เทวิกาเอามือทั้งสองข้างกุมแก้มของเขาไว้ แล้วลูบเบาๆ ก่อนจะกล่าวขอโทษ “พี่พัฒน์ขอโทษนะคะ เป็นฉันที่ไม่ระมัดระวังมากพอ พอได้รับโทรศัพท์ แล้วได้ยินว่าพี่ชายของฉันประสบอุบัติเหตุรถชน จึงรีบไปโรงพยาบาลโดยไม่ทันคิด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นกับดักของพวกคนร้าย จนถูกพวกมันจับตัวไป ทำให้พวกคุณต้องเป็นห่วง”
“พอตื่นมา ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอนึกถึงเรื่องของพี่ชาย ก็เลยรีบโทรหาพี่ชายก่อนเป็นอันดับแรก อยากมั่นใจว่าเขาปลอดภัยหรือเปล่า จากนั้น โทรศัพท์ของฉันก็แบตหมด จึงทำอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้พี่ช่วยฉันมารับ”
“ฉัน ฉันนึกว่าคุณยังไม่รู้… แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณถึงกับต้องใช้คนมากมายเพื่อออกตามหาฉัน”
พอพูดถึงประโยคหลัง เสียงของเทวิกาก็เบาลง
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมยศพัฒน์ถึงคลอเคลียเธอถึงสองครั้ง ไม่ใช่แค่หึงหวง แต่เพราะกลัวมากด้วย กลัวว่าจะเสียเธอไป ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีของเขาเพื่อพิสูจน์ว่าเธอยังอยู่เคียงข้างเขา และยังสบายดี
ก็แค่ รุนแรงไปหน่อย
เอวของเธอ!
“แต่ก็โชคดีที่วันนี้พี่ชายของคุณไปหาคุณที่ร้านพอดี คุณเพิ่งขึ้นรถไม่กี่นาที พี่ชายของคุณก็มาถึงร้าน พอกนกอรถาม ทั้งสองก็รู้ว่าคุณตกอยู่ในอันตราย พี่ชายของคุณจึงรีบติดต่อหาผมทันที ถ้าช้าไปกว่านี้อีกนิดเดียว ผลจะเป็นยังไงก็ไม่รู้”
แต่ว่า ถึงแม้ชเนนทร์จะไม่โทรหาเขา ลูกน้องที่เขาส่งไปคุ้มปกป้องเทวิกาอย่างลับๆ ก็ต้องรายงานเขาอยู่ดี
แต่เรื่องนี้ ยศพัฒน์ไม่คิดจะบอกเทวิกา
เขาส่งบอดี้การ์ดไปปกป้องเทวิกาเพื่อความปลอดภัยของเทวิกา แต่สำหรับเทวิกาแล้ว เธอจะคิดว่าเธอถูกคนคอยจับตามอง และคิดว่าแต่งงานกับเขาทำให้เธอไม่มีอิสระ
เขาจะทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นไม่ได้
แค่บอดี้การ์ดสองคนสองคนคงยังไม่พอ คงต้องให้ภูริชจัดบอดี้การ์ดมาเพิ่มอีกสองสามคน ผลัดกันทำหน้าที่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อคอยคุ้มครองเธออย่างลับๆ
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ยศพัฒน์ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นเขาคงจะตกใจจนหัวใจวายตาย
เทวิกาแค่คิดก็รู้สึกกลัว
หลังจากที่เธอขึ้นรถ ถึงพบว่าในรถนอกจากคนขับรถแล้วยังมีชายแปลกหน้าสองคนอยู่ด้วย หนึ่งในสองคนนั้นนั่งอยู่ที่เบาะหลังกับเธอ
ในตอนนั้นเธออายเกินกว่าที่จะบอกพวกเขา ว่าเธอกำลังรีบร้อนจะไปโรงพยาบาล ขอร้องพวกเขาให้แท็กซี่ไปส่งเธอก่อนได้ไหม แต่ผู้ชายทั้งสองกลับบอกด้วยท่าทางเป็นมิตรว่า พวกเขาจะพาเธอไปโรงพยาบาลก่อน
ด้วยความที่เธอตกใจเรื่องอุบัติเหตุของพี่ชายมากจนไม่ทันได้ตั้งสติ ไม่ได้คิดเนื่องนี้ให้ละเอียด และยังคิดว่าตนเองได้เจอกับคนดีแล้ว
ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่รถสตาร์ทออกไป เธอก็รู้สึกเจ็บที่หลังคอ แล้วเธอสติก็ดับวูบไป
ตอนที่เธอได้สติขึ้นมา เธอก็นอนอยู่ข้างถนนแล้ว
“พี่พัฒน์คะ นี่เป็นแค่การลักพาตัวเรียกค่าไถ่ธรรมดา…หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดของฉันคะ?”
