เลิกงาน เดินออกมาที่หน้าประตูบริษัท ก็เห็นหญิงสาวที่ตัวเองรัก ยืนถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ เพื่อรอตัวเองเลิกงาน
มันเป็นรสชาติแบบไหน?
รสชาติแห่งความสุข
ยศพัฒน์ไม่เคยชอบดอกไม้เหมือนตอนนี้มาก่อนเลย
โดยเฉพาะดอกไม้ที่ภรรยาให้เขาช่อนี้
ภายใต้สายตาจ้องมองของพนักงานนับพันคน ยศพัฒน์เดินเข้าไปหาเทวิกาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างมีความรู้สึกเหมือนกันว่าประธานที่ใจเย็นหนักแน่นของพวกเขาคนนั้น เวลานี้ฝีเท้าที่เดินเหมือนมีความเร่งรีบเล็กน้อย เหมือนต้องการจะวิ่งเข้าไปหาภรรยา……
“คุณพัฒน์ของพวกเราหล่อจริงๆ !”
“หล่อมากเลย หล่อกว่าดาราอีก”
คนส่วนใหญ่ปรกติจะไม่ได้เจอทศพัฒน์ เวลานี้ต้องขอบคุณภรรยาของประธาน ที่ทำให้พวกเขาได้เห็นหน้าตาที่แท้จริงของประธาน
หล่อเหมือนดังข่าวลือแบบนั้นจริงๆ ท่วงทีกิริยาสง่างาม ไม่เหมือนประธานที่เคร่งขรึมเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามกลับทำให้คนรู้สึกอบอุ่น
ได้ยินมาว่า อารมณ์ของคุณพัฒน์แปรปรวนคาดเดาได้ยากมาก
บางครั้งคือเย็นเหมือนน้ำแข็ง บางครั้งก็อบอุ่นเหมือนหยก
แต่ด้านที่ปรากฏให้ภรรยาของประธานเห็น คือด้านอบอุ่นเหมือนหยกตลอด
ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
“ภรรยาประธานก็สวยมาก เมื่อคู่กับคุณพัฒน์แล้วช่างเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก”
“ภรรยาประธานชาติที่แล้วทำบุญอะไรมา ชาตินี้ถึงได้แต่งงานกับคุณพัฒน์ผู้ชายที่เพียบพร้อมขนาดนี้ ถ้าคุณพัฒน์ยอมเหลือบตามองฉันแค่แว็บเดียว ฉันคงมีความสุขจนตายไปเลย”
ในสายตาของคนส่วนใหญ่ ต่างคิดว่าภรรยาประธานทำบุญมาดี และเป็นเพราะพี่ชายเธอเป็นเพื่อนนักเรียนกับประธาน เธอจึงมีสิทธิ์มากกว่าคนอื่นเพราะใกล้ชิดกัน
ด้วยเงื่อนไขของภรรยาประธานแล้ว ไม่เหมาะสมกับคุณพัฒน์เลย
“เธออย่าฝันลมๆ แล้งๆ เลย”
เทวิกาไม่ได้ยินเสียงกระซิบนินทาของคนพวกนี้ แต่ว่าเธอรู้ดีทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวที่นี่ บรรดาสาวๆ จะมองเธอด้วยสายตาที่อิจฉา บางคนมีความเกลียดและริษยาบวกเพิ่มไปด้วย
เธอยอมรับความคิดเห็นของคนพวกนี้อย่างเต็มใจ
“วิกา คุณมาถึงแล้วทำไมไม่เข้าไป”
ยศพัฒน์เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าภรรยา จากนั้นหยิบกระดาษทิชชู่ออกมาถุงหนึ่ง แล้วดึงกระดาษออกมาสามสี่ใบช่วยเทวิกาเช็ดเหงื่อ
“ฉันไม่ร้อน นี่ก็ตอนเย็นแล้ว ไม่ค่อยร้อนแล้ว”
ถึงแม้เทวิกาปากจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยอมให้เขาช่วยเธอเช็ดเหงื่อแต่โดยดี
หลังจากรอเขาเช็ดเหงื่อให้เธอเสร็จ เธอได้ยื่นดอกไม้ไปให้เขา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “หลังจากคนงานกลับไปแล้ว ฉันก็เลยมารอรับคุณเลิกงาน ระหว่างทางผ่านร้านดอกไม้พอดี เห็นดอกไม้พวกนี้สวยดี จึงซื้อให้คุณหนึ่งช่อ หวังว่าคุณจะมีความสุขแบบนี้ทุกวัน ยิ้มสวยเหมือนดังดอกไม้”
ยศพัฒน์รับช่อดอกไม้มา หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า: “ผมเป็นผู้ชาย ใช้คำว่าสวยเหมือนดอกไม้มาเปรียบเปรยไม่ได้”
“แต่ฉันรู้สึกว่าคุณสวย หล่อเหลารูปงามเหมือนนางฟ้าตกมาจากสวรรค์”
ถูกภรรยาชมว่าหล่อเหลารูปงาม ทำให้รอยยิ้มของยศพัฒน์ยิ่งยิ้มลึกขึ้นไปอีก
“การตกแต่งที่ร้านคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
“เป็นงานโปรเจ็คเล็กๆ ยุ่งอีกสักสามสี่วันก็คงจะตกแต่งเรียบร้อยแล้ว”
