ตอนที่เทวิกาตื่น รถก็ถูกขับมาถึงบริเวณคฤหัสถ์เมเปิลพอดี
“ตื่นแล้วเหรอ”
น้ำเสียงอ่อนโยนดังลอดมาจากเหนือศีรษะ
เธอเงยหน้าขึ้น ก็พบกับใบหน้าหล่อเหลาที่ก้มลงมาของยศพัฒน์
ตื่นมาก็เจอหนุ่มหล่อ นี่ทำให้คนรู้สึกอารมณ์ดีมากจริงๆ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเธอยังอยู่ในอ้อมกอดของหนุ่มหล่ออีกต่างหาก สายตาที่มองเธอนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
รอมยิ้มของเทวิกาเองก็ทำให้ยศพัฒน์รู้สึกขบขัน เขาก้มหน้าลง แล้วจุมพิตริมฝีปากเธอเบาๆ
เทวิกาหลับตาลง ดื่มด่ำไปกับจูบของเขา
“ถึงหรือยัง?”
หลังจากที่เขาปล่อยเธอออก เธอก็ลืมตามองเขา พลางเอ่ยถามเสียงเบา
“อีกห้านาทีก็ถึงแล้ว”
เทวิกามองออกไปนอกหน้าต่างรถ ท้องฟ้าสีดำปกคลุมผืนแผ่นดินแล้ว
ไฟสองข้างทางสว่างมาก ทุกระยะสิบเมตรก็จะมีไฟข้างทางหนึ่งดวง ไม่เปิดไฟรถก็ไม่ส่งผลต่อการขับรถ
“เส้นทางนี้มีรถสัญจรน้อยจัง”
เทวิกาเห็นด้านหน้าไม่มีรถยนต์ ด้านหลังเองก็ไม่มีรถยนต์ตามมา พลันปริปากเอ่ย
ยศพัฒน์อธิบายเสียงอ่อนโยนว่า “สุดสายถนนนี้คือคฤหัสถ์เมเปิลของเรา เพราะฉะนั้นถนนสายนี้ถึงมีรถสัญจรน้อยมากๆ นอกเสียจากว่าจะไปบ้านเรา ไม่งั้นก็ไม่มีใครใช้เส้นทางนี้”
เทวิกาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
ถนนสายนี้ตระกูลอริยชัยกุลเป็นคนออกเงินสร้างเอง สร้างได้กว้างมากๆ เพราะคดเคี้ยวเล็กน้อย กว้างหน่อยก็จะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
“ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ก็เลยไม่เห็นวิวของคฤหัสถ์ พรุ่งนี้เช้า ฉันค่อยพาเธอมาเที่ยวรอบคฤหัสถ์”
คนขับรถลุงวริศหันศีรษะมาพูดแทรกว่า “คุณชาย คฤหัสถ์ใหญ่ขนาดนี้ ใช้เวลาทั้งวันก็เที่ยวไม่หมด ต้องให้คุณนายน้อยย้ายมาอยู่ที่นี่ ถ้ามีเวลาว่างก็ไปเที่ยว ถึงจะเที่ยวหมดได้”
ยศพัฒน์ยิ้ม “ก็จริง”
เขาหันมามองเทวิกาตาเป็นกระกาย
เทวิกาฟังแล้วรู้สึกอึ้งเล็กน้อย เธอรู้เกี่ยวกับตระกูลอริยชัยกุลไม่มากนัก ก่อนหน้าที่จะอยู่กับยศพัฒน์ เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตระกูลอริยชัยกุลคือเศรษฐีอันดับหนึ่งของเมืองแอคเซสซ์ ยิ่งไม่รู้ว่าบ้านหลักของตระกูลอริยชัยกุลคืออคฤหัสถ์เมเปิล
เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับคฤหัสถ์เมเปิลมาก่อน เพราะลึกลับเกินไป ดังนั้นเธอจึงเคยได้ยินคนอื่นพูดถึง แต่คฤหัสถ์เป็นยังไง น้อยคนนักที่จะสามารถอธิบายได้
รู้เพียงแค่ว่าคฤหัสถ์เมเปิลใหญ่มากๆ ทิวทัศน์สวยมาก
คิดไม่ถึงเลยว่าใช้เวลาทั้งวันก็ยังเที่ยวไม่หมด
นี่ต้องใหญ่ขนาดไหนกัน!
“วิกา”
พัฒน์ถามเสียงอ่อนโยนว่า “จะย้ายกลับมาอยู่บ้านไหม?”