ยศพัฒน์นิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดว่า “มีการจัดการที่กลุ่ม ใช้ทั้งกำลังคนและกำลังทรัพยากรจำนวนมาก ไม่ใช่แค่การลักพาตัวเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่อาจจะเกี่ยวข้องกับชาติกำเนิดที่แท้จริงของคุณ”
เทวิกา “…ตกลงฉันเป็นลูกสาวของใคร ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อแม่แท้ๆ ของฉันเป็นใคร หายนะก็มาหาฉันแล้ว หรือว่า ฉันจะเป็นลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลมืด ศัตรูของพ่อแท้ๆ เรื่องของฉันก่อนพ่อแท้ๆ แล้วแอบมาลงมือกับฉัน”
ยศพัฒน์“…พ่อของคุณไม่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลมืด ถ้าพ่อของคุณเป็นหัวหน้ากลุ่มอิทธิพลมืด ตอนที่คุณถูกลักพาตัว พ่อของคุณพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินตามหาคุณแล้ว”
“อาจเป็นไปได้ว่าตระกูลของพ่อของคุณร่ำรวยมาก คนในตระกูลจึงทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจ จนเกิดความเดือดร้อนเป็นวงกว้าว แม้แต่ลูกสาวที่หายไปกว่ายี่สิบปี ก็ยังตามหาจนเจอ และไม่ยอมปล่อย รวมถึงเรื่องที่คุณถูกลักพาตัวไปจากพ่อแม่ของคุณ เรื่องพวกนี้ล้วนแต่ยังเป็นปริศนา และมีคนคอยบงการอยู่ข้างหลัง”
หลังจากเหตุการณ์นี้ ยศพัฒน์ถึงได้ตระหนักถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงของภรรยาแสนสวยของเขานั้นคงไม่ธรรมดา
จากข้อมูลที่อินทัชบอกมา คนที่คุณปู่เร็นส่งไปตรวจสอบข้อมูลของเทวิกานั้น ต่างก็ทำการตรวจสอบกลุ่มชนชั้นสูงในเมืองใหญ่ต่างๆ
นั่นหมายความว่าคุณปู่เร็นเชื่อว่าเทวิกานั้นต้องมีชาติกำเนิดที่สูงมาก แต่ไม่รู้ว่าคุณปู่เร็นอาศัยอะไรในการตัดสิน ว่าชาติกำเนิดที่แท้จริงของเทวิกานั้นสูงศักดิ์
ดูเหมือนว่า เขาจะต้องไปพบคุณปู่เร็น และพูดเรื่องนี้กันตรงๆ สักหน่อยแล้ว
“วิกา คุณวางใจได้ ผมจะต้องช่วยคุณตามหาพ่อแม่แท้ๆ ของคุณให้เจอ และไขปริศนาชาติกำเนิดของคุณให้ได้ พร้อมกับตรวจสอบว่าใครที่คอยบงการอยู่เบื้องหลัง”
เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายผู้หญิงของเขาได้เด็ดขาด!
“พี่พัฒน์ ขอบคุณมากนะคะ”
“เกรงใจกับผม ควรถูกลงโทษ”
ยศพัฒน์กดเธอลงบนเตียงแล้วจูบริมฝีปากอวบอิ่มของเธอไว้
เทวิกายอมจำนนอย่างรวดเร็ว แล้วพูดขอร้อง“พี่พัฒน์คะ ไม่เอาแล้วค่ะ พวกเรายังต้อง… อ๊ะ จริงด้วย ดูเหมือนว่าพี่ชายของฉันจะกลับมาพร้อมกับพวกเราด้วย!”
