ชเนนทร์“……”
เพื่อนของคุณหญิงธิษณาก็อายุเท่ากับเธอ อายุรุ่นคุณยายหมดแล้วละมั้ง
ทุกคน“……”
คนเป็นแม่ต่างก็เป็นแบบนี้ทุกคน
อาหารมื้อนี้ ทุกคนรับประทานกันอย่างมีความสุขมาก
หลังทานอาหารเสร็จแล้ว ก็พูดคุยกันสักพัก จากนั้นทุกคนจึงลงมาชั้นล่างพร้อมกัน
คุณหญิงธิษณากับลูกชายสองคนแม่ลูกยังพักอยู่ที่โรงแรมเมเปิล พวกเขามาส่งยศพัฒน์กับคนอื่นที่ชั้นล่าง
เทวิกาพยายามโน้มน้าวพี่ชายแท้ว่า “พี่คะ พี่ก็พาแม่เข้าไปพักที่คฤหาสน์เมเปิล ที่นั่นสภาพแวดล้อมดีมาก และปลอดภัยมากด้วยค่ะ”
“โรงแรมเมเปิลก็ปลอดภัยมาก เธอไม่เชื่อใจพี่ชายของเธอ ก็ควรจะเชื่อใจผู้ชายในครอบครัวเธอด้วย”
ประยสย์ยิ้มพลางเอ่ยว่า“สักพักแล้วกัน อีกสักพัก พี่จะมาแม่ไปรบกวนพวกเธอสามีภรรยา”
พวกเขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก
ก่อนอื่น เรื่องนี้ ยังไม่ได้แจ้งกับญาติของทั้งสองฝ่าย
หลังจากเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จแล้ว เทวิกาก็พูดว่า“งั้นพี่ไปส่งแม่ที่ร้านฉันทุกวันนะคะ พวกเราสองคนแม่ลูกจะได้ทำความคุ้นเคยกัน”
“ได้”
ทุกคนเดินออกมาจากโรงแรม แต่กลับเจอคนอีกกลุ่มหนึ่งตรงประตู
ก็คือนฤเบศวร์ที่พาเปรมามากินข้าว
เปรมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงแรมแอคเซสซ์ใช้เวลาไม่น้อย
ตอนนี้ มาที่โรงแรมเมเปิล กลุ่มของยศพัฒน์ดื่มกินจนอิ่มเตรียมจะไปแล้ว
เปรมายังถือช่อดอกไม้ที่นฤเบศวร์ให้เธอช่อนั้นอยู่
นฤเบศวร์เองก็อ่อนโยนและเอาใจใส่เธอมาก แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ คนเป็นแม่ทั้งสองคนก็มองดูอย่างมีความสุข จงใจเดินตามหลังพวกเขาสองคน ปล่อยให้พวกเขาได้ใกล้ชิดกัน
ทั้งสองฝ่ายชะงักฝีเท้า
“ยศพัฒน์”
เปรมาเรียกยศพัฒน์ด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ถ้าเทวิกาไม่ได้อยู่ข้างกายเขา เธออาจจะพุ่งเข้าไปหาเขาเหมือนเมื่อก่อน แล้วก็ เจอกับความว่างเปล่าทุกครั้งที่พุ่งตัวไปแม้แต่แขนเสื้อของยศพัฒน์ยังไม่เคยได้แตะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ยศพัฒน์เหลือบมองเธออย่างเยือกเย็น ริมฝีปากเม้มแน่น ไม่ได้ตอบเธอ
ความดีใจของเปรมาเย็นยะเยือก
ใช่แล้ว ยศพัฒน์แต่งงานแล้ว
เธอมองไปที่เทวิกา เทวิกาเองก็มองเธอ
“เทวิกา เรื่องครั้งนั้น ฉันเป็นคนผิดเอง ขอโทษนะ ความเสียหายในร้านเธอ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้สองเท่า”
เปรมาก้าวมาข้างหน้าสองก้าว ขอโทษเทวิกาด้วยความจริงใจ
เทวิกาดวงตาเป็นประกาย ใบหน้ากลับเรียบเฉย เธอพูดถึงเรื่องชดใช้ค่าเสียหายว่า“อีกเดี๋ยวฉันจะส่งรายกายของสิ่งที่เสียหายในร้านไปให้คุณเปรมานะคะ คุณเปรมาโอนเงินมาให้ฉันก็ได้ค่ะ”
“วิกา ให้เธอเอาเงินให้คุณตอนนี้เลย”
จู่ๆก็มีใครบางคนพูดขึ้นมา