เป็นเพราะถูกเปรมาทุบตีทำลายเสียหายจึงต้องทำการตกแต่งใหม่
คนขับรถขับรถออกมา
ยศพัฒน์พาภรรยาที่รักขึ้นรถ จากนั้นรถคันนั้นได้นำพาสองสามีภรรยาออกไปจากบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
เมื่ออยู่บนรถ สองสามีภรรยาใกล้ชิดกันมาก เทวิกาเอ็นตัวเข้าไปพิงกับไหล่ของทศพัฒน์ไว้ ส่วนทศพัฒน์ก็ยื่นมือไปกอดเธอไว้เช่นกัน
ยศพัฒน์ชอบให้เธอพิงไหล่ของเขาไว้
“ยศพัฒน์。”
“ที่รัก ผมชอบคุณเรียกผมว่าที่รักมากกว่า”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ”
ยศพัฒน์ตอบอืมออกมา
“กนกอรกับนฤเบศวร์ถูกบังคับให้ไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”
ยศพัฒน์ตอบโอะออกมา
ไม่มีอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย
เทวิกาเงยหน้ามองเขา “คุณรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“พอเดาได้ แค่คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้เท่านั้นเอง แต่ว่าเมื่อนับดูเวลาแล้ว ก็รู้สึกว่ามันก็ปรกติอยู่ เปรมา ใกล้ออกมาแล้ว”
ผู้เฒ่าเดชอุปตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้เปรมาเข้าไปอยู่ในบ้านของตระกูลเดชอุปเด็ดขาด
“ฉันเป็นห่วงกนกอรมาก เพราะฉันเป็นคนนำปัญหามาให้เธอ”
“วิกา ผมไม่ชอบที่คุณโทษตัวเองแบบนี้ ทุกคนล้วนมีพรหมลิขิตของตัวเองกันทั้งนั้น พรหมลิขิตของกนกอรกับนฤเบศวร์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณ”
เทวิกาถอนหายใจออกมา
“อย่าคิดมาก ไม่แน่ กนกอรอาจเป็นผู้ปลดปล่อยนฤเบศวร์ก็ได้”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”
เทวิกาเอาหัวไปพิงไว้กับไหล่ของสามีอีกครั้ง
“จี๊ด——”
คนขับรถเบรกรถกะทันหัน
ล้อรถเสียดสีกับพื้นถนน ทำให้มีเสียงแสบแก้วหูดังขึ้นมา
ยศพัฒน์กอดภรรยาที่รักไว้แน่น
ร่างกายของเทวิกาจึงไม่ได้เอนไปข้างหน้า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
ยศพัฒน์สีหน้าดิ่งลง ถามคนขับรถเสียงขรึมออกมา
คนขับรถตกใจมากเหมือนยังตั้งสติไม่ได้ ผ่านไปสักพักถึงได้ตอบกลับมาว่า: “คุณชายใหญ่ ผม เหมือนจะชนโดนคน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ยศพัฒน์รีบเปิดประตูลงมาจากรถทันที
เทวิกากับคนขับรถก็ลงตามมาด้วย
หน้ารถมีผู้หญิงนั่งอยู่บนพื้นจริง ดูท่าแล้วเหมือนไม่ได้โดนชน แต่เหมือนตกใจแล้วหกล้มไปกับพื้นมากกว่า
ห่างไปไม่ไกลนักมีตุ๊กตาใหญ่เท่าทารกตัวหนึ่งตกอยู่
“ลูก ลูก”
เมื่อหญิงสาวคนนั้นได้สติ รีบคลานไปเก็บตุ๊กตาของเธอกลับคืนมาทันที
เทวิกาเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วเก็บตุ๊กตาตัวนั้นขึ้นมา
เธอกับยศพัฒน์ พยุงหญิงสาวคนนั้นให้ลุกขึ้นพร้อมกัน
ผิวของหญิงสาวคนนั้นขาวราวกับหิมะ ดูแล้วเหมือนไม่ค่อยแข็งแรง เพราะขาวราวกับไม่มีเลือด หน้าตาเธอดูสวยมาก เพียงแค่ไม่ได้แต่งตัว ผมยาวปล่อยกระจัดกระจาย แต่เสื้อผ้ากลับดูเรียบร้อย และผ้าของเสื้อผ้าก็ดูดีมาก
เนื่องจากเธอดูแลตัวเองได้ดีมาก จึงดูไม่ออกว่าอายุที่แท้จริงของเธอเท่าไหร่แล้ว เทวิกาคาดเดาอายุของเธอ อย่างมากก็แค่สามสิบต้นๆ
“ลูก ลูก”
หลังจากที่หญิงสาวถูกพยุงตัวขึ้นมาแล้ว เอามือไปแย่งตุ๊กตามาจากมือของเทวิกาทันที แล้วกอดมันไว้อย่างแน่นหนา แถมยังเกลี้ยกล่อมอยู่ตลอดเวลาว่า: “ลูก ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่ ลูก ไม่ต้องกลัวนะ”
เทวิกา: “……”
ฉากนี้ดูเหมือนคุ้นเคยมาก!
