“กริ๊งกริ๊งกริ๊ง…”
เสียงโทรศัพท์มือถือของกนกอรดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา แล้วบอกพี่ชายของเธอ “ต้องเป็นวิกาโทรมาแน่ๆ”
พอเธอเห็นเบอร์โทร สีหน้าของเธอก็กระตุกเล็กน้อย
พี่กอล์ฟถามเธอด้วยความรู้สึกตลกว่า “ไม่ใช่วิกาสินะ แล้วใครโทรมา?”
“คนที่เคยเจอแค่ไม่กี่ครั้ง ถือว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งค่ะ”
กนกอรไม่ได้บอกออกไปตรงๆ ว่าเป็นนฤเบศวร์แต่เธอก็ไม่ได้ปกปิดพี่ชายของเธอ เธอกดรับสาย
“กนกอร”
“ฟังอยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงโทรหาฉันดึกแบบนี้”
“คุณจำสิ่งที่คุณสัญญากับผมตอนที่คุณขอร้องให้ผมช่วยคุณตามหาเทวิกาได้ไหม”
กนกอรพยักหน้า “จำไว้ค่ะ คุณเจอเรื่องที่ต้องการความช่วยเหลือจากฉันเร็วถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ คุณพูดมาได้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ขอแค่ฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วยคุณ ถึงจะต้องบุกป่าฝ่าดง ฉันก็จะช่วยคุณอย่างไม่ลังเล”
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก นฤเบศวร์ก็พูดออกมา “คุณไม่จำเป็นต้องบุกป่าฝ่าดง แค่พรุ่งนี้คุณเตรียมทะเบียนบ้านกับบัตรประจำตัวประชาชนไว้ แล้วรอผมที่หน้าอำเภอตอนเก้าโมงเช้า แล้วเราไปจดทะเบียนสมรสกัน”
“เพล้ง!”
โทรศัพท์ของกนกอรหลุดจากมือและตกลงไปที่พื้น
เธอตะลึงงันไปเลย
นฤเบศวร์ได้ยินเสียงเพล้ง นึกว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกนถาม “กนกอร กนกอร คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
พี่กอล์ฟได้ยินว่าเป็นเสียงผู้ชายแปลกหน้าดังออกมาจากโทรศัพท์ และเห็นว่าน้องสาวของเขามีท่าทางตกใจมาก เขาจึงรีบก้มลงไปช่วยเธอเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วถามนฤเบศวร์“คุณเป็นใคร คุณพูดอะไรกับน้องสาวผม? น้องสาวผมถึงได้ตกใจจนยืนอึ้งแบบนี้”
“กนกอรเป็นอะไรหรือเปล่า?”
นฤเบศวร์รู้ว่าคำขอร้องของเขาจะทำให้กนกอรตกใจ
เขาถูกบังคับมา ถ้าเขาเลือกได้ เขาก็ไม่อยากทำให้กนกอรต้องตกใจแบบนี้
แต่ว่า พอคิดว่ากนกอรตกใจมากจนถึงกับโทรศัพท์หลุดมือ เขาก็อารมณ์เสียไม่น้อย
นี่เขาน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือไง?
ตอนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา เธอกลับรีบโทรหาเขาเป็นคนแรก
พี่กอล์ฟกำลังจะพูด แต่กนกอรคว้าโทรศัพท์คืนไปเสียก่อน
กนกอรจับโทรศัพท์เดินออกไปคุย โดยไม่ให้พี่ชายของเธอได้ยิน แล้วพูดกับนฤเบศวร์ที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ว่า “คุณนฤเบศวร์คุณเมาหรือเปล่า หรือคุณเป็นไข้จนสติเลอะเลือน หรือว่าถูกผีเข้า ฉันรู้จักหมอผีท่านหนึ่ง เขาเก่งในด้านการปราบผี ฉันจะแนะนำให้คุณ ให้เขาช่วยคุณขับผีร้ายที่อยู่ในตัวคุณออก คุณจะได้กลับมาปกติสักที “
นฤเบศวร์ “…”
“คุณอยู่ที่ไหน?”