เทวิกากระพริบตา ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อ ยศพัฒน์เห็นแล้วอยากจะจับกดเธอให้รู้แล้วรู้รอด
“แต่ว่า ไกลมาก”
เธอยังต้องเปิดร้านของตัวเอง
ยศพัฒน์ยิ้มเอ่ยว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหา ฉันรับส่งเธอทุกวันเอง ให้คนขับรถรับส่งเธอก็ได้ หรือว่าเธอจะขับรถเอง?”
ตอนที่ยังไม่แต่งงาน เพื่อสะดวกต่อการไปทำงาน ส่วนมากแล้วก็จะพักอาศัยอยู่ในคฤหาสต์ของคอนโดกรีนทาวน์
หลังแต่งงาน เขากลับอยากพาเธอกลับคฤหัสถ์เมเปิล ให้เธอได้อยู่รวมกับคนในครอบครัวเขา เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด
“ฉันขับรถไปเอง”
เมื่อพูดถึงขับรถ เทวิกาก็ตาลุกวาวทันที “ตั้งแต่ที่ฉันสอบใบขับขี่ได้ ก็เคยขับรถพี่ชายฉันแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาก็ไม่ยอมให้ฉันขับอีกเลย คนขี้เหนียว”
ชเนนทร์ได้ยินแล้วคงรู้สึกไม่ยุติธรรม และโต้กลับว่า: เธอขับรถเหมือนขับเครื่องบิน ขับซิ่งชะมัด นี่ยังไม่พอ ครั้งแรกที่ขับรถเขาก็ไปชนกำแพงบ้านจนพัง ไม่เพียงแค่กำแพงพัง รถก็พัง
เพื่อไม่ให้ถูกแม่ด่า เพื่อความปลอดภัยของเธอ ต่อให้ตีเขาจนตาย เขาก็ไม่มีทางยอมให้น้องสาวขับรถอีกแน่ ๆ
“ทำไมไม่ให้เธอขับล่ะ? ไม่เป็นไร บ้านฉันมีโรงเก็บรถหลายโรง ในโรงเก็บรถมีรถมากมาย เธออยากขับคันไหนก็ได้หมด”
ยศพัฒน์เอ่ยอย่างรักใคร่
ถ้าชเนนทร์อยู่ที่นี่ก็จะต้องยิ้มเย็นอย่างแน่นอน บอกว่าเพียงแค่น้องเขยเคยนั่งรถที่น้องสาวขับดูสักครั้ง ก็จะเสียใจภายหลังที่ให้น้องสาวเขาขับรถแน่ ๆ
นั่งรถที่เทวิกาขับครั้งเดียว ก็อกสั่นขวัญเสียจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ผวาจนเข่าอ่อนยวบ
“รังเกียจที่ฉันเป็นคนขับรถผู้หญิงไง บอกว่าคนขับรถผู้หญิงอย่างพวกฉันเป็นนักฆ่าถนนอะไรก็ไม่รู้ น่าโมโหชะมัด”
เทวิกาไม่มีทางบอกอยู่แล้วว่าเธอเคยขับรถจนพี่ชายเกือบตกใจตาย จึงไม่ให้เธอขับรถอีก
เธอชอบขับรถซิ่ง เธอรู้สึกว่าเท่ห์มากๆ มันส์สุดๆ!
