นี่ มีแต่พวกหนุ่มสาวออฟฟิศ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง ต่างก็ใส่สูทใส่รองเท้าหนังกินทั้งนั้น
พิชญ์สินีไม่ชอบดื่มกาแฟ เธอไม่ชอบกลิ่นเข้มๆของมัน
“ไม่หรอกค่ะ”
หนกอรลากเก้าอี้ออก แล้วนั่งลงตรงข้ามพิชญ์สินี เอ่ยถามยิ้มๆว่า “จู่ๆก็มาหาเทวิกาแบบนี้คุณป้ามีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ?”
พิชญ์สินีมองผู้คนรอบๆ จนแน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน เธอถึงได้พูดเสียงเบาขึ้นมาว่า “ฉันสงสัยว่าเทวกากับยศพัฒน์จะแต่งงานกันหลอกๆ เพื่อโกหกฉัน เพราะว่าฉันเอาแต่เร่งให้แต่งงาน จนเทวิกาทนไม่ไหว ก็เลยให้ยศพัฒน์มาแสดงเป็นสามีให้”
กนกอร “……..”
พ่อแม่รู้จักลูกตัวเองดีที่สุดคำพูดนี้ดูท่าจะจริงสินะ
คุณป้าเดาถูกซะด้วย
ตอนแรกเทวิกาเสียเงินจ้างยศพัฒน์มาเป็นสามีหลอกๆ ยศพัฒน์ขึ้นเรือลำเดียวกันแล้วจึงไม่อาจกลับลำได้ เลยต้องแสดงละครร่วมกันกับเธอ
กนกอรเคยเตือนอีกฝ่ายแล้วว่าอย่าเล่นกับไฟ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ฟัง
ตอนนี้เป็นอย่างที่เธอเคยพูดทุกอย่างเลยเห็นไหม
“เพราะงั้น ฉันก็เลยมาที่นี่อย่างกะทันหัน ถ้าพวกเขาร่วมมือกันโกหกฉันจริงๆ ก็ต้องเผยพิรุธออกมาบ้างล่ะ ฉันเตรียมเสื้อผ้ามาด้วย ว่าจะอยู่ที่นี่สักพัก คอยจับตามองพวกเขาทั้งสองคน”
กนกอรยิ้ม “คุณป้าคิดมากเกินไปแล้วค่ะ เทวิกาไม่โกหกคุณป้าหรอก เธอกับคุณพัฒน์แต่งงานกันจริงๆ ฉันเห็นทุกอย่างมาตลอด เรื่องทุกอย่างจริงแท้แน่นอน”
“ทะเบียนสมรสก็เป็นของจริงแน่นอน”
กนกอรกล่าวเสริม
“ฉันรู้ว่าทะเบียนสมรสเป็นของจริง แต่พวกเขาก็สามารถเอาทะเบียนสมรสไปเปลี่ยนเป็นใบหย่าก็ได้เหมือนกันนี่นา”
กนกอรพูดอะไรไม่ออก
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพิชญ์สินีรู้จักลูกสาวตัวเองดีเกินไป
ผ่านไปครู่ใหญ่ กนกอรก็เอ่ยถามว่า “คุณป้าชอบคุณพัฒน์ไหมคะ?”
“ชอบสิ ท้งสูงทั้งหล่อ แถมยังทำงานในบริษัทใหญ่ๆ อนาคตไกล เทวิกาก็ไม่ได้ขี้ริ้วี้เหร่ ถ้าได้ลูกเขยหน้าตาดี เบ้าหน้าหลานรุ่นต่อไปต้องดีมากแน่ๆ”
กนกอรขำออกมา “คุณป้าดูจะชอบคนหน้าตาดีนะคะเนี่ย”
“ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก ก็แค่คนหน้าตาดีมันเจริญหูเจริญตาเท่านั้นเอง”
กนกอรไร้คำโต้เถียง