“ฉันกับพี่ชายมากินปิ้งย่างและดื่มเบียร์แถวตลาดกลางคืนใกล้บ้าน”
“เดี๋ยวผมส่งคนไปรับ แล้วมาคุยรายละเอียดกัน”
กนกอร “…”
“ตกลงตามนี้ เราคุยกันทางโทรศัพท์ไม่ละเอียด คุณส่งตำแหน่งมา เดี๋ยวผมส่งคนขับรถไปรับคุณเดี๋ยวนี้”
หลังจากพูดจบ นฤเบศวร์ก็วางสายไป
กนกอรไม่กล้าไม่ส่งตำแหน่งให้เขา
เธอเองก็อยากจะรู้ว่านฤเบศวร์เป็นบ้าอะไร ถึงได้บอกว่าจะจดทะเบียนสมรสกับเธอ
เขาไม่ใช่ว่ารักเปรมามากเหรอ?
หรือว่าคุณปู่เร็นจะบังคับเขา?
เฮ้ย!
เธอเดาถูกเหรอ
ปู่ของเขาบังคับให้เขาแต่งงานกับเธอจริงๆ
แล้วเธอ จะแต่งหรือไม่แต่งดี?
แล้วเขายังใช้บุญคุณมากดดันเธอ
ตอนที่เธอขอร้องให้เขาช่วยตามหาเทวิกา เธอเคยบอกว่า ในอนาคตถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธอจะช่วยเขาอย่างแน่นอน
เฮ้อ สิ่งที่พูดออกไปก็เหมือนน้ำที่ราดออกไป ไม่สามารถเก็บกลับคืนมาได้
หนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้น
กนกอรมาเจอกับนฤเบศวร์ในบ้านพักส่วนตัวของเขา
เขาเองก็กำลังดื่มเหล้า ถึงแม้จะดื่มไปไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้เมา แต่กลิ่นตัวกลับเต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ ซึ่งกลิ่นแรงกว่าดเธอที่ดื่มเบียร์ไปสองขวด
“คุณนฤเบศวร์ บอกฉันมาเร็วๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลังจากเดินตามลุงปริญเข้ามา กนกอรไม่ได้สนใจอะไรมาก เธอรีบเดินหยุดตรงหน้านฤเบศวร์ และถามเขาอย่างร้อนใจ
นฤเบศวร์ผายมือให้เธอนั่งลง
กนกอรนั่งลงตรงข้ามเขา
“กนกอร ปากของคุณไปทำพิธีมาหรือไง ถึงได้พูดตรงได้ถึงขนาดนี้ ปู่ของผมบังคับให้ผมแต่งงานกับคุณ”
กนกอร “…”
เขาถูกบังคับจริงๆ ด้วย
คุณปู่เร็นนี่ก็จริงๆ เลย รู้ว่าทั้งรู้ว่าเธอกับนฤเบศวร์ต่างก็ไม่ได้รักกัน แต่ก็ยังบังคับให้นฤเบศวร์แต่งงานกับเธออีก ถึงแม้เขาจะไม่ชอบเปรมา แต่เขาก็ไม่ควรทำร้ายเธอแบบนี้
ถ้าเธอแต่งงานกับนฤเบศวร์ เธอก็เหมือนกระโดดลงไปในกองไฟ
นฤเบศวร์รักเปรมา
เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะสามารถเอาชนะเปรมาได้ และไม่อยากจะเอาชนะใครด้วย เพราะเธอไม่ได้รักนฤเบศวร์
ไม่รักเขา และไม่สนใจว่าเขาจะรักใคร
“ปู่ของผมบอกว่าถ้าผมไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน เขาจะถอดผมออกจากตำแหน่งประธานRA กรุ๊ปแล้วให้ลูกพี่ลูกน้องของผมเข้ารับตำแหน่งแทน จากนั้นก็ไล่ผมออกจากตระกูลเดชอุปตัดความสัมพันธ์กับผม ต่อให้ผมไปที่ไหน ขอแค่เขายื่นมือไปถึง ท่านจะไม่ให้ผมมีชีวิตที่สุขสบาย จะทำให้ผมไม่มีอะไรเหลือเลย”
กนกอร “…นั่นคือปู่แท้ๆ ของคุณหรือเปล่า”
ใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ
นฤเบศวร์ยิ้มเศร้า “คุณปู่ทำจริงแน่นอน เพื่อขัดขวางไม่ให้ผมแต่งงานกับเปรมา ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขาตัดสินใจได้”
หลังจากที่กนกอรนิ่งเงียบไปสักพัก เธอก็พูดว่า “ดูเหมือนฉันจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงแพ้คุณชายพัฒน์บ่อยๆ”
ยศพัฒน์เป็นประธานบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป และมีอำนาจมีอำนาจในการตัดสินใจที่แท้จริง ไม่มีใครคอยควบคุมอยู่ด้านหลัง
ส่วนนฤเบศวร์ถึงแม้จะนั่งตำแหน่งประธานRA กรุ๊ปแต่เขายังมีปู่อยู่คอยควบคุมอยู่ และยังสามารถดึงเขาลงจากตำเเหน่งได้ทุกเมื่อ
“คุณไม่ได้ลองพยายามต่อต้านหรือไง?”