ตอนที่ทุกคนหันมามองเขา เขาก็อธิบายกับภรรยาที่รักว่า“คุณไม่มีช่องทางการติดต่อเธอ จะส่งให้เธอยังไง”
เทวิกาถามตามสัญชาตญาณว่า“คุณก็ไม่มีเหรอคะ”
“ผมจำเบอร์โทรศัพท์ของเธอไม่ได้แล้ว”
เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่มีใจให้กันตั้งแต่วัยเด็ก แต่กลับบอกว่าจำเบอร์โทรศัพท์เปรมาไม่ได้
มีดเล่มนี้ มีความแหลมคมพอ
ทิ่มแทงจนเปรมาเลือดโชก
ตอนที่เธอกลับประเทศ เคยส่งข้อความให้เขา และโทรหาเขา
เขากลับบอกว่าจำเบอร์โทรศัพท์เธอไม่ได้ เพราะแบบนี้หรือเปล่า เขาจึงไม่เคยตอบกลับ ข้อความของเธอเลย
ไม่ว่าเขาจำไม่ได้จริงหรือแกล้งจำไม่ได้ ประโยคนี้ของเขาก็ทำให้เทวิกาพอใจได้สำเร็จ
“คุณเทวิกาจำตัวเลขได้หรือเปล่าคะ บอกฉันได้เลย ฉันจะจ่ายให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”
แน่นอนว่าเทวิกาจำได้
เธอพูดตัวเลขจำนวนหนึ่งออกมา
เปรมาจะชดใช้ให้อีกเท่าตัว เธอไม่มีเงินสด เอาเงินสดจากแม่ของเธอและบัณฑิตาสองคนแม่ลูก จึงชดใช้ได้จนครบตามจำนวน
“คุณเบศวร์ นี่คุณเอาเงินมาให้ผมเหรอ”
ยศพัฒน์เหล่มองเขา
เรื่องที่นฤเบศวร์ไปรับเปรมา เขาไม่แปลกใจเลยสักนิดเดียว ถ้ามีวันหนึ่ง ที่นฤเบศวร์ไม่ไปรับเปรมาแล้ว นั่นเขาถึงจะแปลกใจ
ใบหน้าหล่อเหลาของนฤเบศวร์บึ้งตึง
เขาสังเกตท่าทางของกนกอรจากหางตา เห็นว่าเธอมีสีหน้าท่าทางปกติ ตอนที่มองเห็นเขามากับเปรมา แม้แต่คิ้วของกนกอรยังไม่ขมวดเลยสักนิด
นี่คือปฏิกิริยาปกติของภรรยาที่เห็นผู้หญิงอื่นอยู่ข้างกายสามีเหรอ
นฤเบศวร์ว่ากนกอรไม่มีคุณสมบัติที่ดีของการเป็นภรรยาอยู่ในใจ
กนกอร:ไอ้คนเลว ฉันก็แค่ทำงานตามที่รับเงินมา พวกเราเป็นสามีภรรยากันแค่ในนาม
นฤเบศวร์:……
“ต่อหน้าผู้หญิงที่รัก ใช้เงินให้มากหน่อยนะ อย่าขี้เหนียวนัก ผมจะบอกที่โรงแรมไว้ให้ ให้ดูแลต้อนรับพวกคุณให้ดี”
ประโยคสุดท้ายของยศพัฒน์เขาเน้นเสียงหนักมากเป็นพิเศษ
นฤเบศวร์รู้ว่าการที่ตนเองเดินเข้ามาในโรงแรมเมเปิลก็เท่ากับว่าเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือด
“พวกเราไปก่อนนะ”
ยศพัฒน์โอบภรรยาที่รัก เดินผ่านหน้าของนฤเบศวร์กับเปรมาไป ตอนที่เดินผ่านบัณฑิตา ยศพัฒน์ก็ก้มศีรษะทักทายอย่างมีมารยาท“คุณฑิตา”
บัณฑิตาก็ส่งเสียงตอบรับ
ส่วนคุณณัฏฐา ยศพัฒน์ก็ทำเป็นมองไม่เห็นเลย
ชเนนทร์กับกนกอรเดินตามหลังสองสามีภรรยาออกจากโรงแรมไป
นฤเบศวร์อาศัยจังหวะที่เปรมาไม่ทันได้สังเกต หันไปมองกนกอรครู่หนึ่ง เห็นว่าเธอเดินไปโดยไม่หันกลับมามองเลย ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา แล้วยังเดินเคียงคู่ไปกับชเนนทร์ มองจากทางด้านหลัง ทั้งสองคนให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคู่รักกัน
สองแม่ลูกตระกูลสาระทา รู้ว่าอะไรควรไม่ควร จึงไม่ถามอะไรมาก
ส่วนในใจทุกคนจะคิดอย่างไร มีแต่ฟ้าที่รู้
