วันต่อมา
กนกอรขโมยนฤเบศวร์ไม่อยากให้คนจับตามอง วันนี้เขาก็เลยไม่ได้ขับรถเข้ามา และไม่มีพวกบอดี้การ์ดยืนคุ้มครอง เขาสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่และหน้ากาก ปิดหน้าของเขาเหมือนกับวันที่นัดบอด
ทะเบียนบ้านจากแม่ของเธอมา แล้วเอาทะเบียนบ้านกับบัตรประจำตัวประชาชนมาเก็บไว้ แล้วแอบเดินทางไปที่อำเภอ
นฤเบศวร์มาถึงเร็วกว่าเธอ และกำลังยืนรอเธออยู่
“ทำไมคุณไม่ใส่หมวกคลุมหน้าสีดำ ให้เหลือแค่ดวงตา ปาก และจมูกเหมือนพวกโจรมาเลยล่ะ จะได้แน่ใจว่าไม่มีใครจำคุณได้”
กนกอรแซวเขาพอเห็นการแต่งตัวของเขา
“คุณมาที่นี่ยังไง?”
“นั่งรถบัสมา”
กนกอรตอบกลับเพียงอ่อ “ทำอะไรพิลึกจริงๆ”
นฤเบศวร์ “…ไปกันเถอะ เข้าไปได้แล้ว ตอนนี้ยังเช้าอยู่ คนไม่เยอะ ไปจัดการทุกอย่างให้เสร็จ จะได้แยกย้ายกันไป ฉันถามมาแล้ว เดชวิทย์ยังไม่มา”
เดชวิทย์กับยศพัฒน์รู้จักกัน และแน่นอนว่ารู้จักเขาด้วย
เรื่องที่ยศพัฒน์กับเทวิกาจดทะเบียนสมรสกัน คนที่พูดออกไปคนแรกก็คือเดชวิทย์
ผู้ชายปากมากคนนั้น
นฤเบศวร์ไม่อยากให้เดชวิทย์รู้ว่าเขากับกนกอรมาตฝจดทะเบียนสมรสกัน
“อืม”
กนกอรให้ความร่วมมือกับเขาดีมาก
นฤเบศวร์จับมือเธอ และเดินเข้าไปข้างในอย่างธรรมชาติ
ในขณะที่เดินกนกอรก็หยุดชะงัก แล้วหันไปมองชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกล แล้วพูดกับนฤเบศวร์ “ตั้งแต่มาที่นี่ ลุงคนนั้นก็เอาแต่มองมาที่เรา เขาคิดจะทำอะไรหรือเปล่า?”
นฤเบศวร์ไม่แม้แต่จะหันไปมอง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ลุงเซน พ่อบ้านของตระกูล ปู่ของผมส่งเขามาดูเราว่าจดทะเบียนสมรสกันจริงหรือเปล่า กลัวว่าผมจะพาคุณไปทำทะเบียนสมรสปลอม”
“คุณปู่ของคุณชอบใช้ชื่อของลุงเซนออกไปหลอกลวงผู้คนใช่ไหมคะ?”
“เท่าที่ผมรู้ คุณปู่หลอกแค่กับครอบครัวของคุณ”
กนกอรหัวเราะเหอะออกมา “เป็นเกียรติมากค่ะ”
นฤเบศวร์พาเธอไปในอำเภอ
ลุงเซนเดินตามเข้ามาด้วย
ยังไงก็ตาม ลุงเซนก็ยืนมองทั้งสองคนทำการจดทะเบียนสมรสจนเสร็จ
จนกระทั่งทั้งสองคนได้ทะเบียนสมรสสองฉบับมาสองฉบับ ลุงเซนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้ว!