“ไม่มีประโยชน์ นอกจากว่าผมจะพาเปรมาไปจากที่นี่”
“เป็นไปไม่ได้ เปรมาไม่มีทางหนีไปกับคุณแน่นอน ถ้าคุณไม่มีประโยชน์อะไรกับเธอ และช่วยอะไรเธอไม่ได้ เธอจะต้องทำตัวออกห่างจากคุณ เรื่องที่จะหนีไปกับคุณ คุณฝันไปเถอะ”
นฤเบศวร์ “…”
เขามองไปที่กนกอร “แม้แต่คุณยังพูดแบบนี้ เปรมาแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ เธอกับผมผูกพันกันมาตั้งเเต่เด็ก และเติบโตมาด้วยกัน ครั้งที่แล้วที่ผมขอให้คุณแกล้งแสดงตัวว่าเป็นแฟนของผม เธอยังโกรธมาก แล้วตบคุณด้วย นั่นก็แสดงว่าเธอมีความรู้สึกกับผมเหมือนกัน”
“คุณเป็นแค่ตัวเลือกสำรองของเธอ ถ้าเธอไม่ได้แต่งงานกับคุณชายพัฒน์ การแต่งงานกับคุณก็ไม่ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่เธอก็ตัดใจจากคุณชายพัฒน์ไม่ได้ ตัวเลือกสำรองอย่างคุณจะเสียไปไม่ได้ ถ้าปล่อยให้ใครมาแย่งคุณไป แล้วสุดท้ายเธอไม่มีความหวังที่จะได้แต่งงานกับคุณชายพัฒน์แล้ว เธอจะทำยังไง”
“เธอจะไปหาผู้ชายโง่ๆ อย่างคุณได้จากที่ไหน ผู้ชายที่ยอมทำเพื่อเธอทุกอย่างแบบนี้”
นฤเบศวร์สีหน้าบึ้งตึง
เขาโง่ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย คุณนฤเบศวร์ คุณเลือกที่จะปกป้องตำแหน่งของคุณไว้สินะ แต่คุณกับฉันไม่ได้รักกัน แต่งงานกันไปก็ไม่มีทางมีความสุข คุณลองไปคุยกับคัณปู่ของคุณก่อน ให้เขาเปลี่ยนความคิด”
นฤเบศวร์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเศร้า “ไม่มีประโยชน์ ปู่ของผมให้ทางเลือกผมสองทาง ถ้าผมอยากรักษาตำแหน่งในปัจจุบันของผมไว้ ผมต้องแต่งงานกับคุณ ไม่อย่างนั้นผมจะไม่เหลืออะไรเลย”
“แต่ว่า……”
“กนกอร เราแค่จดทะเบียนสมรสกัน แต่หลังจากที่จดทะเบียนสมรสเรียบร้อย เราก็ต่างคนต่างอยู่ ปู่ของผมอายุมากแล้ว รอท่านจากไป ผมจะคืนอิสรภาพให้คุณ และตอบแทนการเสียเวลาให้คุณ ผมขอให้คุณทนถูกเรียกว่าเป็นภรรยาของผมแค่ไม่กี่ปี”
กนกอร “…ฉันปฏิเสธได้ไหมคะ”
“คุณบอกว่าจะช่วยผมเท่าที่ผมขอ คิดจะกลับคำหรือไง”
กนกอร “…รู้ทั้งรู้ว่าเป็นกองไฟ ฉันต้องกระโดดลงไปอีกเหรอ!”
มันน่าอึดอัดใจจริงๆ!