หนึ่งวัน ผ่านไปอย่างเงียบสงบมาก
เวลาสี่ทุ่มครึ่ง ร้านOne Day In Coffeeปิดแล้ว
เทวิกาปิดคอมพิวเตอร์ ลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ
“เขียนอัพเดตเสร็จแล้วเหรอ”
กนกอรถามเธอ
“อืม จำนวนที่อัพเดตเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่จะได้รับรางวัลการเข้างานเต็มรูปแบบ”
กนกอรยิ้มพลางเอ่ยว่า “เมื่อก่อนแกทำงานเอาเป็นเอาตาย อัพเดตใหม่ทุกวันเยอะแยะขนาดนั้น คนอ่านของแกถูกแกประเคนให้อ่านเยอะแยะจนเคยตัวแล้ว ช่วงนี้ถ้าแกลางานไม่ต้องอัพเดต ไม่อย่างนั้นก็อัพเดตแค่สองสามพันคำ นักอ่านของแกเขาไม่โวยวายเหรอ”
“โวยวายสิ ฉันไม่กล้าไปดูความคิดเห็น และก็ไม่กล้าตอบกลับด้วย กลัวว่านักอ่านจะส่งใบมีดมาให้”
เทวิกาพูดไปพลางเดินออกมาจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์ไปพลาง ริมน้ำอุ่นให้ตัวเองหนึ่งแก้ว สายตามองออกไปข้างนอก พูดว่า “ท่านประธานจอมเผด็จการของฉันน่าจะมารับฉันแล้วนะ”
กนกอรหันไปมองที่ประตูร้าน ยังไม่เห็นรถมายบัคของท่านประธานจอมเผด็จการคนนั้น มองดูเวลา“ยังขาดอีกห้านาที ท่านประธานจอมเผด็จการรักษาเวลามาก มาตรงต่อเวลาทุกวัน”
นั่งลงตรงข้ามเพื่อนสนิท เทวิกาดื่มน้ำไปสองอึก พูดด้วยความจริงใจว่า“เรื่องมันก็เกิดมาหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้ฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นความฝัน ในเวลาหนึ่งเดือนนี้ เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันมีสีสันมากกว่าเรื่องในอดีตที่ผ่านมายี่สิบกว่าปีของฉันอีกนะ”
การแต่งงานแบบสายฟ้าแลบ คิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกับเธอ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเป็นคุณชายแห่งตระกูลมหาเศรษฐีพันล้าน
พ่อแม่ที่เรียกว่ายี่สิบกว่าปี ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ
คิดว่าตนเองไม่คู่ควรกับยศพัฒน์ ใครจะไปรู้ว่าตนเองจะเป็นทายาทผู้รับมรดกพันล้าน ไม่ทันไรก็อยู่ในระดับเดียวกับยศพัฒน์
ชีวิตคนเรา มันช่างมีแต่ความดราม่าเต็มไปหมด!
“เหมือนฝันอย่างนั้นเลย แล้วก็เหมือนนั่งรถไปเหาะ ขึ้นๆลงๆ ยังคงสร้างความตื่นเต้นหวาดเสียว”
กนกอรรู้สึกเข้าใจเหมือนเป็นตัวเอง
หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ แม้แต่ตัวจริงๆของนฤเบศวร์ยังไม่ได้เห็นเลย
หนึ่งเดือนให้หลัง เธอก็กลายเป็นภรรยาในนามของนฤเบศวร์
“ฉันควรจะโทรหาแม่บุญธรรมฉันได้แล้ว”
เทวิกาพูดพลาง หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ โทรหาแม่บุญธรรม
ก่อนหน้าที่ผลตรวจดีเอ็นเอของเธอกับคุณหญิงธิษณาจะออกมา เธอก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับพ่อแม่บุญธรรมเลย ไม่อยากให้พ่อแม่ต้องวิตกกังวลเกินไป และกลัวว่าพวกเขาจะคิดฟุ้งซ่าน