ในที่สุดเทวิกาก็นึกถึงพี่ชายของเธอขึ้นมาได้
ชเนนทร์ที่นั่งสูบบุหรี่ในรถไปแล้วไม่รู้กี่มวน แทบจะร้องไห้ออกมา ในที่สุดก็นึกถึงเขาได้สักที
ยศพัฒน์: …เขาลืมไปว่าพี่ชายของภรรยากลับมาพร้อมกับพวกเขาด้วย
ดังนั้น ทั้งคู่จึงไม่กล้าเล่นสนุกต่อ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากแต่งตัวเสร็จ และแน่ใจว่าจะปกปิดร่องรอยไว้เรียบร้อย เทวิกาจึงเดินจูงมือสามีของเธอลงไปข้างล่างด้วยท่าทางร้อนตัว
ตอนที่ชเนนทร์ถูกป้ามะนาวเชิญเข้ามาในบ้าน สีหน้าของเขาบูดบึ้งมาก
เทวิกาทำการชงชาดอกไม้เตรียมไว้ พอพี่ชายนั่งลง เธอก็ยื่นแก้วน้ำชาหอมๆ ให้อย่างเอาใจ แล้วพูดออดอ้อน “พี่คะ นี่เป็นชาดอกไม้ที่ฉันตั้งใจชงให้พี่เองกับมือเลยนะคะ ดับร้อนและดับกระหายด้วย”
ชเนนทร์ถลึงตาใส่เธอ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ก่อนจะหยิบชาขึ้นมาดื่ม และทำการดื่มจนหมดแก้ว
เขาเองก็จำเป็นต้องดับร้อนจริงๆ ถูกสองสามีภรรยาทิ้งไว้นานมาก มันน่าโมโหจริงๆ
ยศพัฒน์ท่าทางเรียบนิ่ง ในใจแอบบ่นพี่ชายภรรยาที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ รู้ว่าพวกเขาเพิ่งได้กลับมาเจอกัน แน่นอนว่าพวกเขาสามีภรรยาต้องทำการกอดปลอบใจกันบ้าง พี่ชายภรรยากลับมาเป็นก้างขวางคอ พอถูกทิ้งให้ต้องรอ กลับโทษพวกเขาอีก
ไม่เหมือนบรรดาลูกน้องของเขาที่รู้สถานการณ์ ที่แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าตามเขากลับมา “ป้ามะนาว ให้ทางห้องครัวทำอาหารเพิ่มอีกสองสามอย่าง ผมกับชเนนทร์จะดื่มกันสักหน่อย”
ยศพัฒน์สั่งป้ามะนาว
ชเนนทร์พูดเสียงเรียบ “เดี๋ยวฉันต้องขับรถกลับ ดื่มไม่ได้”
“งั้น กินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับ”
ชเนนทร์ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ
นี่มันกี่โมงแล้ว ยังกล้าปล่อยให้พี่ชายภรรยากลับไปในขณะที่ท้องว่างหรือไง?
“พี่คะ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะคะ”
เทวิกาพูดเสียงเบา ก่อนที่จะถูกนิ้วของพี่ชายจิ้มไปที่หน้าผากของเธอ
“น้องทำให้พวกเราเป็นห่วงแทบตาย ต่อไปถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีก น้องโทรมาถามพี่ก่อนได้ไหม”
เทวิกาลูบหน้าผากที่โดนพี่ชายจิ้ม แล้วพูดอย่างน่าสงสาร “พอฉันได้ยินว่าพี่ประสบอุบัติเหตุ และถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล ฉันก็ตกใจมาก คิดแค่ว่าต้องรีบไปที่โรงพยาบาล ก็เลย ก็เลยติดกับดักพวกคนร้ายเข้า”
ยศพัฒน์ทนเห็นภรรยาสุดที่รักถูกพี่ชายภรรยาตำหนิไม่ได้ จึงรีบพูดขึ้นมา “ชเนนทร์ เพราะวิกาเป็นห่วงนายมาก เป็นห่วงพี่ชายของเธออย่างนาย เพราะเป็นห่วงถึงร้อนใจ จนติดกับดักคนร้ายอย่างประมาท นายอย่าตำหนิเธอเลย”
“ฉันสอนน้องสาวของฉัน นายอย่ามาแทรก”
ยศพัฒน์สะอึก
พี่ชายภรรยาดูท่าทางจะโกรธมาก
เขาลูบจมูกของตัวเอง แล้วพูดอย่างดี “ต่อไปวิกาจะไม่ประมาทอีก”
“ฉันเป็นพี่ชายของเธอ เธอบอกว่าเธอจะไม่เป็นห่วงฉันจนประมาท นี่นายคิดจะยุแยงให้พี่น้องแตกแยกกันหรือไง”
ยศพัฒน์ “…”
เอาล่ะ เขาพูดอะไรก็ผิด!