หลังจากออกมาจากอำเภอแล้ว กนกอรก็ซุกทะเบียนสมรสไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง แล้วโบกมือลานฤเบศวร์ พร้อมกับพูดว่า “ฉันต้องไปดูการปรับปรุงร้าน ไปก่อนนะคะ ลาก่อน”
นฤเบศวร์จับมือเธอไว้ก่อน “เดี๋ยวผมไปส่ง”
“คุณนั่งรถประจำทางมา จะไปส่งฉันได้ยังไง”
กนกอรโบกมือเรียกรถแท็กซี่ ก่อนจะเปิดประตูรถ แล้วขึ้นรถ ปิดประตู พร้อมกับโบกมือลานฤเบศวร์
เธอจากไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีท่าทียืดเยื้อเลย
แต่นฤเบศวร์กลับจับทะเบียนสมรสของเขาไว้ และยืนอยู่ข้างถนนดูรถแท็กซี่ที่กนกอรนั่งเคลื่อนที่ออกไป และห่างออกไปเรื่อยๆ
คนอื่นจดทะเบียนสมรสออกมา ต่างก็ดีใจกันมาก
แต่ทั้งสองคนได้รับทะเบียนสมรสแล้ว ก็แยกย้ายกันไป
“ลุงเซน”
นฤเบศวร์เรียกลุงเซน
ลุงเซนจึงก้าวไปข้างหน้า แล้วทักทายคุณชายด้วยความเคารพ
นฤเบศวร์ยื่นทะเบียนสมรสให้ลุงเซนแล้วพูดว่า “ผมจะกลับบริษัท ลุงเซนเอาสิ่งนี้กลับไปให้คุณปู่ดูเถอะ ลุงดูกระบวนการทั้งหมด กนกอรกับผมทำตามขั้นตอนปกติ ทะเบียนสมรสที่ได้รับนั้นเป็นของจริงอย่างแน่นอน”
ลุงเซนไม่รับทะเบียนสมรสมา แต่พูดยิ้มๆ “คุณชายครับ คุณท่านบอกให้คุณพาคุณนายน้อยกลับบ้าน แล้วเอาทะเบียนสมรสให้ท่านดูเอง”
“ อย่าเรียกเธอว่าคุณนายน้อย เธอ…”
“คุณนายน้อยเพิ่งจดทะเบียนสมรสกับคุณชายเสร็จ ทะเบียนสมรสยังร้อนอยู่เลย คุณชายลืมไปหรือเปล่าครับ ในเมื่อพวกคุณจดทะเบียนสมรสกันแล้วก็ถือว่าเธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณชาย และเป็นคุณนายน้อยของพวกผม”
นฤเบศวร์สีหน้าบึ้งตึง
เขาขอให้กนกอรเก็บเป็นความลับได้ แต่เขาไม่สามารถทำให้ลุงเซนปิดปากได้
คนคนนี้คือลูกน้องคนสนิทของคุณปู่!
“ร้านของกนกอรกำลังงานยุ่ง ผมจะพาเธอกลับไปหาคุณปู่ตอนเย็น ในช่วงนี้ห้ามให้ใครมารบกวนเธอ นำคำพูดของผมไปบอกคุณปู่ด้วย อย่าทำเกินเหตุ”
ลุงเซนตอบรับด้วยความเคารพ “ผมจะเอาคำพูดของคุณชายไปบอกคุณท่านอย่างแน่นอนครับ”
“เอาล่ะ คุณกลับไปได้แล้ว ผมจะกลับบริษัทแล้ว”
นฤเบศวร์กวักมือเรียกแท็กซี่ ก่อนจะขึ้นรถจากไป
ลุงเซนรอให้เขาจากไป ก่อนจะเดินไปที่รถของเขา
……
ตอนที่นฤเบศวร์กลับมาถึงบริษัท เขาเห็นรถหรูหลายคันจอดอยู่หน้าตึก หนึ่งในนั้นคือมายบัค ที่ต่อให้ไหม้เป็นเถ้าถ่าน เขาก็จำได้ว่าเป็นของใคร
เขาคือยศพัฒน์คู่แข่งของเขานั่นเอง
ไม่ต้องถาม ก็รู้ว่ารถหรูคนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นรถของพวกบอดี้การ์ดของยศพัฒน์
ยศพัฒน์มาแล้ว
เป็นไปตามที่คาด ตอนที่นฤเบศวร์เดินเข้าไปในอาคาร แผนกต้อนรับก็บอกเขาว่า คุณชายพัฒน์มาหา และกำลังรอเขาอยู่ในห้องรับแขกวีไอพีชั้นบนสุด
นฤเบศวร์ตอบรับสีหน้าเรียบนิ่ง และขึ้นไปชั้นบนทันที