ยศพัฒน์ยิ้มตำหนิพี่ชายภรรยาไม่กี่คำ ก่อนจะเอ่ยว่า “พรุ่งนี้ เราออกไปขับรถเล่นกัน เธอเป็นคนขับ”
“เอาสิ ๆ”
เทวิกาตอบอย่างไม่ลังเล
ภรรยาที่รักดีใจ ยศพัฒน์เองก็ดีใจเช่นกัน
ชเนนทร์: พรุ่งนี้นายก็ยิ้มไม่ออกแล้ว
ไม่นาน รถก็ถูกขับมาถึงตีนเขา แล้วขับขึ้นไปยังยอดเขา
เส้นทางบนเขาคดเคี้ยว ยังดีที่ถนนกว้าง ถ้าแคบกว่านี้ คนที่ฝีมือการขับรถไม่ผ่านไม่กล้าขับขึ้นไปบนยอดเขาด้วยซ้ำ
แม้ทั้งสองข้างทางจะมีไฟถนน ทว่าท้องฟ้ามืดขมุกขมัว เทวิกาเห็นวิวเขาด้านนอกไม่ชัด ผ่านไปไม่กี่นาที เธอก็เห็นประตูใหญ่หนึ่งบาน ทว่ายังไม่ทันได้ชมดีๆ ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก ก่อนที่รถยนต์จะขับเข้าไป
ขับไปอีกประมาณหลายนาที ก็จึงจะจอดที่หน้าประตูบ้านใหญ่
มีคนรออยู่ตรงหน้าประตูบ้านนานแล้ว
เมื่อเห็นลุงวริศจอดรถ คนที่รอก็เร่งฝีเท้าเดินมา
แม้จะเร่งฝีเท้าเดินมา แต่ฝีเท้ากลับเป็นระเบียบมีวินัยเหมือนผ่านการฝึกฝน
“ยินดีต้อนรับคุณชายและคุณนายน้อยกลับบ้านครับ”
ประตูรถถูกเปิดออก เทวิกาก็ได้ยินเสียงนอบน้อมของคนเหล่านั้น
เธอเกือบชักขาที่ยื่นออกไปกลับมา
เพียงครู่หนึ่ง เธอก็ลงจากรถด้วยสีหน้าสุขุมใจเย็น
คนเหล่านั้นที่มาต้อนรับเธอ คนที่ยืนอยู่หน้าสุดคือลุงวัยกลางคนคนหนึ่ง ผมด้านหน้าของเขาร่วงหมดแล้ว หน้าผากโล่งโล้น ผมด้านหลังก็ถูกหวีจนเรียบเนียบ
เขาสวมชุดสูทสีดำทั้งตัว รองเท้าหนังที่เท้าดำขลับจนเงาวาว
สายตาที่มองเธอนั้นอ่อนโยนซ่อนยิ้ม
“คุณนายน้อย สวัสดีครับ”
ลุงวัยกลางคนทักทายเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“วิกา คนนี้คือภูริช เป็นพ่อบ้านใหญ่ของบ้านเรา เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ของคฤหัสถ์ก็เขาดูแลหมดเลย”
ยศพัฒน์แนะนำตัวภูริชกับเทวิกา
เทวิกาเคยได้ยินมาก่อนว่าในคฤหัสถ์มีพ่อบ้านเล็กใหญ่ถึงยี่สิบกว่าคน ภูริชคือพ่อบ้านใหญ่ ก็คือหัวหน้าพ่อบ้านสินะ
“ภูริช สายันสวัสดิ์ค่ะ”
“ครับๆ ๆ”
ภูริชยิ้มกว้างจนตาหยี เห็นได้ชัดว่าพึงพอใจในตัวเทวิกามาก
ไม่สิ ตราบใดที่เป็นผู้หญิงที่คุณชายพากลับมา เขาก็รู้สึกพึงพอใจทั้งนั้น
อ้อ คุณชายไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนกลับมา คุณนายน้อยเป็นเพียงหนึ่งเดียว
“คุณนายน้อย สายันสวัสดิ์ครับ/ค่ะ”
คนอื่นๆเองก็ทักทายอย่างนอบน้อม
เทวิกาทักทายทุกคนตอบอย่างใจกว้าง
“คุณชาย คุณนายน้อย รีบเข้าบ้านเถอะครับ คุณท่านกับคุณหญิงย่ารวมทั้งคุณชายคุณหญิงคนอื่นๆรออยู่ในบ้านกันหมดแล้ว”
สิ้นเสียงภูริช เขาก็เห็นคุณชายกุมมือของคุณนายน้อยเอาไว้ ปลอบโยนความประหม่าของคุณนายน้อยเงียบๆ
ตอนที่คุณนายน้อยเพิ่งลงจากรถ ก็เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกประหม่า
แต่ก็แค่นาทีสองนาทีเท่านั้น
เพียงครู่เดียว คุณนายน้อยก็ใจเย็นลง และเผยสีหน้าสุขุม
ไม่เลว สมกับเป็นคนที่คุณชายเลือก แม้จะมาจากครอบครัวสามัญชนธรรมดา รูปร่างหน้าตาและออร่านั่น ก็ไม่ด้อยไปกว่าลูกสาวตระกูลผู้ดีเลย
ในเวลาสั้นๆไม่กี่นาที ภูริชก็สำรวจเทวิกาอย่างถี่ถ้วน รวมทั้งสรุปบุคลิกนิสัยของเทวิกา
รู้สึกว่าสองสามีภรรยาน้อยช่างเป็นคู่สร้างคู่สม