เธอมองดูรูปร่างหน้าตาของหญิงสาวอย่างละเอียดอีกครั้ง ราวกับว่าเหมือนถูกฟ้าผ่า
หน้าตาของหญิงสาวคนนี้เหมือนกับผู้หญิงเสียสติที่เธอเคยฝันเห็นแล้วสองครั้งเลย
ในฝันหญิงสาวเสียสติได้อุ้มตุ๊กตาคิดว่าเป็นลูก แบบนี้เหมือนกัน
“คุณหญิง คุณหญิง”
มีบอดี้การ์ดผู้ชายสองคนใส่เสื้อสีดำวิ่งเข้ามา
คนที่เกือบถูกรถของยศพัฒน์ชน คือคุณหญิงของตระกูลสาระทานั่นเอง
เธอนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาเมืองแอคเซสซ์ กับลูกชาย
สองแม่ลูกเข้าพักที่โรงแรมเมเปิล
ประยสย์เลือกโรงแรมเมเปิล เพราะโรงแรมเมเปิล เป็นธุรกิจของตระกูลอริยชัยกุลเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองแอคเซสซ์ไม่เพียงแต่เป็นโรงแรมเกรดสูงที่สุดในบรรดาโรงแรมทั้งหมดของเมืองแอคเซสซ์ ระบบรักษาความปลอดภัยก็อยู่ในเกรดสูงที่สุดเช่นเดียวกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาสองแม่ลูกในโรงแรมเมเปิล ตระกูลอริยชัยกุลคงไม่นิ่งนอนใจอย่างแน่นอน
คนพวกนั้นถ้าจะฉวยโอกาสลงมือจัดการพวกเขาสองแม่ลูก ก็คงต้องพิจารณาถึงสถานะของตระกูลอริยชัยกุลเข้าไปด้วย
ในเมืองแอคเซสซ์ ถ้าทำให้ตระกูลอริยชัยกุลโกรธ ก็จะไม่มีจุดจบที่ดี
หลังจากที่ประยสย์จัดการคุณแม่เรียบร้อยแล้ว เหลือบอดี้การ์ดไว้สี่คนเพื่อดูแลคุณแม่ ส่วนเขาพาบอดี้การ์ดอีกสี่คนไปที่บ้านของตระกูลเดชอุป เพื่อต้องการไปหาผู้เฒ่าเดชอุป
คิดไม่ถึงประยสย์เพิ่งออกไป คุณหญิงก็วิ่งหนีออกมาจากโรงแรมแล้ว
บอดี้การ์ดวิ่งไล่ตามมา
ในที่สุดก็วิ่งไล่ตามทัน
“คุณหญิง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
บอดี้การ์ดทั้งสองมองคุณผู้หญิงด้วยสายตาที่ตื่นเต้นเพราะไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า
เมื่อเห็นคุณผู้หญิงไม่ได้บาดเจ็บอะไร พวกเขารีบกล่าวโทษยศพัฒน์สองสามีภรรยาออกมาทันที: “พวกคุณขับรถกันยังไง?ไม่เห็นว่ามีคนเหรอ?โชคดีที่คุณหญิงไม่เป็นอะไร”
เมื่อเทวิกาตั้งสติได้ รีบถามออกมาว่า: “ขอโทษด้วย พวกเราคิดไม่ถึงว่าเธอจะพุ่งออกมากะทันหัน ถึงแม้รถพวกเราจะไม่ได้ชนเธอ แต่เมื่อกี้เธอล้มลงไปกับพื้น ไม่รู้ว่าได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า พวกเรายินดีส่งเธอไปตรวจเช็กที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะได้รับเจ็บหรือไม่ พวกเรายินดีรับผิดชอบทั้งหมด”