ในใจของเขาตอนนี้กำลังคาดเดาว่าคู่แข่งของเขามาทำอะไร
ทั้งสองคนไม่ถูกกัน นอกจากเจอกันในการประชุมเป็นครั้งคราว ไม่ค่อยมีการติดต่อกันเป็นการส่วนตัว เรียกได้ว่า มาที่บริษัทครั้งแรกเพื่อเจอคนแบบนี้
สิบนาทีต่อมา
นฤเบศวร์เห็นยศพัฒน์ในห้องรับรองวีไอพีที่ชั้นบนสุด
ยศพัฒน์ยืนอยู่ตรงหน้าต่างกำลังหันหลังให้เขา บรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลอริยชัยกุลราวกับทหารที่ซื่อสัตย์ พอพวกเขาเห็นเขาเดินเข้ามา พวกเขาก็นิ่งเงียบ แล้วออกไปและปล่อยให้เขากับยศพัฒน์ได้คุยกัน
นฤเบศวร์ไม่ทำเรื่องโจมตีด้านหลังยศพัฒน์อย่างแน่นอน
เขาสู้กับยศพัฒน์แต่เขาไม่สามารถเอาชนะยศพัฒน์ได้
พวกบอดี้การ์ดของตระกูลอริยชัยกุล กำลังจับตามองเขาอยู่
ถ้าเขากล้าลอบโจมตียศพัฒน์จากด้านหลัง บรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลอริยชัยกุลคงพุ่งตัวเข้ามา จะรุมเขาจนหมดสภาพลงบนพื้นในอาณาเขตของเขาแน่ๆ
อย่างนี้คงน่าขายหน้ามาก
“วันนี้ลมอะไรถึงพัดมาคุณชายพัฒน์มาหาผมที่นี่ได้”
นฤเบศวร์เดินไปที่ด้านข้างยศพัฒน์ แล้วมองดูท้องฟ้าสีฟ้าครามและเมฆสีขาวบริสุทธิ์นอกหน้าต่าง
ทั้งสองมีส่วนสูงใกล้เคียงกัน และมีท่าทางสง่างามเหมือนกัน ในอดีต ทั้งคู่ต่างก็ใส่ชุดสูท แต่วันนี้ นฤเบศวร์ไม่ได้สวมชุดสูท เพราะเขาเพิ่งกลับมาจากอำเภอ
ในห้องพักของเขามีชุดสำรองให้เปลี่ยนอยู่
เขาสงสัยถึงจุดประสงค์ของยศพัฒน์ที่มาวันนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ทันได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน รีบมาหายศพัฒน์ก่อน
ยศพัฒน์หันไปมองเขา
นฤเบศวร์ก็มองเขาเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่ยศพัฒน์จะมองไปที่ชุดของนฤเบศวร์
นฤเบศวร์ยืดตัวตรงแล้วพูดว่า “รูปร่างของผมก็เหมือนไม้แขวนเสื้อ ใส่ชุดแบบไหนก็ดูดี”
มุมปากของยศพัฒน์ยกยิ้ม
“คุณนฤเบศวร์คงดื่มไปเยอะสินะ ตอนพูดยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดปากอยู่เลย”
นฤเบศวร์ “…”
เหล้าที่ตนเองดื่มเมื่อคืนยังมีกลิ่นติดอยู่
ยศพัฒน์เป็นสุนัขหรือไง จมูกดมกลิ่นเก่งมาก
“ยศพัฒน์ คุณมีธุระอะไรกับผม”
นฤเบศวร์ถามถึงจุดประสงค์การมาของเขาออกไปตรงๆ
ยศพัฒน์ถามเขากลับ “นายไม่เชิญฉันให้ไปนั่งที่ห้องทำงานของนายเหรอ ไม่เอาน่า เรารู้จักกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว ฉันยังไม่เคยไปที่ห้องทำงานของนายเลย พาฉันไปเดินดูหน่อยสิ?”
ปากของนฤเบศวร์กระตุกเล็กน้อย
“ไปเถอะ”
เขาหันหลังเดินออกไปก่อน
ยศพัฒน์เดินตามเขาไป ทั้งสองจึงเดินออกจากห้องรับรองแขกวีไอพีทีละคน
โดยมีพวกบอดี้การ์ดเดินตาม
ตรงหน้าประตูห้องทำงาน พวกบอดี้การ์ดยืนรออยู่ข้างนอก
นฤเบศวร์เชิญคู่แข่งของเขาเข้ามาในห้องทำงานของตัวเอง